ดีเอสไอแถลงจับกุม “ชนินทร์“ ผู้ต้องหาคดีหุ้น STARK

23 มิ.ย. – ดีเอสไอแถลงจับกุม “ชนินทร์“ ผู้ต้องหาคดีหุ้น STARK จากดูไบ เผยเบื้องหลังประสานทางลับกว่า 8 เดือน แจงขั้นตอนนำตัวฟ้องศาล 24 มิ.ย.นี้


นายจักรพงษ์ แสงมณี รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รักษาการอธิบดีดีเอสไอ ร่วมแถลงข่าวการจับกุมตัวนายชนินทร์ อดีตผู้บริหารบริษัท สตาร์ค และผู้ต้องหาคดีฉ้อโกงหุ้น ที่ประตู 10 ชั้น 2 สนามบินสุวรรณภูมิ

นายจักรพงษ์ กล่าวว่า รัฐบาลได้เร่งดำเนินการตั้งแต่เดือนตุลาคม เพื่อนำตัวกลับมาดำเนินคดีให้ได้ กระทั่งวันนี้ (23 มิ.ย.) นำตัวกลับมาได้แล้ว ใช้เวลากว่า 8 เดือน ตั้งแต่กระบวนการหาตัว หลบหนีไปที่ไหน อยู่ประเทศใดบ้าง มีการดำเนินการอย่างละเอียดอ่อน เพราะเกี่ยวกับเรื่องต่างประเทศด้วย เป็นความร่วมมือหลายหน่วยงาน กระทรวงยุติธรรม ดีเอสไอ กระทรวงการต่างประเทศ กลต. อัยการสูงสุด กรณีนี้จะเป็นบทเรียนสำคัญต่อตลาดทุนไทยที่ ก.ล.ต. จะนำไปปรับปรุงเรื่องการดำเนินการให้โปร่งใสและตรวจสอบได้ของตลาดทุนไทย


ทั้งนี้ บริษัท สตาร์ค ได้รับความสนใจในวงกว้าง บริษัทมีการทุจริตกลางปี 2566 นายชนินทร์ ได้หลบหนีไปในช่วงเวลานั้น เดือนกันยายน ช่วงนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เข้ามาบริหารประเทศ หยิบยกเรื่องนี้มามอบหมายให้ตนในขณะดำรงตำแหน่ง รมช.ต่างประเทศ ให้ดำเนินการอย่างเป็นความลับ เพื่อนำตัวนายชนินทร์ กลับมาไทยโดยเร็วที่สุด คดีนี้ส่งผลกระทบต่อนักลงทุน เป็นกรณีที่ประชาชนให้ความสนใจ เป็นภาพลักษณ์ไม่ดีต่อตลาดทุนของไทย

นายจักรพงษ์ เปิดเผยว่า ตนเคยเดินทางไปยูเออี 2 รอบ เพื่อติดตามเรื่องนี้ เพราะทราบดีว่ามีความยากลำบากเรื่องการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน โดยนายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญเรื่องนี้มาก จึงได้เดินทางเป็นการส่วนตัวถึง 2 ครั้ง เพื่อแจ้งกับรัฐบาลยูเออีว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก

นายจักรพงษ์ กล่าวว่า สำหรับกระบวนการหลังจากนี้จะนำตัวนายชนินทร์ ไปดีเอสไอ การจับกุมครั้งนี้ถือเป็นภารกิจลับ ได้มีการพูดคุยกับหน่วยงานราชการของดูไบ ช่วยอำนวยความสะดวกส่งข้อมูลกลับมา และทางดีเอสไอได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปดูไบ เพื่อนำตัวนายชนินทร์ กลับมา ทั้งนี้ ได้มีการพูดคุยเบื้องต้นกับนายชนินทร์ โดยนายชนินทร์ ได้ร้องขอเรื่องความยุติธรรมและความปลอดภัย ซึ่งนายชนินทร์ มีความห่วงเรื่องความปลอดภัย เนื่องจากตอนอยู่ต่างประเทศโดนคุกคามเหมือนกัน


ทั้งนี้ ด้วยหลักฐานที่มีทั้งหมดจะสามารถกล่าวโทษเอาผิด เอาเงินมาคืนให้กับผู้เสียหายได้หรือไม่ นายจักรพงษ์ กล่าวว่า ขั้นตอนหลังจากนี้ขอให้ไปสอบถามกับดีเอสไอ ซึ่งช่วงบ่ายวันเดียวกัน ทางดีเอสไอจะให้รายละเอียดเพิ่มเติม

อย่างไรก็ตาม การที่มาแถลงเพื่อทำให้ประชาชนมั่นใจว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการทุจริตคอร์รัปชัน และเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องนำตัวผู้ต้องหาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมให้เร็วที่สุด

นายจักรพงษ์ เปิดเผยอีกว่า สำหรับการใช้ชีวิตของนายชนินทร์ ไม่ได้ใช้ชีวิตตามปกติ แต่ใช้วิธีการถือพาสปอร์ตนักท่องเที่ยว ส่วนใครให้ความช่วยเหลือขณะอยู่ต่างประเทศนั้น ตนไม่ทราบ คงจะต้องสอบสวนกันต่อไป

ด้าน พ.ต.ต.ยุทธนา กล่าวถึงกระบวนการหลังจากนี้ว่าจะนำตัวผู้ต้องหาไปพบพนักงานสอบสวน เพื่อแจ้งข้อกล่าวหา แจ้งสิทธิที่ผู้ต้องหาสามารถพบทนายได้ มีสิทธิได้รับการเข้าเยี่ยมตามกฎหมาย จากนั้นจะพิมพ์มือ ควบคุมตัว ก่อนจะนำส่งอัยการ ในช่วงบ่ายวันที่ 24 มิ.ย.นี้ ซึ่งพนักงานสอบสวนมีสิทธิคัดค้านการประกันตัว แต่อำนาจการพิจารณาอยู่ที่ศาล

ด้านนายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การนำตัวนายชนินทร์ กลับมายังประเทศไทยถือเป็นอาชญากรทางเศรษฐกิจที่สามารถนำกลับเข้ามาได้เร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ และเป็นการดำเนินการตามคำสั่งของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่ได้สั่งการตั้งแต่เข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีใหม่ๆ ช่วงเดือน ต.ค. 2566

นายเรืองศักดิ์ สุขเสียงศรี ทนายความของนายชนินทร์ เย็นสุดใจ ให้สัมภาษณ์ว่า นายชนินทร์ ไม่ได้อยากหนีเลย และอยากกลับประเทศไทยเพื่อมาสู้คดี แล้วที่ลือกันว่ามีเงิน 8,000 ล้านบาท ส่งไปที่อังกฤษ ไม่เป็นความจริงเลย ที่มาวันนี้มีการออกข่าวว่าจับตัวนายชนินทร์มา แต่ที่ตนรู้นายชนินทร์ต้องการกลับบ้าน น่าจะมีข้อตกลงว่าขอกลับบ้านมากกว่าการจับกุม เพราะที่ดูไบนักโทษหนีคดีอยู่เยอะ ถ้าดีเอสไอหรือตำรวจจะไปจับก็จับได้ทั้งนั้น เขาน่าจะมอบตัวมากกว่าเพื่อกลับมาสู้คดี เพราะทุกอย่างในคดีมาลงนายชนินทร์ทั้งหมดเลย

“ตนเคยไปดูสำนวนทุกคนบอกนายชนินทร์ทำผิดทั้งนั้นเลย ตนยังสงสัยถ้านายชนินทร์ทำผิดจริง มีบางคนทำผิดแบบนายชนินทร์ ทำไมสั่งไม่ฟ้อง แต่ทำไมมาฟ้องนายชนินทร์ เงินบางคนสุจริต นายชนินทร์ไม่สุจริตหรือ ทำอะไรให้มันมาตรฐานเหมือนกัน” นายเรืองศักดิ์ กล่าว

นายเรืองศักดิ์ กล่าวต่อว่า นายชนินทร์ไม่มีความกังวลอะไรเลย ก็คุยกันปกติ ว่าเจอกันที่เมืองไทย แล้วที่สังเกตเดินออกมา ถ้าเป็นคนกังวลจะมากกว่านี้

ผู้สื่อข่าวถามว่า นายชนินทร์ ถูกคุกคามอย่างไร นายเรืองศักดิ์ กล่าวว่า มีการถูกคุกคามจากที่ไหน ตนไม่ทราบเรื่องส่วนตัว แต่ได้ข่าวนายศรัทธา จันทรเศรษฐเลิศ อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงิน บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK ที่โดนจับไปก่อนแล้ว ให้การว่าถูกคุกคามเอาชีวิต นายชนินทร์ก็น่าจะโดนเหมือนกัน ถึงได้ออกไปต่างประเทศ

นายเรืองศักดิ์ กล่าวถึงเรื่องการประกันตัวว่า เป็นเรื่องกะทันหัน จึงยังไม่ได้เตรียมหลักทรัพย์ จะทำตามขั้นตอนระเบียบของศาลทุกอย่าง ไม่ได้มีเจตนาจะฝ่าฝืนคำสั่งศาล หากศาลจะสั่งอย่างไรก็ยอมรับสภาพอยู่แล้ว

ทั้งนี้ ที่นายชนินทร์หลบหนีไปก่อนหน้านี้ ทางทนายให้คำปรึกษาอย่างไร นายเรืองศักดิ์ กล่าวว่า เขาไม่ได้บอกกับตน แต่พูดกับครอบครัวเขา แต่จริงๆ ตนจะบอกว่าไม่ควรจะหนี เพราะไม่ได้ทำความผิด และนายชนินทร์ไม่ใช้โทรศัพท์ติดต่อเลย

นายเรืองศักดิ์ ยอมรับว่า ทุกคดีหนักใจทั้งนั้น แต่เชื่อในความยุติธรรมของศาล ส่วนระเบียบขั้นตอนการประกันตัว ไม่แน่ใจว่าศาลจะให้หรือไม่ เพราะทุกคนที่โดนจับก่อนหน้านี้ไม่ได้รับการประกันตัว จะปฏิบัติตามระเบียบของศาลทุกอย่าง

ทั้งนี้ นายชนินทร์ ร้องขอความเป็นธรรมอะไรบ้าง นายเรืองศักดิ์ กล่าวว่า ในระหว่างที่นายชนินทร์อยู่ต่างประเทศได้ส่งคำร้องให้ตนไปยื่นที่ดีเอสไปและอัยการ แต่ได้รับคำตอบว่าตัวนายชนินทร์ไม่อยู่จะรับเรื่องไว้เฉยๆ โดยเนื้อหาคำร้องปฏิเสธว่าไม่ได้ทำความผิด ได้ให้ข้อเท็จจริงทุกอย่าง เส้นทางการเงิน อำนาจต่างๆ ในการบริหารบริษัท STARK ก็ชี้แจงไปตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏ พร้อมกับยืนยันว่าในคดีนี้มีช่องทางต่อสู้คดีอยู่แล้ว แต่ขอตั้งคำถามว่าทำไมบางคนไม่โดนฟ้องข้อหาเดียวกัน ความผิดเดียวกัน เส้นทางการเงินเหมือนกัน ทำไมบางคนไม่โดนฟ้อง แต่บางคนโดนสั่งฟ้อง ข้อเท็จจริงต้องมี เพราะการสั่งไม่ฟ้องก็ต้องมีเหตุผล ก็จะเอาข้อเท็จจริงนั้นมาต่อสู้คดี

“อยากฝากถึงทุกคนที่อยู่ในกระบวนการสอบสวนสืบสวน ขอให้ความเป็นธรรมด้วย ในชั้นอัยการก็เช่นกัน ถ้าเห็นเหตุผลของนายชนินทร์ที่ยื่นเข้าไป ถ้าสมควรสั่งไม่ฟ้องได้ก็สมควรจะสั่งไม่ฟ้อง แต่ถ้าฟ้องก็จะต่อสู้คดี อันนี้ก็แล้วแต่ศาลจะพิจารณา” นายเรืองศักดิ์ กล่าว.-312-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

Cambodia PM Hun Manet in military uniform

กัมพูชาเสนอศาลโลกตัดสินดินแดนพิพาทกับไทย

พนมเปญ 2 มิ.ย.- ผู้นำกัมพูชาเสนอให้นำข้อพิพาททางดินแดนกับไทยให้ศาลโลกตัดสิน และได้สั่งการให้เจบีซีเร่งจัดการหารือกับไทยเรื่องปักปันเขตแดน ด้านกระทรวงต่างประเทศกัมพูชาได้ยื่นหนังสือประท้วงไทยเรื่องเหตุปะทะที่มีทหารกัมพูชาเสียชีวิต เว็บไซต์หนังสือพิมพ์ขแมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานวันนี้ว่า นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนตได้โพสต์ถ้อยแถลงในสื่อสังคมออนไลน์เมื่อเย็นวันอาทิตย์ว่า เขาได้ตัดสินใจตามที่รับฟังรายงานสรุปจากนายทหารที่ประจำการตามแนวชายแดนไทย หลังจากที่เขากลับจากการปฏิบัติภารกิจในต่างประเทศ โดยได้สั่งการให้คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมกัมพูชา-ไทยหรือเจบีซี (JBC) เร่งจัดการประชุมกับฝ่ายไทยเพื่อเดินหน้าการสำรวจและปักปันเขตแดนระหว่าง 2 ประเทศ ถ้อยแถลงระบุด้วยว่า กัมพูชากำลังเตรียมบรรจุประเด็นใหม่ไว้ในวาระการประชุมเจบีซี คือ การเสนอให้นำข้อพิพาทยาวนานเรื่องปราสาทตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด ตาเมือนควาย และพื้นที่มอมเบ เข้าสู่การตัดสินชี้ขาดของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศหรือศาลโลกที่กรุงเฮกในเนเธอร์แลนด์ นายกรัฐมนตรีกัมพูชาเตือนว่า การยั่วยุเมื่อไม่นานมานี้ของกลุ่มสุดโต่งเล็ก ๆ ได้จุดชนวนความตึงเครียดและโหมกระพือกระแสรักชาติขึ้นใน 2 ประเทศ เขาหวังว่าทั้ง 2 ฝ่ายจะสามารถทำงานร่วมกันเพื่อบรรลุทางออกสุดท้ายให้แก่พื้นที่พิพาทอ่อนไหวเหล่านี้ กัมพูชายังคงมุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหาชายแดนด้วยกลไกทางเทคนิคและหลักการทางกฎหมาย แต่ก็สงวนสิทธิที่จะปกป้องบูรณภาพทางดินแดนด้วยทุกวิถีทาง รวมถึงการใช้อาวุธ หากมีความพยายามใช้กำลังทหารรุกรานดินแดนของกัมพูชา ด้านกระทรวงกิจการต่างประเทศและความร่วมมือสากลของกัมพูชาได้ยื่นหนังสือทางการทูตประท้วงไทย ซึ่งมีการเปิดเผยเนื้อหาเมื่อเย็นวันอาทิตย์ว่า กองทัพไทยเปิดฉากยิงทั้งที่ไม่มีการยั่วยุจากที่ตั้งทางทหารของกัมพูชาในหมู่บ้านเตโชมรกต อำเภอจอมกระสานต์ จังหวัดพระวิหารเมื่อราวเวลา 05.30 น.วันที่ 28 มีนาคม ส่งผลให้ทหารกัมพูชาถูกสังหารอย่างไม่เป็นธรรม 1 นาย และเป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพทางดินแดนของกัมพูชา กระทรวงต่างประเทศของกัมพูชาขอประณามอย่างรุนแรงต่อการกระทำดังกล่าวว่า ผิดกฎหมาย รัฐบาลกัมพูชาเรียกร้องให้สอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยทันทีและถี่ถ้วน และต้องนำตัวผู้กระทำผิดมารับโทษ.-814.-สำนักข่าวไทย

นายกฯ กัมพูชา สั่งระดมทหารประชิดชายแดนไทย

1 มิ.ย. – ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา สั่งระดมกำลังทหารประชิดชายแเดนไทย ขณะเดินทางเยือนญี่ปุ่น พร้อมติดตามสถานการณ์บริเวณชายแดนติดกับไทยอย่างใกล้ชิด หนังสือพิมพ์ขะแมร์ ไทมส์ รายงานว่า ฌอง-ฟรองซัว ตัน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ให้สัมภาษณ์สื่อในประเทศ ระบุว่านับตั้งแต่เกิดเหตุความขัดแย้งตามมแนวชายแดนระหว่างทหารกัมพูชากับทหารไทย นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ของกัมพูชา ซึ่งอยู่ระหว่างปฏิบัติภารกิจเยือนญี่ปุ่น ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด จนกระทั่งเดินทางกลับมายังกัมพูชา เมื่อคืนที่ผ่านมา และได้สั่งการด้วยตัวเองให้ระดมกำลังทหารเพิ่มเติมเข้าประชิดชายแดนด้านที่ติดกับไทย เพื่อปกป้องอธิปไตยและพรมแดนกัมพูชา พร้อมกับยืนยันว่าสถานการณ์บริเวณชายแดนด้านที่ติดกับไทย กลับมาสงบเรียบร้อยตามปกติแล้ว นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ยังได้ติดต่อและสั่งการตามสายงานลงไปยังรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีกลาโหม ผู้บัญชาการเหล่าทัพ และเสนาธิการกองทัพบก ให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และแจ้งความคืบหน้าให้ทราบอย่างต่อเนื่อง หลังเกิดการปะทะกันครั้งล่าสุดระหว่างทหารกัมพูชากับทหารไทย พร้อมกับเรียกร้องประชาชนชาวกัมพูชาเชื่อมั่นการปฏิบัติหน้าที่ของกองทัพและรัฐบาลกัมพูชา ในการปกป้องดินแดน และหาหนทางแก้ไขความขัดแย้งบริเวณชายแดนติดกับไทย โดยยึดผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ และหลังจากนี้ คณะกรรมการพรมแดนของกัมพูชา มีกำหนดพบหารือในช่วงปลายเดือนมิถุนายนนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับรายละเอียดข้อขัดแย้ง และนำเสนอเพื่อเข้าสู่การเจรจาต่อไป.-สำนักข่าวไทย

“โอปอล สุชาตา” คว้ามงกุฎ Miss World 2025

อินเดีย 1 มิ.ย.-“โอปอล สุชาตา” สาวงามตัวแทนจากไทย สร้างประวัติศาสตร์สามารถคว้ามงกุฎ Miss World 2025 มาครองได้สำเร็จ เวทีการประกวด Miss World 2025 ครั้งที่ 72 ณ HITEX Convention Center เมืองไฮเดอราบัด รัฐเตลังคานา ประเทศอินเดีย โดย “โอปอล สุชาตา ช่วงศรี” สาวงามตัวแทนจากประเทศไทย สร้างประวัติศาสตร์สามารถคว้ามงกุฎมิสเวิลด์มาครองได้สำเร็จ โดยการประกวดในปีนี้มีนางงามจาก 108 ประเทศทั่วโลก เข้าร่วม ทั้งนี้ในรอบ 8 คนสุดท้าย มีนางงามที่ผ่านเข้ารอบได้แก่ บราซิล มาร์ตินีก เอธิโอเปีย นามิเบีย โปแลนด์ ยูเครน ฟิลิปปินส์ และประเทศไทย ซึ่งจนกระทั่ง รอบ 4 คนสุดสุดท้าย มาร์ตีนิก เอธิโอเปีย และ โปแลนด์ ทั้ง 4 […]

ข่าวแนะนำ

จุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล

นายกฯ เป็นประธานถวายเครื่องราชสักการะ-จุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี

สนามหลวง 3 มิ.ย.-นายกรัฐมนตรี และคู่สมรส เป็นประธานพิธีถวายเครื่องราชสักการะและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี 3 มิถุนายน 2568 เวลา 19. 49 น. ณ เวทีใหญ่ ท้องสนามหลวง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายปิฎก สุขสวัสดิ์ คู่สมรส เป็นประธานในพิธีถวายเครื่องราชสักการะและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี 3 มิถุนายน 2568 โดยมีผู้แทนประธานรัฐสภา ประธานศาลฎีกา ประธานองค์กรตามรัฐธรรมนูญพร้อมคู่สมรส คณะรัฐมนตรีพร้อมคู่สมรส ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ทหาร ตำรวจ พลเรือน ภาคเอกชน และภาคประชาชน เข้าร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียง นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เมื่อนายกรัฐมนตรีและคู่สมรสเดินทางถึงพิธีท้องสนามหลวง ขึ้นสู่เวที นายกรัฐมนตรี ผู้แทนประธานรัฐสภา ประธานศาลฎีกา ทำวันทยหัตถ์หน้าพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี แล้ววางพุ่มทอง พุ่มเงิน จากนั้นนายกรัฐมนตรีถวายธูปเทียนแพ จุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล […]

ตรวจความพร้อมรบ

แม่ทัพภาค 1 ตรวจความพร้อมรบ พล.ร.9 พร้อมเสริมกำลังทัพภาค 2

กาญจนบุรี 3 มิ.ย.- แม่ทัพภาคที่ 1 ตรวจความพร้อมรบ พล.ร.9 กองกำลังสุรสีห์ ตามแผนเผชิญเหตุ ทบ. พร้อมเสริมกำลังทัพภาค 2 ชายแดนไทย-กัมพูชา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเย็นที่ผ่านมา ที่สนามฝึกทางยุทธวิธี พล.ร.9 จ.กาญจนบุรี พล.ท.อมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาค 1 เดินทางไปตรวจความพร้อมหน่วย ตามแผนเผชิญเหตุของกองทัพบก ทั้งหน่วย กรมทหารราบเฉพาะกิจ กองทัพภาคที่ 1 และกองพันพร้อมรบเคลื่อนที่เร็ว RDF กองทัพภาคที่ 1 โดยมี พล.ต.อัษฎาวุธ ปันยารชุน ผบ.พล.ร.9 ให้ต้อนรับ พล.ร.9 ได้รับมอบหมายจากกองทัพบก ให้จัดกำลังเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติของกองทัพบก ในการใช้กำลังตามแผนเผชิญเหตุของกองทัพบก เข้าในพื้นที่ที่รับผิดชอบ และให้การสนับสนุนเสริมกำลังรบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ในพื้นที่รับผิดชอบกองทัพภาคที่ 1 โดยหน่วยเตรียมกำลังได้ตรวจสภาพความพร้อมรบตามขั้นตอน เพื่อตรวจสอบความพร้อมของกำลังพลและยุทโธปกรณ์ในการปฏิบัติภารกิจในทุกพื้นที่ที่ได้รับมอบภารกิจจากกองทัพบก ทั้งนี้ แม่ทัพภาคที่ 1 ได้ให้โอวาสกำลังพล ในการเตรียมความพร้อมในทุกภารกิจที่ได้รับมอบหมายจากกองทัพบก โดยขอให้มีความพร้อมอยู่ตลอดเวลา ในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ และพร้อมดูแลพี่น้องประชาชน […]

หลวงปู่ศิลา

“หลวงปู่ศิลา” มอบเงินบริจาคให้ มทภ.2 สนับสนุนภารกิจกองกำลังชายแดน

นครราชสีมา 3 มิ.ย.-“หลวงปู่ศิลา” มอบเงินบริจาคให้ มทภ.2 สร้างที่พักในฐานตามแนวชายแดน พร้อมอุปกรณ์เครื่องมือต่างๆ ในการดูแลประเทศชาติ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พระราชวัชรธรรมโสภณ (หลวงปู่ศิลา สิริจันโท) เจ้าอาวาสวัดพระธาตุหมื่นหิน จ.กาฬสินธุ์ และคณะศิษย์และมูลนิธิธรรมะอุทยาน พร้อมทั้งคณะศิษยานุศิษย์ มอบเงินบริจาค จำนวน 2,017,860 บาท และข้าวสารจำนวน 1,500 กิโลกรัม ให้กับกองทัพภาคที่ 2 เพื่อสนับสนุนช่วยเหลือกองกำลังทหารชายแดน โดย พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เป็นผู้รับมอบ ที่กองบัญชาการ ค่ายสุรนารี จ.นครราชสีมา สำหรับเงินทั้งหมดนี้ จะได้นำไปจัดสร้างที่พักในฐานที่มั่นของกองกำลังสุรนารี ที่ปฏิบัติภารกิจอยู่ตามแนวชายแดน รวมถึงจัดซื้ออุปกรณ์และยุทโธปกรณ์ต่างๆ ที่ยังขาดอยู่ ในการปกป้องอธิปไตยของประเทศ รวมถึงการจัดหาเครื่องมือต่างๆที่สามารถใช้ได้ภายในฐานปฏิบัติการเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับทหาร ที่ปฏิบัติภารกิจอยู่แถวชายแดน. -313 สำนักข่าวไทย

Thai drone illegally enters Cambodian airspace, intercepted by Cambodian troops

กัมพูชาอ้างสกัดโดรนที่ส่งจากฝั่งไทย

พนมเปญ 3 มิ.ย.- สื่อกัมพูชารายงานว่า ทหารกัมพูชาสกัดอากาศยานไร้คนขับหรือโดรนที่อ้างว่าส่งจากฝั่งไทยเข้าไปสอดแนมที่ตั้งทางทหารของกัมพูชา เว็บไซต์หนังสือพิมพ์แขมร์ไทมส์รายงานวันนี้ว่า กองทัพไทยยังคงละเมิดดินแดนของกัมพูชา โดยล่าสุดได้ส่งโดรนไปบินเหนือพื้นที่แนวหน้าโดยไม่ได้รับอนุญาต เพื่อสอดแนมที่ตั้งทางทหารของกัมพูชา และถูกกำลังพลกัมพูชาสกัดไว้ได้ แขมร์ไทมส์อ้างรายงานจากชายแดนว่า เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 2 มิถุนายน ทหารกัมพูชาที่ประจำการอยู่บริเวณแนวหน้าในจังหวัดพระวิหารสามารถสกัดโดรนลำหนึ่งที่เข้ามาในน่านฟ้ากัมพูชาเพื่อวัตถุประสงค์ในการสอดแนม ผลการประเมินเบื้องต้นชี้ว่า โดรนลำนี้ถูกส่งโดยกองทัพไทย เพื่อเก็บข้อมูลข่าวกรองเรื่องการประจำการและการเคลื่อนย้ายกำลังพลของกองทัพกัมพูชา.-814.-สำนักข่าวไทย