กรมสรรพากร-สวทช.-ธ.กรุงไทย พัฒนาเทคโนโลยี AI เสริมศักยภาพบริหารจัดเก็บภาษี

กรมสรรพากร 29 ก.ค.- กรมสรรพากร จับมือ สวทช. -ธ.กรุงไทย พัฒนาเทคโนโลยี AI เสริมศักยภาพบริการภาครัฐ เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารการจัดเก็บภาษี ยกระดับการให้บริการประชาชน เสริมสร้างระบบภาษีที่เป็นธรรม โปร่งใส ตรวจสอบได้


กรมสรรพากรร่วมกับ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ภายใต้สังกัดกระทรวงการอุกมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และธนาคารกรุงไทย จํากัด (มหาชน)เข้าร่วมพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือด้านการพัฒนา ต่อยอด และถ่ายทอดเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ เพื่อพัฒนาเทคโนโลยี AI ให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ สนับสนุนการให้บริการประชาชนและเพิ่มประสิทธิภาพภาครัฐ

นายปิ่นสาย สุรัสวดี อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า ในปี 2568 – 2570 กรมสรรพากรมุ่งเน้นที่จะนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาประยุกต์ใช้ในการขับเคลื่อนองค์กรอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารการจัดเก็บภาษี  ยกระดับการให้บริการประชาชน และเสริมสร้างระบบภาษีที่เป็นธรรม โปร่งใส และตรวจสอบได้ การร่วมมือกันในครั้งนี้ นับเป็นก้าวสำคัญของการขยาย ต่อยอดความร่วมมือ ของกรมสรรพากร สวทช. โดยเนคเทค และธนาคารกรุงไทย ที่ร่วมกันนำเทคโนโลยี AI มาสร้างสรรค์นวัตกรรมที่สอดคล้องภารกิจของกรมสรรพากรและยกระดับภาษีของประเทศ บริการผู้เสียภาษีให้มีศักยภาพในการแข่งขัน และแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ และประสบการณ์


นอกจากนี้ กรมสรรพากรยังเตรียมแผนในอนาคตที่ชัดเจน ในระยะสั้น ระยะกลาง ระยะยาวทั้งด้านการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดเก็บภาษี และด้านการบริการดิจิทัลต่อผู้เสียภาษีและประชาชน ด้วยเทคโนโลยี AI มาสนับสนุนและเตรียมข้อมูล เพื่อช่วยวิเคราะห์ และตรวจสอบภาษีให้รวดเร็วยิ่งขึ้น วิเคราะห์พฤติกรรมการยื่นแบบและชำระภาษีเพื่อออกแบบบริการภาษีให้ตรงกับแต่ละบุคคล ทั้งนี้ การนำ AI มาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพต้องอาศัยความพร้อมทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลระดับสูง เทคโนโลยี AI บุคลากรด้าน AI และการกำกับดูแลอย่างโปร่งใสตามหลักจริยธรรม AI ภายใต้ความร่วมมือด้านเทคโนโลยี AI จาก สวทช. โดยเนคเทค ด้านโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลระดับสูงจากธนาคารกรุงไทย เราจะสามารถยกระดับระบบภาษี ให้เป็นระบบที่ทันสมัย น่าเชื่อถือ มีธรรมาภิบาล และเป็นที่พึ่งของประชาชนโดยยึดประชาชนเป็นศูนย์กลางอย่างแท้จริง

ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวง อว. กล่าวว่า การผนึกกำลังร่วมกับกรมสรรพากร และธนาคารกรุงไทยครั้งนี้ เป็นการต่อยอดความสำเร็จจากความร่วมมือที่มีมาก่อนหน้า เพื่อร่วมกันนำนวัตกรรมมายกระดับบริการดิจิทัลภาครัฐให้ก้าวหน้าไปอีกขั้น ในยุคที่ AI และ BIG DATA มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่ง สวทช. ได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นของการมีเทคโนโลยี AI ของประเทศ หรือ “Localize AI” ที่ถูกพัฒนาให้เข้าใจบริบทของไทยโดยเฉพาะ ทั้งด้านภาษา วัฒนธรรม และกฎระเบียบต่าง ๆ ซึ่งไม่เพียงแต่จะช่วยยกระดับการให้บริการประชาชนได้อย่างตรงจุด แต่ยังเป็นการสร้างความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลภาครัฐ ป้องกันข้อมูลสำคัญรั่วไหลไปยังต่างประเทศ สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของแผนปฏิบัติการด้านปัญญาประดิษฐ์แห่งชาติเพื่อการพัฒนาประเทศไทย สวทช. โดย เนคเทค พร้อมทำหน้าที่เป็นขุมพลังด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของไทย พร้อมนำองค์ความรู้และประสบการณ์มาสนับสนุนการดำเนินงานอย่างเต็มที่ ทั้งในด้านการพัฒนาเทคโนโลยีและทักษะบุคลากร เพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรม AI ที่เป็นของคนไทยเพื่อความมั่นคงทางด้านเศรษฐกิจและสังคม และสร้างต้นแบบการบูรณาการความเชี่ยวชาญที่จะขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ยุค AI อย่างมั่นคงและยั่งยืน

นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ธนาคารกรุงไทยมีความยินดีที่ได้ร่วมมือกับกรมสรรพากร และ สวทช. โดยเนคเทค สนับสนุนการพัฒนา   “RD Voice Chatbot” ระบบผู้ช่วยสนทนาอัจฉริยะ ให้บริการข้อมูลภาษีด้วย ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการสื่อสารกับประชาชน ลดภาระเจ้าหน้าที่รัฐ และขยายการเข้าถึงข้อมูลด้านภาษีให้ครอบคลุมประชาชนทุกกลุ่ม ภายใต้ความร่วมมือครั้งนี้ ธนาคารได้นำศักยภาพด้านโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลระดับสูง มาร่วมผลักดันการพัฒนาเทคโนโลยีของภาครัฐ ผ่าน บริษัท กรุงไทย คอมพิวเตอร์ เซอร์วิสเซส จำกัด (KTCS) ที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีคลาวด์และการประมวลผลขั้นสูง ด้วยการนำ GPU Infrastructure สมรรถนะสูง มาใช้ในการฝึกฝนและใช้งานโมเดล AI ช่วยให้ระบบ RD Voice Chatbot มีความแม่นยำ เรียนรู้และพัฒนาได้อย่างต่อเนื่อง


ธนาคารกรุงไทยในฐานะพันธมิตรภาครัฐด้าน GovTech Enabler ยืนยันความมุ่งมั่น ในการนำเทคโนโลยีมาพัฒนาบริการภาครัฐให้ “ทันสมัย เป็นมิตร และเข้าถึงได้จริง” โดยเฉพาะการประยุกต์ใช้ AI อย่าง “มีความรับผิดชอบ” คำนึงถึงความปลอดภัย ความเป็นธรรม และการสร้างโอกาสที่เท่าเทียม ให้กับทุกภาคส่วนในสังคม สร้างผลกระทบเชิงบวกทั้งในด้านสังคม ยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโต

ทั้งนี้ ความร่วมมือระหว่างกรมสรรพากร สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) มุ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อสนับสนุนยุทธศาสตร์ชาติด้านดิจิทัล สร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการประชาชน โดยครอบคลุมทั้งการประยุกต์ใช้ AI ในกระบวนการทำงานของหน่วยงาน การพัฒนาทักษะบุคลากรภาครัฐ ให้พร้อมต่อยุคดิจิทัล และการสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยี AI ซึ่งรวมถึงบริการระบบคลาวด์ จากธนาคารกรุงไทย ความร่วมมือในครั้งนี้สะท้อนถึงความตั้งใจร่วมกันของทุกฝ่ายในการขับเคลื่อนนวัตกรรมอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อยกระดับคุณภาพบริการภาครัฐและรองรับการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบราชการดิจิทัลอย่างยั่งยืน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานสรรพากรทุกแห่งทั่วประเทศหรือที่ศูนย์สารนิเทศสรรพากร (RD Intelligence Center) โทร. 1161.-516-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

แนวป้องกันน้ำท่วมฝีมือทหารช่าง ลดความรุนแรงน้ำท่วม

เชียงราย 29 ก.ค. – น้ำจากลำน้ำสายที่ทะลักเข้าท่วมชุมชนชายแดนแม่สายที่เชียงรายลดลงแล้ว แต่ทิ้งเศษซากความเสียหายไว้จำนวนมากและทำให้ชาวแม่สายอย่างน้อย 500 ครัวเรือนได้รับความเดือดร้อน แต่ยังถือว่าไม่หนักหนาสาหัสเหมือนน้ำท่วมใหญ่เมื่อปีที่แล้ว ส่วนหนึ่งมาจากแนวป้องกันน้ำท่วมยาวเกือบ 4 กิโลเมตร จากฝีมือของทหารช่าง.-สำนักข่าวไทย

เปิดภาพทหารล้อมรั้วลวดหนาม ปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 29 ก.ค.-เปิดภาพทหารล้อมรั้วลวดหนามรอบปราสาทตาเหมือนธม อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ จากเหตุสู้รบชายแดนไทย-กัมพูชา ในหลายพื้นที่ รวมทั้งบริเวณปราสาทตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดที่มีการปะทะรุนแรง และก่อนหน้านี้มีเหตุการณ์ที่ฝ่ายกัมพูชาพยายามยั่วยุในลักษณะต่างๆ เช่น การขึ้นมาร้องเพลง และทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ ขณะที่แม่ทัพภาคที่ 2 ก็เชิญชวนให้คนไทยมาเที่ยวปราสาทตาเมือนธม โดยยืนยันว่าเป็นพื้นที่อธิปไตยไทย และได้รับความสนใจจากประชาชนจากทั่วสารทิศ ทั้งนี้ บริเวณปราสาทตาเมือนธม ถือเป็นพื้นที่แรกๆ ที่เกิดเหตุปะทะ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 ด้วยเหตุว่ากัมพูชาพยายามจะเข้ามายึดพื้นที่ปราสาท ซึ่งเป็นจุดสูงได้เปรียบในเชิงจุดยุทธศาสตร์ ก่อนจะเกิดเหตุปะทะในหลายพื้นที่ตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะในพื้นที่รับผิดชอบของกองทัพภาคที่ 2 และนำมาสู่การเจรจาหยุดยิงโดยรัฐบาล 2 ประเทศ เมื่อวานนี้ จนกระทั่งมีการหารืออย่างไม่เป็นทางการระหว่างฝ่ายทหารในพื้นที่ 2 ประเทศในวันนี้ และทำให้เสียงปืนสงบลง.-313.-สำนักข่าวไทย

ไทม์ไลน์หลังข้อตกลงหยุดยิง หลายพื้นที่ยังปะทะเดือด

29 ก.ค.- ย้อนดูไทม์ไลน์ เหตุปะทะในหลายพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังข้อตกลงหยุดยิงมีผลตั้งแต่เวลาเที่ยงคืนที่ผ่านมา ทันทีที่ข้อตกลงหยุดยิงแบบไม่มีเงื่อนไข ถูกกำหนดในเวลาเที่ยงคืน สมรภูมิสำคัญตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะบริเวณปราสาทตาควาย ปราสาทตาเมือนธม เดือดถึงขีดสุด เพราะต่างฝ่ายต่างต้องการแย่งชิงพื้นที่ ยิ่ง 30 นาทีสุดท้ายก่อนเดดไลน์ ทหารหน่วยรบพิเศษของไทย เข้าปะทะ “กองกำลัง BHQ” ที่เสริมกำลังเข้ามาอย่างดุเดือด ก่อนที่ไทยจะยึดประสาทตาควายไว้ได้ก่อนถึงเส้นตายหยุดยิง แต่ปรากฏว่าเสียงปืนและระเบิด สงบลงหลังเส้นตายหยุดยิงเพียงไม่นาน ตลอดทั้งคืน ไทยยังถูกกัมพูชา ยิงยั่วยุ ยาวจนถึงเช้า ภาพนี้ทหารไทยได้ถ่ายเวลาจากนาฬิกา ในเวลา 06.29 น. ขณะได้ยินเสียงปืนใหญ่ที่ฝั่งกัมพูชาระดมยิงใส่ฝั่งไทยไว้เป็นหลักฐานว่า กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง พันเอกริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษก ทบ. เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากหน่วยในพื้นที่ กองกำลังสุรนารี ว่าหลังจากมีการหยุดยิง ในเวลา 00.00 น. แล้ว พบว่าในพื้นที่ภูมะเขือ ถูกก่อกวน โดยฝ่ายทหารกัมพูชา มีการยิงปะทะตอบโต้จากทั้งสองฝ่ายจนถึงเช้า พื้นที่ซำแต มีการยิงปะทะกันเกิดขึ้น จนถึงเวลา 05.30 น. เนื่องจากทหารกัมพูชาไม่ยอมหยุด […]

“มาริษ” ร่อนหนังสือประท้วง “อาเซียน-สหรัฐ-จีน-ยูเอ็น”

ก.ต่างประเทศ 29 ก.ค.-“มาริษ” ส่งหนังสือประท้วง “อาเซียน-สหรัฐ-จีน-ยูเอ็น” บอกต่อสายเพื่อนสนิทขอร่อนเอกสาร ยัน “กัมพูชา” ไม่จบ ยิงอีกรอบหลังจบเจรจา เปิดใจขอทุกคนไม่ต้องห่วง กต.ร่วมมือเต็มที่ปกป้องอธิปไตยไทยและบูรณภาพแห่งดินแดน ยัน “ไทย” เป็นสุภาพบุรุษ ไม่ต้องกลัวสายตาโลก บอกนานาชาติชื่นชมพรึ่บ! นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศแถลงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยชี้แจงว่าหลังเกิดเหตุการณ์ปะทะกัน ระหว่างไทย-กัมพูชา กระทรวงการต่างประเทศได้ประท้วงหลายกรอบความร่วมมือ ไม่ว่าจะเป็นอนุสัญญาออตตาวา, อนุสัญญาเจนีวา, กฎหมายระหว่างประเทศ, การใช้ทุ่นระเบิดและการโจมตีพื้นที่ที่เป็นพื้นที่ของประชาชน ซึ่งที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ตนได้เข้าไปในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ได้พบผู้แทนระดับสูงของ UN และหลายประเทศ หารือในเรื่องที่เราดำเนินการแก้ไขทุกอย่างด้วยสันติวิธี และใช้ความอดทนอดกลั้นทั้งหมด ถึงแม้จะอดกลั้น แต่เราก็ยึดถือหลักสำคัญที่สุด คืออำนาจอธิปไตยและความปลอดภัยของประชาชนเป็นสำคัญ เป็นอันดับหนึ่ง ขณะเดียวกัน เราก็ให้ความสำคัญกับเรื่องกฎหมายระหว่างประเทศกฎหมาย, กฎบัตรสหประชาชาติ, กฎหมายอาเซียน, ความตกลงและความเป็นครอบครัวอาเซียนทุกประเทศ รวมทั้งประเทศไทยกับประเทศกัมพูชา ซึ่งก็พยายามใช้ความอดทนอดกลั้นพยายามไม่ให้สถานการณ์บานปลาย แต่อย่างไรก็ตาม เราถูกละเมิดอธิปไตย เราก็ต้องใช้สิทธิ์ตอบโต้ในสิ่งที่ประเทศไทยถูกละเมิดมาโดยตลอด นายมาริษ กล่าวว่า ภาพพจน์ของนานาประเทศที่ให้กับเรา ทำให้เราได้ประสบความสำเร็จในสิ่งที่เราต้องการ คือความเป็นประเทศรักสงบ […]