สมาคมนักข่าวฯ 22ธ.ค.-สภาที่ 3 จัดงานเสวนา ปม ใครอุ้มปารีณา เชื่อรัฐบาลอยู่เบื้องหลัง แนะต้องมีความยุติธรรมภายใต้กฎหมายเดียวกัน
ที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยวันนี้ (22 ธ.ค.) มีงานเสวนาภาคประชาชน ว่าด้วยเรื่องการตรวจสอบการคอร์รัปชั่นอำนาจ กรณีใครอุ้มปารีณา ซึ่งจัดโดยสภาที่ 3 ร่วมกับคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 มี นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต่อต้านคอรัปชั่น ,นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ,นายณัชพล สุพัฒนะ หรือ มาร์คพิทบูล นักเคลื่อนไหวภาคสังคม และ นายบุญส่ง ชเลธร นักวิชาการ เข้าร่วมถกประเด็นการถือครองที่ดินแบบผิดกฎหมายของผู้มีตำแหน่งทางการเมือง
นายนายศรีสุวรรณ กล่าวถึงกรณีการถือที่ดิน ส.ป.ก. ของ นางสาวปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐว่า นางสาวปารีณา บุกรุกที่ดินของรัฐ ทั้งกรมป่าไม้ และ ที่ดินของส.ป.ก. และสงสัยว่า เจตนารมณ์ของกฎหมายไม่ได้มีไว้ให้นักการเมืองหาผลประโยชน์ อีกทั้งตามกฎหมายยังเป็นที่ของป่าสงวนแห่งชาติ ไม่สามารถอ้างได้ว่าเป็นของ ส.ป.ก. เรื่องดังกล่าวเป็นหน้าที่ของภาครัฐ ซึ่งตอนนี้อยู่ในกระบวนการทางกฎหมายแล้ว ทั้งนี้เน้นย้ำ ว่า ส.ป.ก. เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ จะต้องทำตามหน้าที่ไม่สามารถละเลยได้ การบุกรุกที่ดินจะต้องดำเนินคดีอาญาไม่ใช่คดีแพ่ง เช่นเดียวกับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอีกหลายคนที่ถือครองที่ดินโดยผิดกฎหมาย แต่ที่ผ่านมาไม่เคยเห็นว่า นายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข เลขาธิการ ส.ป.ก. ดำเนินคดีทางอาญากับ นางสาวปารีณาจึงได้ยื่นหนังสือไปยัง นายวิณะโรจน์ เพราะสงสัยในเจตนารมณ์การทำงานของ ส.ป.ก. และยืนยันจะนำคดีนี้ส่งต่อศาลปกครอง เพื่อดำเนินกฎหมายกับเลขา ส.ป.ก. ฐานละเลยหน้าที่ด้วย
นายณัชพล หรือ มาร์คพิทบูล กล่าวว่า ปัจจุบันนี้ การถือครองที่ดินของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีมาก แต่ไม่มีการดำเนินการอย่างจริงจัง มักดำเนินการกับประชาชนธรรมดามากกว่า ทั้งที่ประชาชนมีที่ดินมาตั้งแต่บรรพบุรุษ ก็กลับกลายเป็นไม่มีโฉนดที่ดินที่ถูกต้อง รวมถึงถูกดำเนินคดีจากเจ้าหน้าที่รัฐแบบเด็ดขาด และไม่เป็นธรรม ส่วนตัวไม่สนใจว่านางสาวปารีณา จะโดนคดีหรือไม่ แต่สาระสำคัญคือ การดำเนินการทางกฎหมายต้องเป็นธรรม และมีมาตรฐาน คนผิดต้องได้รับโทษทุกคนไม่มียกเว้น แต่กรณีของ นางสาวปารีณา เชื่อว่าเป็นการเดิมพันที่สูงของฝ่ายอำนาจรัฐ
“วิ่งไล่ลุงก็ไม่ได้ ใครที่เป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐจะถูกดำเนินคดี แต่ใครที่อยู่ฝั่งตัวเองก็เฉยๆ วิ่งไล่ลุงไม่ได้ แต่เดินตามลุงได้ ผมเห็นว่าไม่ค่อยเป็นธรรม ผมจึงมีการจัดวิ่งไล่ควายให้หลังจากวิ่งไล่ลุงจบหนึ่งสัปดาห์ก็มีวิ่งไล่ควายต่อที่สวนลุม แต่ว่าควายผมไม่ได้หมายความถึงใคร แต่ถ้าใครจะร้อนตัวก็ช่วยไม่ได้ ควายเป็นสัญลักษณ์ของความโง่เง่า อวดดี เชื่องช้า โบราณ ผมจะมาขอทวงสัญญากับพลเอกประยุทธ์ ว่าเมื่อไรจะทำตามสัญญา และจะแก้ปัญหาตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ผมอยากถามไปยัง นายกรัฐมนตรีอีกว่า เมื่อไหร่จะทำตามสัญญา”นายณัชพล กล่าว
ด้านนายบุญส่ง ตั้งข้อสงสัยว่าใครอุ้มนางสาวปารีณา เพราะคนอุ้มต้องมีอำนาจรัฐ มีกองทัพหนุน และอำนาจเหล่านี้ได้แผ่ขยายไปยัง องค์กร สถาบัน หรือแม้กระทั่งฝ่ายนิติรัฐ แต่เมื่อประชาชนทำความผิด ไม่มียืดเยื้อ แต่ถูกดำเนินคดีทันที และใช้ความรุนแรงในการจับกุม คนส่วนใหญ่จึงโกรธที่อำนาจรัฐทำกับประชาชน ดังนั้นต้องมีความยุติธรรมภายใต้กฎหมายเดียวกัน
“คุณปารีณา เป็นคนของใคร ไปกอดใคร อยู่พรรคใคร คนนั้นแหละที่อุ้ม คนทั้งประเทศเห็นทุกคน กรณีการอุ้มปารีณาไม่ได้เพิ่งเกิด แต่มีมาตั้งแต่ตั้งรัฐบาล ของพลเอกประยุทธ์ ซึ่งเกิดการทุจริตในหลาย ๆ กรณี การขุดลอกคูคลองขององค์การทหารผ่านศึก ,การตั้งบริษัทในค่ายทหารของลูกชาย พลเอกปรีชา จันทร์โอชา น้องชายของพลเอกประยุทธ์ รวมถึงกรณีนาฬิกา ของพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี แม้กระทั้งนักโทษที่มีคดีกลับไปนั่งในสภาฯ โดยไม่ได้ดำเนินการทางกฎหมาย แต่มีตำแหน่งคนใกล้ชิดนายกรัฐมนตรี ทำงานกับรัฐบาล”นายบุญส่ง กล่าว
นายวีระ กล่าวย้ำว่า หากนางสาวปารีณาไม่หลุดจากการเป็น ส.ส. จะเป็นการลดความน่าเชื่อถือของนิติรัฐ โดยส่วนตัวอยากให้กฎหมายศักดิ์สิทธิ์ ต้องบังคับ ลงโทษทุกคนที่ทำความผิด ไม่เลือกปฏิบัติ มีมาตรฐานเดียวกัน สังคมถึงจะอยู่ได้
“ผมจะไม่อ้อมค้อม ขอบอกตรงนี้เลยว่า คนที่อุ้มปารีณาคือรัฐบาล และส่วนตัวเชื่อว่าประชาชนจะเฝ้าดูเรื่องนี้หากมีคำตัดสินว่าปารีณาไม่ผิด เชื่อว่าในอนาคตจะมีแรงกระเพื่อมกลับมาอย่างรุนแรงแน่นอน”นายวีระ กล่าว.-สำนักข่าวไทย