กรุงเทพฯ 22 ธ.ค. – รัฐผนึกกำลังเฝ้าระวังแม่น้ำเจ้าพระยา ท่าจีน บางปะกง ค่าความเค็มเกินมาตรฐานจากน้ำทะเลหนุนสูง สทนช.ประสานหน่วยงานเกี่ยวข้องติดตามสถานการณ์แม่น้ำสายหลักอย่างใกล้ชิด พร้อมประสาน กปน. กรมชลฯ ปรับแผนรับน้ำดิบจากฝั่งแม่กลอง 2 แสน ลบ.ม./วัน ป้องน้ำเค็มกระทบการผลิตประปาสถานีสูบน้ำดิบสำแล
นายสมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เปิดเผยว่า สทนช.ได้มีการติดตามเฝ้าระวังคุณภาพน้ำในแม่น้ำสายหลัก 4 สาย ได้แก่ แม่น้ำเจ้าพระยา แม่กลอง ท่าจีน และแม่น้ำบางปะกง อย่างใกล้ชิด เนื่องจากขณะนี้มีปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์น้อยอาจได้รับผลกระทบจากน้ำทะเลหนุนสูง ส่งผลต่อคุณภาพน้ำใช้เพื่อการอุปโภคบริโภคและการเกษตร นอกจากนี้ ยังติดตามคุณภาพของแม่น้ำสายหลักในพื้นที่ 25 ลุ่มน้ำ จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่มีการติดตามเฝ้าระวัง ได้แก่ กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) การประปานครหลวง (กปน.) การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) กรมชลประทาน และสำนักงานทรัพยากรสิ่งแวดล้อมภาค (สสภ.) ทั้งนี้ สถานการณ์คุณภาพน้ำของ 4 แม่น้ำสายหลักในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา พบว่า มีแม่น้ำที่ค่าความเค็มเกินค่าเกณฑ์มาตรฐาน ประกอบด้วย แม่น้ำเจ้าพระยา ท่าจีน และแม่น้ำบางปะกง
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา สทนช.ได้มีการวิเคราะห์ประเมินสถานการณ์ล่วงหน้า พร้อมประสานเร่งรัดหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กปน.และกรมชลฯ เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยขณะนี้ กปน.มีการติดตามการเฝ้าระวังเกณฑ์คุณภาพน้ำดิบ หากค่าความเค็มที่จุดตรวจวัดสะพานพระนั่งเกล้า มีค่าเกิน 2 กรัม/ลิตร กปน.จะประสานกรมชลประทาน เพื่อระบายน้ำผลักดันน้ำเค็ม ไม่ให้รุกล้ำถึงสถานีสูบน้ำดิบสำแล และหากหน้าสถานีสูบน้ำดิบสำแลมีค่าความเค็มเกิน 0.25 กรัม/ลิตร จะจัดการสูบน้ำดิบให้เหมาะสมตามเกณฑ์คุณภาพน้ำ รวมทั้งประสานงานอย่างใกล้ชิดกับกรมชลประทานลดการรับน้ำดิบจากฝั่งลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาและเพิ่มการรับน้ำดิบจากฝั่งแม่กลอง 200,000 ลบ.ม./วัน เพื่อบรรเทาสถานการณ์คุณภาพน้ำ
ปัจจุบันกรมชลประทานจัดสรรน้ำเพื่อรักษาระบบนิเวศและป้องกันน้ำเค็มตลอดฤดูแล้ง 4 มาตรการ คือ 1. การบริหารจัดการน้ำจะพิจารณาให้สัมพันธ์กับการขึ้นลงของน้ำทะเล 2.ควบคุมการปิดเปิดประตูระบายน้ำตามคลองต่าง ๆ ไม่ให้น้ำเค็มไหลเข้าพื้นที่การเกษตร 3.วางแผนและดำเนินการบริหารจัดการน้ำ พร้อมติดตั้งเครื่องสูบน้ำ เครื่องผลักดันน้ำ การลำเลียงน้ำจากคลองและแม่น้ำสายหลัก เร่งผลักดันน้ำเพื่อลดค่าความเค็มและผลกระทบด้านคุณภาพน้ำอย่างต่อเนื่อง และ 4.ช่วยเหลือรถบรรทุกน้ำเพื่อขนส่งน้ำช่วยเหลือเกษตรกร โดยกำหนดให้มีการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องหมุนเวียนในพื้นที่
ขณะเดียวกัน สทนช.ได้ประสาน คพ. สสภ. กปภ. ให้ดำเนินการติดตามคุณภาพน้ำอย่างต่อเนื่อง โดยทำการตรวจวัดค่าความเค็มที่จุดเฝ้าระวัง และควบคุมค่าความเค็มทุกวันจนกว่าจะสิ้นสุดฤดูแล้ง ประกอบด้วย 1. สถานีสูบน้ำสำแล อ.เมือง จ.ปทุมธานี ให้มีค่าความเค็มไม่เกิน 0.25 กรัม/ลิตร 2.ปากคลองจินดา อ.สามพราน จ.นครปฐม ให้มีค่าความเค็มไม่เกิน 0.75 กรัม/ลิตร 3.ปากคลองดำเนินสะดวก อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี ให้มีค่าความเค็มไม่เกิน 2.00 กรัม/ลิตร และ 4.อ.ศรีมหาโพธิ์ อ.เมือง อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ปราจีนบุรี ให้มีค่าความเค็มไม่เกิน 1 กรัม/ลิตร โดยย้ำให้ทุกหน่วยงานดำเนินการอย่างเร่งด่วนและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เนื่องจากหากบริเวณใดมีแนวโน้มส่งผลกระทบจะสามารถบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อแก้ไขและให้ความช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที.-สำนักข่าวไทย