นักวิจัย สวทช. ชนะเลิศงาน Falling Wall Lab Thailand 2019 ขอนำความรู้ไบโอซิตี้พัฒนาเกษตรกรรมทั่วโลก

กรุงเทพฯ 9 กันยายน – นักวิจัย สวทช. คว้ารางวัลชนะเลิศงาน Falling Wall Lab Thailand 2019 ความก้าวหน้าวิทย์-สังคม จากการนำเสนอเรื่อง “Breaking the Wall of Bacterial Wilt Disease” การใช้ไวรัสควบคุมแบคทีเรียที่ก่อโรคในพืช โดยจะได้ไปร่วมงาน Falling Walls Conference ณ กรุงเบอร์ลิน เยี่ยมศูนย์วิจัยในยุโรป พร้อมขอเป็นตัวแทนพลังความคิด สร้างความเชื่อมโยง ความรู้ไบโอซิตี้ต่อยอดพัฒนาเกษตรกรรมทั่วโลก



อ่านข่าวภาษาอังกฤษ >> Thai researcher from NSTDA wins a Falling Wall Lab Competition


https://tna.mcot.net/view/5d763d60e3f8e40ad8361196


สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ร่วมเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน “Falling Walls Lab Thailand” ซึ่งงานนี้ริเริ่มโดยมูลนิธิ Falling Walls เพื่อนำเสนอผลงานความคิดของนักคิด และนักวิจัยรุ่นใหม่ ได้แสดงศักยภาพและเป็นเวทีในการทำงานด้านวิทยาศาสตร์ ธุรกิจ และสังคม โดยมี Mr. Georg Schmig เอกอัครราชทูตสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมันประจำประเทศไทย เป็นประธานเปิดงาน และ ดร.ลิลี่ เอื้อวิไลจิตร ผู้ช่วยผู้อำนวยการด้านความร่วมมือระหว่างประเทศ สวทช. Dr. Georg Verweyen Director of DAAD Information Centre Bangkok  ร่วมเป็นกรรมการตัดสินการแข่งขันรอบตัดสิน


การแข่งขัน Falling Walls จัดขึ้นทุกปีโดยมูลนิธิ Falling Walls รวมเอาบรรดานักคิดริเริ่มจาก 80 ประเทศทั่วโลก โดยในวันที่ 9 พฤศจิกายนของทุกปีเป็นวันครบรอบการล่มสลายของกำแพงเบอร์ลินจะมีการเชิญนักวิทยาศาสตร์แถวหน้าของโลก 20 ท่านมาเสนอผลงานวิจัยที่เปลี่ยนแปลงโลก ณ กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี นอกจากนี้ภายในงานยังมีการนำเสนอผลงานความคิดจากนักคิดรุ่นใหม่จากทั่วโลก เพื่อเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพในการทลายกำแพงและขีดจำกัดของการพัฒนาความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์ ธุรกิจหรือสังคม

ในปีนี้ DAADประเทศไทยร่วมกับสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) จัดงาน Falling Walls Lab Thailand วันที่ 8 กันยายน 2562 ที่กรุงเทพมหานคร  ซึ่งผู้ชนะในการเสนอความคิดจะได้รับตั๋วเครื่องบินไปร่วมงาน Falling Walls Conference ณ กรุงเบอร์ลิน และพบปะกับผู้นำทางการเปลี่ยนแปลงของโลกทั้งด้านวิทยาศาสตร์ ธุรกิจและการกำหนดนโยบายและที่พิเศษสำหรับผู้นำเสนอผลงานจากประเทศในกลุ่มอาเซียนจะได้รับการสนับสนุนจาก Euraxess ให้ไปเยี่ยมศูนย์วิจัยในยุโรปตามที่ต้องการอีกด้วย


นักวิทยาศาสตร์จากสถาบันส่งเสริมการวิเคราะห์และบริหารข้อมูลขนาดใหญ่ภาครัฐ (GBDi) ผู้ชนะจากประเทศไทยเมื่อปี พ.ศ. 2561 นำเสนอนวัตกรรมการตรวจจับแก๊สรั่วด้วยกล้องประดิษฐ์ และได้เดินทางไปเยี่ยมชมสถาบันวิจัย Max-Planck และ Fraunhofer ที่ประเทศเยอรมนี หลังจากร่วมงานสัมมนา ณ กรุงเบอร์ลิน ในการแข่งขันในปีนี้ มีนักวิจัย สวทช.  2 คน สมัครเข้าร่วมการแข่งขัน และเข้ารอบสุดท้ายของงาน Falling Wall Lab Thailand 2019  จากจำนวนผู้เข้ารอบทั้งหมด 22 คน  ได้แก่

1. ดร.ภคพฤฒ คุ้มวัน นักวิจัยกลุ่มวิจัยเทคโนโลยีการตรวจวินิจฉัยและการค้นหาสารชีวภาพ ทีมวิจัยเทคโนโลยีวิศวกรรมชีวภาพและการตรวจวัด ไบโอเทค สวทช. เรื่อง “Breaking the Wall of Multidrug- Resistant TB Diagnosis” คือ เทคนิคตรวจจับการกลายพันธ์ของเชื้อวัณโรคดื้อยา เพิ่มประสิทธิภาพวิธีตรวจรักษาตั้งแต่เริ่มของคนไข้ ซึ่งพบว่า DNA กลายพันธ์ เป็นเหตุดื้อยา ปัจจุบันการใช้ยาหลายชุดในการรักษาไม่ค่อยได้ประสิทธิภาพ และปัจจุบัน ชุดตรวจวัณโรคมีราคาแพง แม้แต่ราคาชุดย่อยก็เป็นหลักพัน

2.ดร.อุดม แซ่อึ่ง นักวิจัยกลุ่มวิจัยเทคโนโลยีการตรวจวินิจฉัยและการค้นหาสารชีวภาพ ทีมวิจัยการวิเคราะห์และประยุกต์ใช้สารชีวโมเลกุล  ไบโอเทค สวทช. เรื่อง “Breaking the Wall of Bacterial Wilt Disease”  คือ การใช้ไวรัสควบคุมแบคทีเรียที่ก่อโรคในพืช โรคที่ทำให้เหี่ยว โรคที่เกิดจากแบคทีเรีย ซึ่งอาจพัฒนาเป็นของเหลวที่ช่วยเพื่อช่วยป้องกันและฟื้นฟูพืช เน้นใช้ธรรมชาติสร้างสมดุล

โดยผลการตัดสิน ดร. อุดม แซ่อึ่ง นักวิจัยกลุ่มวิจัยเทคโนโลยีการตรวจวินิจฉัยและการค้นหาสารชีวภาพ ทีมวิจัยการวิเคราะห์และประยุกต์ใช้สารชีวโมเลกุล ไบโอเทค สวทช. ได้รับรางวัลชนะเลิศของงาน Falling Wall Lab Thailand 2019 ได้ไปร่วมงาน Falling Walls Conference ณ กรุงเบอร์ลิน และเยี่ยมศูนย์วิจัยในยุโรปตามที่ต้องการอีกด้วย โดย ดร. อุดม แซ่อึ่ง  เผยดีใจและเซอร์ไพรส์ที่ได้รางวัลชนะเลิศ เนื่องจากไม่ได้คาดหวังเพราะเป็นปีที่ 2 ที่มานำเสนองานวิจัยในงานนี้ ชอบตรงที่ได้แชร์ไอเดียกับนักวิจัยต่างๆ ส่วนงานวิจัยเรื่องที่ได้รางวัลมีนักวิจัยหลายท่านร่วมคิด ตัวเองเป็นแค่ตัวแทนมานำเสนอ ขอใช้โอกาสตรงนี้สร้างความเชื่อมโยง ความรู้ไบโอซิตี้ ต่อยอดแลกเปลี่ยนความรู้ หรือต่อยอดขอทุนในอนาคตของยุโรป เกิดการพัฒนาเกษตรกรรมทั่วโลกและในไทย ลดการใช้สารเคมี เพราะงาน Bio-based Economy (กิจกรรมทางเศรษฐกิจทั้งหมดที่ได้มาจากกิจกรรมทางวิทยาศาสตร์และการวิจัยที่เน้นเทคโนโลยีชีวภาพ) ทำคนเดียวไม่เห็นภาพรวม ต้องใช้พลังความคิด ขอเป็นตัวแทนเอาเรื่องราวไปเล่าเพื่อส่งเสริมซึ่งกันและกัน


 ด้าน ดร.ลิลี่ เอื้อวิไลจิตร ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สวทช. ให้สัมภาษณ์ถึงโครงการว่า เป็นการทลายกำแพงด้านวิทยาศาสตร์ เกิดการทำงานร่วมกันและสร้างเครือข่ายของนักวิจัยไทยและต่างชาติ ต่อยอดองค์ความรู้ โดยงานนี้โปรโมทให้เกิดการสื่อสารทางวิทยาศาสตร์ เพราต้องพูดงานวิจัยภายใน 3 นาที เช่น นักวิจัยที่นำเสนอการคอนโทรลแบคทีเรียด้วยไวรัส เกิดการพัฒนาเกษตรกรรม การทลายกำแพงทางวิทยาศาสตร์นี้ทำทั่วโลก และไทยเป็น 1 ในประเทศที่ร่วมโครงการและจะไปรวมกันที่เบอร์ลิน เกณฑ์การตัดสิน คือ 1.งานที่นำเสนอต้องเป็น 1 ในเรื่องเทคโนโลยี 2.เกิดอิมแพคผลกระทบต่อมนุษยชาติอย่างไร 3.สามารถนำงานวิจัยที่ยากๆ ให้คนเข้าใจได้อย่างไร ส่วนผลสำเร็จของงานวิจัยไทยที่มีกับ DAAD และ สวทช. คือการทำงานร่วมกันกับสถาบัน สร้างเครือข่าย และมีแผนทำวิจัยร่วมกันในอนาคต เรียนเทคโนโลยี เช่น มีการเผยแพร่เอกสารร่วมกัน

ดร. เก-ออร์ก แฟร์ไวเอิน ผู้อำนวยการศูนย์บริการข้อมูลองค์การแลกเปลี่ยนวิชาการเยอรมัน (DAAD) กรุงเทพฯ กล่าวว่าต้องการให้งานสัมมนา Falling Walls Lab เป็นเวทีนำเสนอผลงาน และแลกเปลี่ยนความคิดเชิงนวัตกรรมของนักคิด นักวิจัยรุ่นใหม่ ซึ่งสามารถต่อยอดองค์ความรู้และสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อมนุษยชาติ นอกจากนี้ DAAD เห็นว่ามหาวิทยาลัยไทยและเยอรมนีมีความร่วมมือด้านงานวิจัยมากกว่า 200 โครงการ จึงเลือกให้ไทยเป็นหนึ่งในเวทีแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ เพื่อเฟ้นหาผลงานวิจัยที่มีศักยภาพและความโดดเด่นไปนำเสนอบนเวทีระดับโลก ณ กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดเนื้อหาหนังสือแจง UNSC กัมพูชาวางทุ่นระเบิด-เริ่มยิงก่อน

25 ก.ค.- เปิดเนื้อหาหนังสือจากผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติที่นิวยอร์ก เพื่อชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทย ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ส่งหนังสือชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ระบุว่า ขอแจ้งให้ท่านและสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทุกท่านทราบ ถึงสถานการณ์อันร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย อันเป็นผลจากการรุกรานทางทหารของประเทศกัมพูชา โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1.     เมื่อวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 2025 ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารไทยกำลังลาดตระเวนตามเส้นทางปกติที่กำหนดไว้ ซึ่งอยู่ภายในอาณาเขตของประเทศไทย ทหารได้เหยียบทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ส่งผลให้ทหาร 2 นาย ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสส่งผลถึงขั้นพิการถาวร ขณะที่ทหารนายอื่น ๆ ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทุ่นระเบิด PMN-2 ทั้งหมดที่พบอยู่ในสภาพใหม่ ยังมีเครื่องหมายที่มองเห็นได้ชัดเจน หลักฐานบ่งชี้ว่าทุ่นระเบิดเหล่านี้เพิ่งถูกวางใหม่ ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ไทยได้ยื่นรายงานประจำปีเกี่ยวกับความโปร่งใสในการดำเนินการตามพันธกรณีในอนุสัญญาดังกล่าว ตามมาตรา 7 ของอนุสัญญาฯ อย่างต่อเนื่อง รายงานดังกล่าวระบุว่าประเทศไทยได้ทำลายทุ่นระเบิดในคลังทั้งหมดแล้วตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 และต่อมา ได้ทำลายทุ่นระเบิดทั้งหมดที่เก็บไว้เพื่อการฝึกอบรมและการวิจัยในปี ค.ศ. […]

“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน”

ก.มหาดไทย 25 ก.ค.-“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน” ชี้รับฟังทุกความไม่พอใจ แต่ทุกอย่างเป็นไปตามยุทธวิธี ให้ทหารมีอิสระในการทำงาน มอง “ก่อแก้ว” ขอศาล รธน. คืนอำนาจให้ “แพทองธาร” เป็นความเห็นเหมือนประชาชนจำนวนมาก แต่ให้เป็นตามกระบวนการยุติธรรม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุถึง อยากให้กองทัพสั่งสอนความเจ้าเล่ห์ของฮุนเซนก่อน ว่า ก็เหมือนประชาชนทั่วไป ที่เวลานี้มีความรู้สึกเช่นนั้น หลายคนแสดงความเห็นให้ทำแบบนู้นแบบนี้ เราก็รับฟังความห่วงใยความไม่พอใจที่เราถูกกระทำ ตนเข้าใจความรู้สึกเหล่านั้น และเห็นว่าเป็นจุดมุ่งหมายเดียวกัน เพราะเรื่องอธิปไตยของประเทศ การรุกล้ำเข้ามา กระทบประชาชนเรายอมไม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมาทุกฝ่ายจะเห็นว่าเราประนีประนอม (Compromise) ให้มากที่สุด แต่เมื่อสิ่งดังกล่าวไม่เกิดขึ้น และเป็นปัญหา วันนี้จึงได้สั่งการให้ทหารมีอิสระในพื้นที่ โดยผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นผู้คุมยุทธการ ปฏิบัติได้ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงได้มีการทำความเข้าใจกับ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีการโทรคุยกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด […]

เข้าสู่วันที่ 2 กัมพูชาเปิดฉากตั้งแต่เช้ามืด ที่ปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 25 ก.ค.-เข้าสู่วันที่ 2 เหตุปะทะไทย-กัมพูชา เริ่มเปิดฉากยิงกันตั้งแต่เช้ามืด บริเวณปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ขณะนี้เสียงยังดังต่อเนื่อง ก่อนขยายการสู้รบไปตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอีสานใต้ อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เป็นพื้นที่แรกที่ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อนด้านปราสาทตาเมือนครับ เช้ามืดวันนี้ ราวตี 5 ครึ่ง ก็เริ่มปะทะกันอีก ขณะนี้ก็มีเสียงดังอย่างต่อเนื่อง เส้นทางจากอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เข้าสู่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ แม้สายแล้ว ก็มีรถสัญจรไปมาค่อนข้างน้อย เนื่องจากเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยการสู้รบ โดยอำเภอพนมดงรักเป็นหนึ่งใน 4 อำเภอ ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ประกาศให้ผู้ที่ไม่มีความจำเป็นเข้าพื้นที่ร่วมกับอำเภอกาบเชิง บัวเชดและสังขะ โดยตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา ในพื้นที่ตามแนวชายแดนได้ยินเสียงการปะทะด้วยกระสุนปืนใหญ่ดังอย่างต่อเนื่อง ผู้นำหมู่บ้านบันทึกสถิติเฉพาะฝั่งไทยตอบโต้เกินกว่า 100 ลูกแล้ว บ้านหนองแรด ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก ที่จรวดหลายลำกล้อง BM 21 ตกเยอะสุด 10 ลูก วานนี้โดยรอบหมู่บ้าน โชคดีไม่ลงบ้านเรือน มีกระจกแตกเล็กน้อยจากแรงอัดลูกจรวดเท่านั้น วันนี้ ยังมีชาวบ้านอยู่นับร้อยคนหลบอยู่ในหลุมหลบภัย จากทั้งหมด […]

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“เสธ.เบิร์ด” ชี้เขมรขู่ขยับ “ขีปนาวุธ PHL-03” ถือเป็นภัยคุกคาม

26 ก.ค.- “เสธ.เบิร์ด” ชี้ เขมรขู่ขยับ “ขีปนาวุธ PHL-03” วิถีไกล 130 กม. ถือเป็นภัยคุกคาม มองไทยใช้การทำลายทางลึกถือว่าเหมาะสม จากกรณีกองทัพภาคที่ 2 เตือนเฝ้าระวังกัมพูชายิงขีปนาวุธ PHL-03 วิถีไกล 130 กม. เพื่อพุ่งเป้าหมายพื้นที่ยุทธศาสตร์และที่ตั้งทหารนั้น ล่าสุด พล.ต.วันชนะ สวัสดี ผู้อำนวยการสำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคงกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กรมยุทธการทหาร กล่าวว่า การขยับขีปนาวุธ PHL-03 เป็นการขู่ และถือเป็นภัยคุกคาม ดังนั้นถ้าไทยใช้การทำลายทางลึกถือว่าเหมาะสม จากการที่กัมพูชากล่าวหาว่า ไทยใช้ปฏิบัติการทางอากาศเกินกว่าเหตุนั้น เราไม่ทำเกินกว่าเหตุ แต่สิ่งที่เราทำนี้เป็นเหตุผล เพราะฝ่ายกัมพูชา เคลื่อนกำลังจำนวนมากมาประชิดชายแดน ใช้อาวุธยิงระยะไกลทำร้ายประชาชนของไทย ทั้งโรงพยาบาล โรงเรียน สถานีบริการน้ำมัน ทำให้ประชาชนชาวไทยบาดเจ็บ และเสียชีวิต จากการมีภาพข่าวการเคลื่อนอาวุธยิงระยะไกล ถือว่าเป็นการข่มขู่คุกคามความมั่นคงของไทยอย่างชัดเจน ดังนั้นการปฏิบัติการทางอากาศ เพื่อลดการสูญเสีย สถานการณ์คลี่คลายโดยเร็วที่สุด ทั้งนี้การปฏิบัติการทางอากาศของไทยทำลายเป้าหมายทางทหารเท่านั้น และมีความแม่นยำ -สำนักข่าวไทย

น้ำท่วมน่านลดต่อเนื่อง ชาวบ้านเริ่มสำรวจความเสียหาย

น่าน 26 ก.ค.- สถานการณ์น้ำท่วมตัวเมืองน่าน ลดลงต่อเนื่อง ส่วนอีกหลายจุดยังอ่วม ท่วมสูงกว่า 1 เมตร ชาวบ้านเริ่มสำรวจความเสียหาย ย่านการค้าและเศรษฐกิจสำคัญของเมืองน่าน บริเวณถนนสุมณเทวราช ซึ่งเคยน้ำท่วมสูงเกือบถึงคอ แต่ตอนนี้น้ำลดลงเหลือประมาณหน้าขา เท่ากับลดไปราว 1 เมตร แต่บริเวณโดยรอบยังมีน้ำท่วมเต็มพื้นที่ โดยเฉพาะที่ลุ่มต่ำ ยังท่วมสูงกว่า 1 เมตร ทีมข่าวได้เข้าไปสำรวจความเสียหายของโรงแรงแห่งหนึ่งกลางเมืองน่าน ซึ่งสภาพภายในเต็มไปด้วยคราบโคลน รถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ ที่จอดไว้เสียหายจำนวนมาก ขณะที่เจ้าของร้านค้าย่านนี้ เริ่มสำรวจความเสียหายจากน้ำท่วม อีกจุดหนึ่งที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักคือที่โรงพยาบาลน่านที่ถูกน้ำท่วมสูงเต็มพื้นที่ 40 ไร่ บางจุดท่วมเกือบมิดหัว ตอนนี้น้ำลดแล้ว แต่ตามอาคารต่างๆ น้ำทะลักท่วมยาเวชภัณฑ์และอุปกรณ์การแพทย์ได้รับความเสียหาย แต่ผู้ป่วยใน ราว 3 ร้อยคน ยังปลอดภัย คุณหมอ พยาบาลและเจ้าหน้าที่เร่งช่วยกันเก็บกวาดทำความสะอาด เพื่อให้โรงพยาบาลกลับมาเปิดบริการตามปกติให้เร็วที่สุด ช่วงสายที่ผ่านมา นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายใจกลางเขตเศรษฐกิจเมืองน่านด้วย -สำนักข่าวไทย

“มาริษ” แจงย้ำเวทีโลกกัมพูชาเปิดฉากโจมตีก่อน UNSC แนะเจรจาสันติวิธี

กระทรวงการต่างประเทศ 26 ก.ค.- “มาริษ” เผยเวที UNSC ให้ไทยกัมพูชายับยั้งชั่งใจ เจรจา 2 ฝ่ายสันติวิธียุติขัดแย้ง ย้ำแจงเวทีโลกแล้วกัมพูชาละเมิดอธิปไตยไทย-เปิดฉากโจมตีก่อน บอกสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ไม่ได้เป็นการคุกคามสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ สั่งกรมสนธิฯ พิจารณายื่นศาลอาญาโลกฟ้องเขมรฐานอาชญากรสงคราม นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แถลงผลการเดินทางเยือนสหรัฐอเมริกา เพื่อนำคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมเวทีหารือทางการเมืองระดับสูงว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน ประจำปี ค.ศ. 2025 (High-Level Political Forum on Sustainable Development 2025) หรือ HLPF2025 ณ สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์กว่า ในห้วงการประชุมดังกล่าว ตนเองได้ใช้โอกาสนี้ พบหารือกับผู้แทนระดับสูงจากสหประชาชาติ และผู้แทนระดับสูงประเทศต่าง ๆ เพื่อชี้แจงพัฒนาการชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งตนเองได้ยืนยันให้ทุกประเทศ และผู้แทนระดับสูงของสหประชาชาติได้รับทราบมาโดยตลอดการปฏิบัติภารกิจว่า การปะทะกันเมื่อช่วงเช้าวันที่ 24 กรกฎาคม ฝ่ายกัมพูชา เป็นผู้เริ่มโจมตีก่อน พร้อมแสดงความกังวล ต่อการโจมตีในสถานที่ที่ไม่ใช่เป้าหมายทางทหาร เช่น โรงพยาบาล ปั๊มน้ำมัน และร้านสะดวกซื้อ ซึ่งสะท้อนการโจมตีพื้นที่พลเรือนไทย […]

องคมนตรีมอบสิ่งของพระราชทาน ศูนย์อพยพ จ.ศรีสะเกษ

ศรีสะเกษ 26 ก.ค.- สถานการณ์สู้รบตามแนวชายแดนศรีสะเกษ ดุเดือดกว่าทุกวัน ขณะองคมนตรีมอบสิ่งของพระราชทานแก่ประชาชนที่ศูนย์อพยพ นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรีเดินทางมายังที่พักอาศัยของผู้อพยพ จ.ศรีสะเกษ มอบสิ่งของพระราชทานให้กับประชาชน พร้อมแจ้งให้ทราบถึงกระแสความห่วงใย หลังทราบข่าวประชาชนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ทรงมีความห่วงใยประชาชนและไม่ประสงค์ที่จะเห็นมีการบาดเจ็บล้มตายเพิ่มอีก อย่างไรก็ตาม ขณะนี้สถานการณ์ยังไม่เรียบร้อย ขอให้ประชาชนอยู่ในพื้นที่อพยพไปอีกสักระยะ ขณะเดียวกัน พยาบาลจากคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเฉลิมกาญจนา ให้บริการตรวจดูแลสุขภาพเบื้องต้นและปฏิบัติการทางจิตรฉรีญาพร้อมมอบสิ่งของให้กับผู้อพยพหลังต้องจากบ้านมาวันนี้เป็นวันที่ 3 แล้ว ซึ่งตามหลักบางรายอาจเกิดความเครียดสะสมขึ้นได้ ปกติแล้วบริเวณศูนย์อพยพแห่งนี้ซึ่งห่างจากชายแดนประมาณ 40 กิโลเมตร จะไม่ได้ยินเสียงปืนใหญ่ แต่วันนี้แม้จะอยู่ที่ศูนย์อพยพก็สามารถได้ยินเสียงปืนใหญ่ดังขึ้น ไม่น้อยกว่า 9 นัดแล้วในขณะนี้ -สำนักข่าวไทย