fbpx

เกษตรกรเตรียมคืน 3 สาร หวั่นติดคุก

กรุงเทพฯ 20 พ.ย. – เลขาฯ สมาพันธ์เกษตรปลอดภัยระบุเกษตรกรเตรียมนำสารเคมี 3 ชนิด คืนรัฐทันทีที่ประกาศยกเลิกการใช้มีผล 1 ธ.ค. หวั่นติดคุก พร้อมเดินหน้ารวบรวมรายชื่อฟ้องศาลปกครอง     


นายสุกรรณ์ สังข์วรรณะ เลขาธิการ สมาพันธ์เกษตรปลอดภัย กล่าวถึงกรณี น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ระบุว่าวันที่ 1 ธันวาคม สารพาราควอต ไกลโฟเซต และคลอร์ไพริฟอส จะกลายเป็นสิ่งกฎหมายผู้ใดมีไว้ในครอบครองจะมีโทษหนักนั้น ได้ศึกษาบทลงโทษตามพ.ร.บ.วัตถุอันตราย มาตรา 74 ระบุว่ามีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ถ้ากระทำผิดโดยประมาทมีโทษปรับไม่เกิน 800,000 บาท ทำให้เกษตรกรประมาณ 20,000 คน ซึ่งเกรงกลัวโทษได้ประสานมายังสมาพันธ์เกษตรปลอดภัย เพื่อจะขอนำมาส่งคืนรัฐด้วยตนเอง โดยจะไปคืนที่ห้องทำงานนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ น.ส. มนัญญา รมช. เกษตรฯ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นอกจากนี้ เกษตรกรยังมีความกังวลเรื่องค่าทำลายสารเคมี เนื่องจาก น.ส.มนัญญา ระบุว่าเป็นภาระของผู้ครอบครอง ใครใช้เงินหลวงทำลายถึงขั้นติดคุก จึงต้องการถามกระทรวงเกษตรฯ ว่า เกษตรกรซื้อสารเคมีเพื่อใช้ในไร่ในสวนแล้วยังมีเหลือคงค้างจะหาเงินจากไหนมา

นายสุกรรณ์ กล่าวต่อว่า การยกเลิกใช้สารเคมี 3 ชนิด โดยเฉพาะพาราควอตกับไกลโฟเซต ซึ่งเป็นสารป้องกันกำจัดวัชพืชที่มีประสิทธิภาพ โดยเกษตรกรใช้มาเกือบ 50 ปี ทำให้เกษตรกรขาดเครื่องมือในการประกอบอาชีพ โดยที่กระทรวงเกษตรฯ ยังไม่มีมาตรการรองรับใด ๆ ออกมานั้น ทำให้เกษตรกรทั่วประเทศแจ้งมาว่าต้องการร้องต่อศาลปกครอง ทางสมาพันธ์ฯ จึงจัดทำแบบฟอร์มให้ผู้ที่เดือดร้อนลงชื่อเป็นโจทย์ร่วมกัน โดยสมาพันธ์เกษตรปลอดภัยจะรวบรวมรายชื่อทั้งหมดให้ทนายนำร้องศาลปกครองวันที่ 1 ธันวาคมนี้ทันทีที่กฎหมายยกเลิก 3 สารมีผลบังคับใช้


นายวิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ ผู้อำนวยการมูลนิธิชีววิถี กล่าวว่า เครือข่ายสนับสนุนการแบนสารพิษที่มีอันตรายร้ายแรง 686 องค์กรมั่นใจว่าเกษตรกรรมวิถีอินทรีย์เป็นคำตอบให้เกษตรกรทุกกลุ่ม โดยเฉพาะพืชเศรษฐกิจ 6 ชนิด ได้แก่ อ้อย มันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมัน ยางพารา ข้าวโพด และไม้ผล ทางเครือข่ายเรียกร้องให้รัฐบาลกำหนดมาตรการทางการเงินช่วยเหลือเกษตรกร ได้แก่ การจัดตั้งกองทุนชดเชย เยียวยาผู้ได้รับความเสียหายในช่วงปรับเปลี่ยน รวมถึงจัดตั้งกองทุนสนับสนุนการทำเกษตรกรรมยั่งยืน มาตรการทางภาษี โดยลดภาษีนำเข้าเครื่องมือ-อุปกรณ์การเกษตรที่เข้ามาทดแทนการใช้สารเคมีและส่งเสริมการพัฒนาเครื่องและอุปกรณ์เพื่อใช้ในการเกษตร มาตรการนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง เช่น จัดตั้ง พ.ร.บ. ควบคุมสารเคมีโดยให้แยกออกจาก พ.ร.บ.วัตถุอันตราย และจัดตั้ง พ.ร.บ.เกษตรกรรมยั่งยืน

ทั้งนี้ เครือข่ายเกษตรอินทรีย์ทั่วประเทศพร้อมจะเปิดโอกาสให้ผู้สนใจเรียนรู้พร้อมเผยแพร่เทคนิคและวิธีการจนสามารถนำไปปฏิบัติได้จริง สามารถทำบนพื้นที่เกษตรแปลงใหญ่ระดับ 400-500 ไร่ได้ ขณะนี้ประเทศไทยมีพื้นที่เกษตรยั่งยืนประมาณ 33 ล้านไร่ โดยเป็นเกษตรอินทรีย์กว่า 1 ล้านไร่ และได้รับการรับรองแล้วประมาณ 500,000 ไร่ 

“แม้มีกลุ่มผู้ประกอบการและผู้ส่งออกเรียกร้องให้มีการคงระดับค่าตกค้างสารเคมีในผลผลิต รวมถึงให้ทบทวนการยกเลิกใช้ เช่นเดียวกับข้อเรียกร้องในวงวิชาการบางส่วนให้มีการเลื่อนยกเลิกสารพาราควอตออกไปก่อน แต่ทางเครือข่ายยืนยันข้อเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกสารเคมี 3 ชนิดตามระยะเวลาที่กำหนด” นายวิฑูรย์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชี้อิสราเอล-อิหร่านส่งสัญญาณหาทางถอยจากสงคราม

เยรูซาเล็ม 19 เม.ย.- สื่ออิสราเอลมองว่า การที่อิหร่านพยายามปฏิเสธว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอิหร่านวันนี้ไม่ใช่การโจมตีแก้แค้นของอิสราเอล และการที่อิสราเอลยังคงนิ่งเฉยไม่ออกตัวว่าเป็นผู้กระทำ เป็นการส่งสัญญาณว่าทั้ง 2 ฝ่ายกำลังหาทางล่าถอยจากการทำสงครามในขณะที่นานาชาติกดดันให้ใช้ความอดกลั้น เว็บไซต์ไทมส์ออฟอิสราเอลรายงานว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการยืนยันจากทางการอิสราเอลว่า ได้โจมตีอิหร่านในเช้าวันนี้ ขณะที่สื่อทางการอิหร่านรายงานเพียงว่า มีการเปิดใช้งานระบบป้องกันภัยทางอากาศ และปฏิเสธรายงานข่าวเรื่องมีการโจมตีที่ตั้งทางทหารในเมืองอิสฟาฮาน ที่อยู่ห่างจากกรุงเตหะรานลงไปทางใต้ 315 กิโลเมตร โดยระบุว่าเหตุการณ์ปกติ แต่เจ้าหน้าที่อิสราเอลและสหรัฐที่ขอสงวนนามเผยกับสื่อในสหรัฐว่า เป็นฝีมือของอิสราเอล หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ของสหรัฐอ้างแหล่งข่าวอิหร่าน 3 คนว่า ฐานทัพอากาศในเมืองอิสฟาฮานถูกโจมตีแต่ไม่มีข้อมูลเรื่องความเสียหาย ไทมส์ออฟอิสราเอลมองว่า ลักษณะของการโจมตีอย่างจำกัด ซึ่งมีรายงานว่าเป็นการใช้โดรน ไม่ใช่ขีปนาวุธหรือปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ ประกอบกับการที่อิสราเอลไม่ได้ยอมรับอย่างเป็นทางการ น่าจะเปิดทางให้รัฐบาลอิหร่านสามารถปฏิเสธเรื่องความจำเป็นที่จะต้องขู่โจมตีอิสราเอลเป็นครั้งที่ 2 หลังจากระดมยิงขีปนาวุธและโดรนมากกว่า 300 ลูกใส่อิสราเอลเมื่อเช้ามืดวันที่ 14 เมษายนตามเวลาอิสราเอล เป็นสัญญาณเบื้องต้นว่า ทั้ง 2 ประเทศอาจกำลังหาทางล่าถอยจากการทำสงคราม ก่อนหน้านี้มีการคาดการณ์กันอย่างกว้างขวางว่า อิสราเอลจะแก้แค้นอิหร่านตามที่แสดงท่าทีมาตลอดทั้งสัปดาห์ว่า จะไม่ยอมปล่อยให้อิหร่านโจมตีโดยไม่ตอบโต้ จุดกระแสวิตกว่า การโจมตีตอบโต้กันไปมาจะบานปลายกลายเป็นสงครามเต็มรูปแบบ อย่างไรก็ดี มีสัญญาณว่ากองกำลังป้องกันอิสราเอลได้ลดความุรนแรงของแผนการโจมตีตามที่นานาชาติกดดันให้ใช้ความอดกลั้น.-814.-สำนักข่าวไทย  

ผงะ! พบศพหนุ่มเมียนมาในแท็งก์น้ำ ดาดฟ้าหอพัก

ผงะ! พบศพหนุ่มเมียนมาสภาพเปลือย ในแท็งก์น้ำบนดาดฟ้าหอพัก ย่านมีนบุรี เสียชีวิตมาแล้ว 2 วัน คาดลงไปเล่นน้ำคลายร้อน

ระทึก! สารแอมโมเนียจากโรงน้ำแข็งรั่ว บาดเจ็บนับร้อย

ระทึกกลางดึก สารแอมโมเนียรั่วในโรงน้ำแข็ง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ชาวบ้านสูดดม ได้รับผลกระทบกว่า 100 คน ต้องกระจายส่งตาม รพ. ต่างๆ

จับแล้ว! ชายอินเดียฆ่าปาดคอหญิงวัย 51 ปี

เกิดเหตุฆ่าปาดคอหญิงอายุ 51 ปี ในโรงแรมท้องที่ สน.ตลาดพลู ผู้ต้องสงสัยเป็นชายชาวอินเดียที่อยู่ด้วยกันในโรงแรม กว่า 1 สัปดาห์ ก่อนหายตัวไปหลังเกิดเหตุ ล่าสุดตามจับได้แล้ว สารภาพอ้างแค้นผู้ตายไม่คืนเงิน

ข่าวแนะนำ

“บิ๊กโจ๊ก” ถอนคำร้องเอาผิด “เศรษฐา” อ้างไม่ติดใจแล้ว

“บิ๊กโจ๊ก” ยื่น ป.ป.ช. ขอถอนคำร้องเอาผิด “นายกฯ เศรษฐา” กรณีปฏิบัติหน้าที่มิชอบตาม ม.157 อ้างไม่ติดใจดำเนินคดีแล้ว

นายกฯ เชิญ 4 ธนาคารใหญ่ ถกลดดอกเบี้ยบ้านกลุ่มเปราะบาง

นายกฯ เชิญผู้บริหาร 4 ธนาคารใหญ่ เข้าหารือ ขอให้ทั้ง 4 ธนาคาร ช่วยลดราคาดอกเบี้ยเงินกู้บ้านให้กับประชาชน ส่วนความเคลื่อนไหวทางด้านการเมือง เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ เผยส่งชื่อรัฐมนตรีให้นายกฯ พิจารณาแล้ว

สถานการณ์ชายแดนแม่สอดยังไม่น่าไว้วางใจ มีเสียงปืน-ระเบิดจากฝั่งเมียนมา

สถานการณ์ชายแดนไทย-เมียนมา ด้าน อ.แม่สอด จ.ตาก ยังไม่น่าไว้วางใจ หลังเช้านี้ได้ยินเสียงปืนและระเบิดจากการปะทะของกองกำลังกะเหรี่ยงกับทหารเมียนมา ดังขึ้นในรอบ 3 วัน ขณะที่บ่ายนี้ (23 เม.ย.) รมว.ต่างประเทศ เตรียมลงพื้นที่

เฮลิคอปเตอร์กองทัพเรือมาเลเซียชนกันกลางอากาศ-ดับแล้ว 10

กองทัพเรือมาเลเซียกล่าวในแถลงการณ์ว่า เฮลิคอปเตอร์ของกองทัพเรือมาเลเซีย 2 ลำ ชนกันกลางอากาศในระหว่างการฝึกซ้อมสำหรับการแสดงในขบวนพาเหรดของกองทัพเรือ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 10 ราย