สศช.เผยจีดีพีไตรมาส 3 โตร้อยละ 2.4 หั่นทั้งปีโตร้อยละ 2.6

กรุงเทพฯ 18 พ.ย. – สภาพัฒน์เผยจีดีพีไตรมาส 3/62 ดีขึ้นเล็กน้อยโตร้อยละ 2.4  แต่หั่นจีดีพีปีนี้เหลือโตร้อยละ 2.6 เหตุส่งออกยังติดลบ ย้ำจำเป็นต้องมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 


นายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการสํานักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ เปิดเผยว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือจีดีพี ไตรมาส 3 ปี 2562 ขยายตัวร้อยละ 2.4 ปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาส 2 ปี 2562 ที่จีดีพีขยายตัวร้อยละ 2.3 ส่งผลให้จีดีพี 9 เดือน ขยายตัวร้อยละ 2.5  โดยปัจจัยสนับสนุนมาจากการฟื้นตัวของภาคการส่งออกที่เริ่มปรับตัวดีขึ้นอย่างช้า ๆ โดยการส่งออกไตรมาส 3 ทรงตัว หรือไม่ขยายตัวเลย ดีขึ้นจากไตรมาส 2 ที่การส่งออกหดตัวร้อยละ 4.2 บวกกับการปรับตัวดีขึ้นของการท่องเที่ยวและการลงทุนของภาครัฐเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.7 เร่งตัวขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าที่โตร้อยละ 1.4 ขณะที่การบริโภคภาคเอกชนขยายตัวในเกณฑ์ดีร้อยละ 4.2 ต่อเนื่องจากร้อยละ 4.6 ในไตรมาส 2 ซึ่งเป็นผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ชิม ช้อป ใช้ ซึ่งสภาพัฒน์เห็นว่ายังมีความจำเป็นที่ต้องมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจปลายปี เพราะยังมีปัจจัยเสี่ยงกดดันเศรษฐกิจไทย

ส่วนเศรษฐกิจไทยปี 2562 คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 2.6 ปรับลดลงจากประมาณการณ์ก่อนหน้าที่คาดว่าจะโตร้อยละ 3 โดยจีดีพีไตรมาส 4 ปี 2562 ต้องขยายตัวให้ได้ร้อยละ 2.8 ส่วนมูลค่าการส่งออกสินค้าปีนี้คาดว่าติดลบร้อยละ 2 การบริโภคภาคเอกชน ขยายตัวร้อยละ 4.3  และการลงทุนโดยรวมขยายตัวร้อยละ 2.7


“แม้ว่าเศรษฐกิจไทยจะดีขึ้นอย่างช้า ๆ แต่ยังมีความจำเป็นที่ต้องมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะยังมีตัวแปรที่ไม่น่าไว้วางใจ เช่น มาตรการกีดกันทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ทางออก Brexit ความผันผวนของตลาดการเงินโลกที่กดดันเงินบาทให้แข็งค่า โดยคาดว่าปีนี้เงินบาทอยู่ที่ 31 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ และ สถานการณ์ภัยแล้ง ดังนั้น การกระตุ้นเศรษฐกิจต้องทำไปพร้อมกันทุกด้านทั้งการบริโภคการใช้จ่ายภาครัฐการลงทุนและการส่งออก เศรษฐกิจไทยจึงจะดีขึ้น” นายทศพร กล่าว

นายทศพร  กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยปี 2563 คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 2.7-3.7 หรือค่ากลางร้อยละ 3.2 เป็นการปรับตัวดีขึ้นอย่างช้า ๆ จากการส่งออกที่คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 2.3  ภายใต้แนวโน้มการปรับตัวดีขึ้นของเศรษฐกิจโลกที่คาดว่าจะโตร้อยละ 3.4  และปริมาณการค้าโลกที่คาดว่าจะดีขึ้น โดยรัฐบาลควรขับเคลื่อนการส่งออกให้สามารถขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 3 เพราะการส่งออกมีสัดส่วนสูงมากต่อจีดีพี โดยกระทรวงพาณิชย์ต้องเร่งโรดโชว์ เจาะตลาดส่งออกในสินค้าที่มีโอกาสได้ประโยชน์จากมาตรการกีดกันทางการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน ซึ่งยังเป็นปัจจัยที่กดดันเศรษฐกิจไทยต่อไป แต่ความรุนแรงสงครามการค้าจะลดลง เพราะเศรษฐกิจสหรัฐ-จีน ได้รับผลกระทบทั้ง 2 ประเทศ โดยเฉพาะจีนที่จีดีพีอาจโตต่ำกว่าร้อยละ 6

อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยเสี่ยงในประเทศที่ต้องติดตาม คือ สถานการณ์การว่างงานที่ภาครัฐต้องจับตาอย่างใกล้ชิด หากมีสัญญาณผิดปกติต้องมีมาตรการช่วยเหลือ เช่น มาตรการชะลอการเลิกจ้าง แม้ว่า จำนวนผู้ว่างงานไตรมาส 3 ปี 2562 อยู่ที่ 390,000 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 1.1  ของกำลังแรงงานรวม จะยังไม่มีความผิดปกติก็ตาม.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง