ศาลสั่งผู้บริหาร ศธ.หักเงินเดือนครูเพื่อชำระหนี้ตามระเบียบ

ศาลปกครอง 26 ก.ย.- ศาลปกครองกลางสั่งรัฐมนตรีศึกษา ผู้บริหาร ศธ.ทุกระดับ  ควบคุมการหักเงินครู- บุคลากรทางการศึกษาเพื่อชำระหนี้เงินกู้ให้เป็นไปตามระเบียบ  โดยต้องมีเงินเดือนคงเหลือไม่น้อยกว่าร้อยละ 30  หลังชี้ปล่อยปละละเลย  ซ้ำค้ำประกันเพื่อให้ลูกน้องได้เงินกู้ กลายเป็นส่งเสริมการเป็นหนี้ไม่จบสิ้นขัดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง


ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ  ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ และเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ควบคุมดูแล และสั่งการให้หน่วยงานในสังกัด ดำเนินการหักเงินเดือนหรือเงินบำเหน็จบำนาญของกลุ่มข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของระเบียบว่าด้วยการหักเงินเดือน เงินบำเหน็จบำนาญข้าราชการเพื่อชำระหนี้เงินกู้ให้แก่สวัสดิการภายในส่วนราชการและสหกรณ์ พ.ศ.2551 คือให้คงเหลือเงินเดือนสุทธิหลังจากหักชำระหนี้แล้วไม่น้อยกว่าร้อยละ 30  โดยให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน180วัน นับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุด

คดีดังกล่าวกลุ่มข้าราชครูและบุคลากรทางการศึกษาจำนวน 2,919 รายได้ยื่นฟ้องรมว.ศึกษาธิการ ต่อศาลปกครองกลาง รวม 45 สำนวนคดี ว่าละเลยไม่สั่งการให้หน่วยราชการในสังกัดดำเนินการหักเงินให้เป็นไปตามระเบียบฯ ข้อ 7 ที่กำหนดว่า การจะให้ส่วนราชการหักเงิน ณ ที่จ่ายเพื่อชำระหนี้เงินกู้นั้น จะต้องมีเงินเดือนสุทธิหลังจากหักชำระหนี้แล้วไม่น้อยกว่าอัตราร้อยละ 30 เหตุเกิดตั้งแต่เดือนตุลาคม พ.ศ. 2555


ส่วนเหตุผลที่ศาลมีคำพิพากษาดังกล่าวระบุว่า หลังมีการออกระเบียบ สำนักงานคณะกรรมการ สกสค. ซึ่งเป็นหน่วยงานที่เสนอออกระเบียบ ได้มีหนังสือลงวันที่ 31 ม.ค.51 แจ้งเวียนให้หัวหน้าหน่วยงานในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการทราบ แต่พบว่าศึกษาธิการจังหวัด ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา หัวหน้าสถานศึกษาในสังกัดกระทรวงศึกษาฯ ยังคงหักเงินเดือน เงินบำนาญของผู้ฟ้องคดีแต่ละรายไม่เป็นไปตามระเบียบ และปลัดกระทรวงศึกษาธิการ  ยังยอมรับว่า  ผู้บังคับบัญชาชั้นต้นของผู้ฟ้องคดีแต่ละราย ได้มีการออกหนังสือรับรองเงินเดือนหรือเงินบำเหน็จบำนาญและรายการหักเงิน ณ ที่จ่ายย้อนหลังให้แก่ผู้ฟ้องคดีแต่ละราย เพื่อใช้เป็นเอกสารประกอบการยื่นคำขอกู้เงินสหกรณ์และกู้เงินสวัสดิการภายในของส่วนราชการที่มีการทำความตกลงกับสถาบันการเงิน หรือบริษัทต่างๆ ได้ 

ซึ่งผู้บังคับบัญชารวมทั้งหัวหน้าส่วนราชการผู้เบิก ก็ไม่ได้คำนึงถึงหลักเกณฑ์ตามระเบียบฯ ข้อ 6 และข้อ 7 แสดงให้เห็นว่า ผู้บังคับบัญชาของผู้ฟ้องคดีแต่ละราย ละเลยต่อการปฏิบัติตามระเบียบฯ และกลายเป็นการส่งเสริมให้ข้าราชการในสังกัดเป็นหนี้สินเพิ่มมากขึ้นโดยไม่มีวันจบสิ้น ขัดกับปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงที่มุ่งเน้นแนวทางการปฏิบัติตนของประชาชนในทุกระดับให้ดำเนินไปในทางสายกลาง มีความพอเพียงในการดำรงชีวิต ที่เป็นพื้นฐานสำคัญทำให้คนไทยสามารถพึ่งตนเองและดำเนินชีวิตไปได้อย่างมีศักดิ์ศรี ภายใต้อำนาจและความมีอิสระในการควบคุมและจัดการปัญหาด้วยตนเอง 

จึงฟังได้ว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ  รมว.ศึกษาธิการ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ และเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ก็ละเลยในในการกำกับดูแลให้ผู้ใต้บังคับบัญชาถือปฏิบัติตามระเบียบเช่นกัน จึงมีคำพิพากษาดังกล่าว


ด้านนายสุวัช ศรีสด ตัวแทนครู  กล่าวหลังรับฟังคำพิพากษาว่า ยังมีความยุติธรรมอยู่ เพราะที่ผ่านมาการบังคับใช้กฎหมายไม่มีประสิทธิภาพ  ครูถูกกระทำอย่างมีวาระซ่อนเร้น ภายใต้กฎระเบียบ และมีเหลือบไร ซึ่งคำพิพากษาพิสูจน์ว่าครูกำลังทำให้สังคมปกติสุข ที่ผ่านมาหลังโดนหักเงิน ครูบางคนเหลือเงินในบัญชีเพียง 21 – 100 กว่าบาท  จึงอยากถามว่าคุณค่าความเป็นคนอยู่ตรงไหน  โดยขอให้เหลือเงินร้อยละ 30  เพื่อที่จะให้ครูเหลือเงินซื้อข้าวกิน   ทั้งนี้ครูเปรียบเสมือนกระดูกสันหลัง  หากครูอยู่ไม่ได้  สังคมจะอยู่ได้อย่างไร   วันนี้ขอบคุณศาลที่ให้ความเป็นธรรม ทำให้สังคมครูอยู่เย็นเป็นสุข ขอแค่มีเงินเหลือกินข้าว แค่นี้ก็พอใจแล้ว ส่วนต่อไป กลุ่มครูก็จะทำการประนอมหนี้ เพื่อปรับโครงสร้างหนี้ตามที่วางไว้

นายสุวัช ฝากไปยังเจ้าหนี้ว่า  เจ้าหนี้ที่รัก ขอให้ใจเย็นๆ หนี้ทุกบาททุกสตางค์จะใช้ ไม่หนีไปไหน อย่างเพิ่งฟ้องนะ 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังบรรดาตัวแทนครูได้รับฟังคำพิพากษาแล้วต่างก็สวมกอดกัน พร้อมร้องไห้ และส่งเสียงเฮแสดงความยินดีที่ศาลตัดสินให้ชนะคดี.-สำนักข่าวไทย   

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

นายกฯ โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์

“นายกฯ แพทองธาร” โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes Global CEO Conference ครั้งที่ 22 ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ รับมือความท้าทาย ชูจุดเด่นไทยอยู่ตรงกลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีภาคการเกษตรที่เข้มแข็งดึงดูดนักลงทุน บอกกระตุ​้นเศรษฐกิจ​แจกเงินหมื่นเฟส​ 2 พุ่งเป้าเงินสะพัด ลั่น​จุดยืนไทยวางตัวเป็นทูตสันติภาพ พร้อมปรับตัวตามนโยบาย “ทรัมป์”