ไบโอเทค สวทช. พัฒนา “เห็ดแครงสายพันธุ์ใหม่” คุณภาพสูง

นครปฐม 4 ก.ค. – ไบโอเทค สวทช. พัฒนา “เห็ดแครงสายพันธุ์ใหม่” คุณภาพสูง พร้อมปูทางสู่เกษตรกร และชี้ทางต่อยอดเป็นแหล่งโปรตีนทางเลือก


คณะวิจัยทีมปฏิสัมพันธ์ของจุลินทรีย์ทางการเกษตร ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เปิดตัวการพัฒนาเห็ดแครงสายพันธุ์ใหม่ ภายใต้โครงการ “การประเมินลักษณะทางพันธุกรรมและลักษณะปรากฏทางกายภาพ และการปรับปรุงสายพันธุ์เห็ดแครงเพื่อสร้างสายพันธุ์ลูกผสมที่ดีและมีความคงตัวทางพันธุกรรม” ทำให้ได้เห็ดแครงสายพันธุ์ลูกผสมใหม่ที่มีความโดดเด่นและคงตัวทางพันธุกรรมสูง มีคุณภาพตามความต้องการของตลาดทั้งในด้านผลผลิตสูง ปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้ดี ออกดอกเร็ว ขนาดและสีตรงกับความต้องการตลาด รวมถึงมีคุณสมบัติของสารสำคัญที่ดีและมีคุณค่าทางโภชนาการ ตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพ และจะเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยยกระดับศักยภาพของเกษตรกรผู้เพาะเห็ดไทย พร้อมกันนี้ได้ลงพื้นที่ศูนย์รวมสวนเห็ดบ้านอรัญญิก จ.นครปฐม เพื่อให้เห็นถึงการเพาะเห็ดแครงสายพันธุ์ใหม่ในโรงเรือนที่ได้ผลดีและมีประสิทธิผล รวมถึงชี้ให้เห็นแนวทางในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเห็ดแครงเพื่อต่อยอดสู่แหล่งโปรตีนทางเลือกและอาหารเพื่อสุขภาพ

ดร.อัมพวา ปินเรือน นักวิจัยทีมวิจัยปฏิสัมพันธ์ของจุลินทรีย์ทางการเกษตร ไบโอเทค สวทช. กล่าวว่า โครงการ “การประเมินลักษณะทางพันธุกรรมและลักษณะปรากฏทางกายภาพ และการปรับปรุงสายพันธุ์เห็ดแครงเพื่อสร้างสายพันธุ์ลูกผสมที่ดีและมีความคงตัวทางพันธุกรรม” ได้เริ่มจากการรวบรวมเห็ดแครง 121 สายพันธุ์จากป่าชุมชนและสวนเกษตรกรทั่วประเทศ เพื่อศึกษาลักษณะการออกดอก โดยคณะวิจัยได้นำสายพันธุ์เหล่านั้นมาใช้เทคนิคแยกสปอร์เดี่ยว (Single Spore Isolation) เพื่อคัดเลือกสายพันธุ์เด่นที่มีลักษณะน่าสนใจ เช่น ดอกสวย สีขาวน่าทาน ไม่เหนียว กลิ่นหอมอ่อน ๆ ไม่มีกลิ่นเห็ดแรง จากนั้นจึงนำมาผสมพันธุ์ (Breeding) เพื่อสร้างสายพันธุ์ลูกผสมที่ดีที่สุด ซึ่งเห็ดแครงสายพันธุ์ลูกผสมที่ได้มีลักษณะโดดเด่นคือ ดอกมีขนาดใหญ่ กอสวยงาม สีขาวนวล กลิ่นอ่อนจนแทบไม่มีกลิ่นเห็ด รสชาติดีไม่ติดขม (เมื่อชิมดอกสด) และมีขนาดดอกสม่ำเสมอ


ผลการเปรียบเทียบกับสายพันธุ์การค้า พบว่าเห็ดแครงลูกผสมใหม่นี้ให้ผลผลิตสูงกว่า ออกดอกเร็วกว่า ดอกขนาดใหญ่กว่า สีอ่อนกว่า กอใหญ่กว่า รสชาติดีกว่า (ไม่ติดขม) เนื้อสัมผัสดีกว่า (ไม่เหนียว) และกลิ่นอ่อนกว่า (แทบจะไม่มีกลิ่นเห็ด) ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ตรงกับความต้องการของตลาดและการแปรรูปเป็นอย่างยิ่ง และที่สำคัญคือ มีความคงตัวทางพันธุกรรม ไม่กลายพันธุ์ได้ง่าย เนื่องจากเป็นสายพันธุ์ลูกผสมที่ได้จากการคัดเลือกสปอร์เดี่ยว

นายบุญโชค ไทยทัตกุล เกษตรกรผู้เชี่ยวชาญและเจ้าของศูนย์รวมสวนเห็ดบ้านอรัญญิก ซึ่งเป็นศูนย์เรียนรู้และเพาะเห็ดครบวงจร เผยว่า การนำเห็ดแครงสายพันธุ์ใหม่ที่พัฒนาโดยไบโอเทค มาขยายผลในโรงเรือนจริง สิ่งสำคัญในการเพาะเห็ดแครงคือ การรักษาความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศให้สูงตลอดเวลา ซึ่งทำได้โดยการพ่นหมอกและรดน้ำถี่ ๆ ทำให้สามารถเพาะเห็ดได้ตลอดทั้งปี ซึ่งผลลัพธ์การเพาะเห็ดแครงสายพันธุ์ใหม่น่าพอใจ เพราะให้ผลผลิตสูง ออกดอกเร็ว รสชาติดี ดอกใหญ่ และสามารถเก็บเกี่ยวได้ถึง 3 รุ่น ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มกำไรให้เกษตรกรได้เป็นอย่างดี และในฐานะตนเองเป็นแพทย์แผนโบราณด้วย อยากย้ำว่าเห็ดเป็น “อาหารที่ดี” ที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง ไม่ต่างจาก “หมอที่ดี” และ “ยาที่ดี” ที่จำเป็นต่อสุขภาพ

นายขวัญทอง ชุมนุมพร ผู้ผลิตอาหารแพลนต์เบส ให้มุมมองในฐานะผู้ประกอบการว่า เห็ดแครงมีศักยภาพสูงในการเป็นวัตถุดิบหลักสำหรับอาหารโปรตีนทางเลือก ด้วยปริมาณโปรตีนที่สูงกว่าเห็ดทั่วไปและสารอาหารครบครัน ทางผู้ผลิตได้นำเห็ดแครงร่วมกับเห็ดนางรมและเห็ดมิลค์กี้ มาพัฒนาเป็น “เนื้อหมูบดจากพืช” ที่มีเนื้อสัมผัสและคุณค่าทางโภชนาการใกล้เคียงเนื้อสัตว์จริง นอกจากนี้ยังต่อยอดสู่เมนูอาหารและแพลนต์เบสหลากหลาย เช่น หอยทอดเห็ดแครง ผัดกะเพราเห็ดแครง คั่วกลิ้งเห็ดแครง หมูปิ้ง แหนม เบอร์เกอร์ รวมถึงอาหารแช่แข็ง เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพ และเป็นการเพิ่มมูลค่าให้เห็ดไทย เปิดโอกาสทางการตลาดใหม่ ๆ ในฐานะโปรตีนทางเลือกที่อร่อยและดีต่อสุขภาพ


“สำหรับแผนงานต่อยอด ทางคณะวิจัยจะเดินหน้าส่งเสริมและต่อยอดสายพันธุ์ลูกผสมเห็ดแครงนี้ โดยจะมีการขึ้นทะเบียนพันธุ์เห็ด ถ่ายทอดองค์ความรู้ไปยังเกษตรกรผู้เพาะเห็ด รวมถึงส่งเสริมการแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่า และใช้เห็ดแครงเป็นแหล่งโปรตีนทางเลือกที่น่าสนใจ เพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหารและเศรษฐกิจของประเทศต่อไป” ดร.อัมพวา ปินเรือน นักวิจัยไบโอเทค กล่าวปิดท้าย.-515- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ปะทะแล้ว บริเวณปราสาทตาเมือน หลังฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิง

สุรินทร์ 24 ก.ค.-ทบ.รายงานเหตุการณ์ปะทะบริเวณพื้นที่ปราสาทตาเมือน อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ หลังฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิง เมื่อเช้าวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 วันที่ 24 กรกฎาคม 2568 เวลา 07.35 น. หน่วยเฉพาะกิจที่ดูแลพื้นที่ปราสาทตาเมือนรายงานว่า ได้ยินเสียงอากาศยานไร้คนขับ (UAV) ของฝ่ายกัมพูชาบินวนอยู่บริเวณหน้าปราสาทตาเมือนธม แม้ไม่สามารถตรวจพบตัวอากาศยานได้ด้วยสายตา แต่สามารถได้ยินเสียงอย่างชัดเจน ต่อมาฝ่ายกัมพูชาได้นำอาวุธเข้าสู่ที่ตั้งบริเวณด้านหน้าแนวลวดหนาม และพบกำลังพลกัมพูชาจำนวน 6 นาย พร้อมอาวุธครบมือรวมทั้ง RPG เดินเข้ามาใกล้แนวลวดหนามบริเวณด้านหน้าฐานปฏิบัติการของไทย ฝ่ายไทยได้ใช้การตะโกนเจรจาเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งและยกระดับสถานการณ์ โดยฝ่ายไทยเฝ้าระวังตลอดแนวชายแดนเพื่อเตรียมรับสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาประมาณ 08.20 น. ฝ่ายกัมพูชาได้เปิดฉากยิงเข้ามาบริเวณตรงข้ามฐานปฏิบัติการทางทิศตะวันออกของปราสาทตาเมือน ในระยะประมาณ 200 เมตร ขณะนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกองทัพบกกำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากมีข้อมูลเพิ่มเติมจะรายงานความคืบหน้าให้ทราบต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ปะทะทหารไทย-เขมร ลาม 6 พื้นที่ กำลังพลเจ็บ 2 นาย

กทม. 24 ก.ค.-ด่วน! เหตุปะทะทหารไทย-เขมร ลาม 6 พื้นที่ ทบ. เผยทหารกัมพูชา เปิดแนวรบเพิ่มที่ ผามออีแดง เขาพระวิหาร ส่วนทหารไทยงัดปืนใหญ่ตอบโต้ กำลังพลเจ็บ 2 นาย เมื่อวันที่ 24 ก.ค.68 ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก ระบุเพิ่มเติมว่า เวลา 0920 น. กองทัพบกพบการปะทะเพิ่มเติมตลอดแนวพื้นที่ผามออีแดง ปราสาทเขาพระวิหาร พบฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากใช้อาวุธทุกชนิดและ BM21 ส่วนฝ่ายไทยเข้าปะทะตามแผนพร้อมตอบโต้ปืนใหญ่สนาม 09.20 น. เจ้าหน้าที่ทหารบาดเจ็บ 2 นาย จากอาวุธยิงสนับสนุน ในพื้นที่บริเวณกลุ่มปราสาทตาเมือน จ.สุรินทร์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับพื้นที่ที่มีการปะทะจำนวน 6 พื้นที่ ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาควาย ช่องบก เขาพระวิหาร(ห้วยตามาเรีย/ภูมะเขือ) ช่องอ่านม้า ช่องจอม.-313.-สำนักข่าวไทย

ผบ.ทบ.นำคณะลงช่องอานม้า พรุ่งนี้ จ่อใช้แผนจักรพงษ์ภูวนาถ

23 ก.ค.- “ผบ.ทบ.” สั่ง ทภ.2-ทภ.1 เตรียมพร้อม “แผนจักรพงษ์ภูวนาถ” รับมือชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมยกคณะลงพื้นที่บัญชาการ วันที่ 23 ก.ค.68 พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผข.ทบ.) ได้สั่งการไปยังกองทัพภาคที่ 2 และกองทัพภาคที่1 รับผิดชอบพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชา เตรียมใช้แผนจักรพงษ์ภูวนาถ แก้ไขปัญหาพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชาหลัง กำลังพลของกองทัพบกไทยจากชุดลาดตระเวน พัน.ร.14 ประสบเหตุเหยียบกับระเบิดบริเวณห้วยบอน ช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี พิกัด VA 950911 ซึ่งเป็นพื้นที่ปฏิบัติการตามแนวชายแดน โดยส่งผลให้ จ่าสิบเอกพิชิตชัย บุญโคราช ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการสูญเสียขาขวา และอยู่ระหว่างการส่งตัวรักษาต่อ ณ โรงพยาบาลน้ำยืน โดยให้พร้อมปฏิบัติหน้าที่ทันที เมื่อสั่งการ ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (24 ก.ค.) พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก พลโท ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ รองเสธ ทบ. พลโทบุญสินพาดกลาง มทภ.2 […]

“บิ๊กต่าย” อยากเคลียร์ใจครอบครัว “น้องเมย” ปมคู่กรณีได้เป็น ตร.

ตร. 23 ก.ค. – ผบ.ตร. อยากเคลียร์ใจครอบครัว “น้องเมย” ปมคู่กรณีได้เป็นตำรวจใต้บังคับบัญชาหลังเกิดเหตุ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ศาลมณฑลทหารบกที่ 12 จังหวัดปราจีนบุรี อ่านคำพิพากษากรณีที่ ภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือ น้องเมย นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 เสียชีวิตปริศนา หลังจากถูกธำรงวินัยโดยรุ่นพี่ทหาร 2 นาย ภายในโรงเรียนเตรียมทหาร เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2560 ซึ่งหนึ่งในรุ่นพี่ที่เป็นจำเลย ปัจจุบันรับราชการตำรวจในภาคอีสาน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ระบุว่า ตนได้รับรายงานเรื่องนี้แล้ว สิ่งที่อยากจะสื่อสารในประเด็นที่ 1 ตนอยากพบพ่อและแม่ของน้องเมยเป็นการส่วนตัว เพื่อจะได้พูดคุยให้เข้าใจในการปฏิบัติของตำรวจ ซึ่งเป็นประเด็นที่ 2 กรณีที่คู่กรณีเป็นตำรวจ เราต้องมองย้อนไปในขณะที่เกิดเหตุ มองถอยหลังกลับไป คู่กรณีรายดังกล่าวไม่ได้อยู่ในสถานะตำรวจ ฉะนั้นแล้วตามกฎหมาย พ.ร.บ.ตำรวจ ปี 2565 การดำเนินการทางวินัยจะดำเนินได้เฉพาะกับผู้ที่อยู่ในสถานะตำรวจ ซึ่งขณะนั้นคู่กรณีถือว่าอยู่ภายใต้กองบัญชาการกองทัพไทย ส่วนการพิจารณาทางวินัยตำรวจของคู่กรณี ตนได้สั่งให้จเรตำรวจแห่งชาติ นำไปประกอบการพิจารณา เนื่องจากวินัยและอาญาจะสามารถเชื่อมกันได้ในข้อเท็จจริงบางส่วน […]

ข่าวแนะนำ

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

น้ำท่วมน่านหนักสุดเป็นประวัติการณ์

น่าน 24 ก.ค. – ยังน่าห่วง น้ำท่วมเขตเศรษฐกิจและตัวเมืองน่าน หนักสุดเป็นประวัติการณ์ บางจุดท่วมสูงถึงชั้น 2 ของบ้าน ประชาชนติดอยู่ในบ้านกลางน้ำ ยิ่งค่ำยิ่งลำบาก .-สำนักข่าวไทย

ไทม์ไลน์เหตุปะทะเดือด “ไทย-กัมพูชา”

24 ก.ค. – ไล่เรียงไทม์ไลน์เหตุปะทะเดือดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ที่เกิดขึ้นในวันนี้ (24 ก.ค.) มีที่มาที่ไปอย่างไร พลันที่ชุดลาดตระเวน กองพันทหารราบที่ 14 เหยียบกับระเบิดที่ช่องอานม้า จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อเย็นวานนี้ (23 ก.ค.) ทำให้ทหาร 1 นาย บาดเจ็บสาหัสขาขาด อีก 4 นาย บาดเจ็บ ซ้ำรอยเหตุทหารไทยเหยียบกับระเบิดจนขาขาดในเวลาเพียง 1 สัปดาห์ ทำให้สถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ตึงเครียดถึงขีดสุด พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ยกระดับมาตรการตอบโต้สั่งปิดด่าน 4 แห่ง คือ ช่องอานม้า, ช่องสะงำ, ช่องจอม และช่องสายตะกู พร้อมปิดสถานที่ท่องเที่ยว 2 แห่ง คือ ปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควายทันที 07.35 น. วันนี้ (24 ก.ค.) ความรุนแรงเริ่มชัดเจนขึ้น เมื่อทหารหน่วยเฉพาะกิจที่ดูแลพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม รายงานว่าได้ยินเสียงอากาศยานไร้คนขับ […]

ไม่พลาดเป้า! เอฟ-16 ทิ้งบอมบ์รอบ 2 กลับฐานปลอดภัย

24 ก.ค.- ทอ.เปิดปฏิบัติการ ส่งเอฟ-16 ทิ้งบอมบ์ฝั่งกัมพูชาไม่พลาดเป้า กลับฐานแล้วอย่างปลอดภัย เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 24 ก.ค.68 กองทัพอากาศ เปิดปฏิบัติการ ส่ง F-16 รอบ 2 ของวันนี้ 4 เครื่อง ในการโจมตีทางอากาศตอบโต้กองทัพกัมพูชา ในจุดสำคัญ ทางทิศใต้ของปราสาทตาเมือนธม ไม่พลาดเป้า โดยล่าสุด 17.00 น. F-16 ทั้ง 4 เครื่อง กลับฐานบิน ปลอดภัย หลังสนับสนุน เปิดปฏิบัติการ “ยุทธบดินทร์” -สำนักข่าวไทย