กรุงเทพฯ 7 ก.ย.- รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มั่นใจ มติ ครม. ที่อนุมัติเงินช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังที่ประสบภาวะโรคใบด่างระบาด จะช่วยให้เกษตรกรให้ความร่วมมือแจ้งการเกิดโรค เป็นผลดีต่อการควบคุมการระบาด
นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กล่าวว่า การที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบการดำเนินการและเบิกจ่ายงบประมาณช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังที่ไม่สามารถขายผลผลิตคุณภาพดีได้ เนื่องจากต้นมันในแปลงติดโรคใบด่างมันสำปะหลัง โดยอนุมัติเงิน 272 ล้านบาท สำหรับเป็นค่าชดเชย 136 ล้านบาทและค่าทำลายแปลงมัน 136 ล้านบาท โดยสำนักงบประมาณได้จัดสรรงบประมาณให้กระทรวงพาณิชย์แล้ว
ทั้งนี้ แนวทางจ่ายค่าชดเชยให้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังที่ได้รับผลกระทบจะได้รับไม่เกิน 3,000 บาทต่อไร่ และเป็นค่าทำลายไร่ละ 3,000 บาท ซึ่งเจ้าหน้าที่กรมวิชาเกษตรจะทำลายต้นมันสำปะหลังที่ติดโรค โดยการขุด ถอน และฝังดินทั้งแปลง ขณะนี้ ครม. ให้ความเห็นชอบการดำเนินการและเบิกจ่ายงบประมาณดังกล่าวแล้ว รวมงบประมาณที่อนุมัติไว้ 272 ล้านบาทแบ่งเป็น ค่าชดเชย 136 ล้านบาทและค่าทำลาย 136 ล้านบาท เชื่อมั่นว่า จะทำให้เกษตรกรร่วมมือกับภาครัฐในการแจ้งโรคและยินยอมให้ทำลายมันยกแปลง เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรค
สำหรับแนวทางการช่วยเหลือเกษตรกรที่ไม่สามารถขายผลผลิตคุณภาพดีได้ โดยชดเชยให้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังที่ได้รับผลกระทบไร่ละไม่เกิน 3,000 บาท และเป็นค่าทำลาย ไร่ละ 3,000 บาท จะทำลายไร่มันสำปะหลังที่ติดโรค โดยการขุด ถอน และฝังดิน ปัจจุบันพบการระบาดใน 8 จังหวัดแนวชายแดนใกล้ประเทศกัมพูชาได้แก่ จังหวัดนครราชสีมา บุรีรัมย์ สระแก้ว สุรินทร์ ศรีสะเกษ ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา และชลบุรี โดยสำรวจแล้วพบว่า จะต้องทำลายแปลงมันสำปะหลังถึง 45,399 ไร่
นายเฉลิมชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ได้รับรายงานจากกรมวิชาการเกษตรถึงการเกิดโรคใบด่างในมันสำปะหลังว่า เกิดจากเชื้อไวรัส Sri Lankan Cassava Mosaic Virus หรือ SLCMV ทำให้ใบด่างเหลือง ใบเสียรูปทรง ยอดที่แตกใหม่จะแสดงอาการใบเหลือง ลำต้นแคระแกร็น หัวมันจะเล็ก และมีเชื้อแป้งน้อย ปี 2561 พบการระบาดที่จังหวัดรัตนคีรี ราชอาณาจักรกัมพูชาก่อน แล้วแพร่เข้ามาในจังหวัดสระแก้ว จากนั้นขยายออกไปยังพื้นที่ปลูกมันอื่นๆ จากการซื้อขายท่อนพันธุ์มันที่มีติดเชื้อและมีแมลงหวี่ขาวยาสูบซึ่งเป็นพาะนำโรคไป อีกทั้งสถานการณ์ภัยแล้งเกิดขึ้นทำให้ชาวไร่มันปลูกมันไปแล้ว 2-3 รอบเสียหายหมด ต้องทำการปลูกใหม่อีก เกษตรกรจึงต้องการท่อนพันธุ์มันมากขึ้น มีการเคลื่อนย้ายท่อนพันธุ์จากพื้นที่เกิดโรคไปยังจังหวัดอื่นๆ ส่งผลให้ระบาดเป็นวงกว้างขึ้น
ทั้งนี้ ได้กำชับให้ทั้งกรมวิชาการเกษตรและกรมส่งเสริมเกษตรบูรณาการควบคุมและยับยั้งการระบาดของโรคไวรัสใบด่างมันสำปะหลัง เพื่อไม่ให้สร้างความเสียหายต่อการผลิตและการค้ามันสำปะหลังของไทยที่มีมูลค่าแสนล้านบาทต่อปี โดยให้เร่งผลิตท่อนพันธุ์สะอาดและปลอดโรคเพื่อให้เกษตรกรนำไปปลูก รวมทั้งขอความร่วมมือเกษตรกรให้ซื้อท่อนพันธุ์จากแหล่งที่เชื่อถือได้ซึ่งมีทั้งหน่วยงานของกระทรวงเกษตรและมูลนิธิสถาบันพัฒนามันสำปะหลังแห่งประเทศไทย ซึ่งเกิดจากการรวมกลุ่มของภาคเอกชนซึ่งกำลังวิจัยและเร่งผลิตท่อนพันธุ์มันที่สะอาด มีคุณภาพ แข็งแรง ให้ผลผลิตดี ที่สำคัญคือ ปลอดเชื้อและพาหะนำโรคใบด่างมันสำปะหลัง
ทางด้านสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) รายงานว่า ไทยมีพื้นที่ปลูกมันสำปะหลัง 50 จังหวัดกว่า 8.6 ล้านไร่ เกษตรกร 523,589 ครัวเรือน สั่งการกรมวิชาการเกษตรตรวจเข้มทุกด่านพรมแดนไม่ให้มีการลักลอบนำท่อนพันธุ์มันเข้ามาเนื่องจากเชื้อไวรัสและแมลงพาหะจะติดมากับท่อนมัน ส่วนการนำเข้ามันเส้นและหัวมันสดที่ไม่ติดเหง้าหรือส่วนขยายพันธุ์มาด้วยยังสามารถนำเข้าได้ ส่วนเกษตรกรต้องเลือกใช้ท่อนพันธุ์ที่ปลอดโรคและทราบแหล่งที่มา สำรวจแปลงมันสำปะหลังอย่างสม่ำเสมอ กำจัดแมลงพาหะนำโรค นอกจากนี้ หากพบมันสำปะหลังที่มีอาการข้างต้นให้รีบแจ้งสำนักงานเกษตรอำเภอหรือสำนักงานเกษตรจังหวัดทันทีเพื่อจะได้ไปตรวจสอบ หากพบว่า ติดเชื้อใบด่างมันสำปะหลังจะได้ทำลายทิ้งทันที ป้องกันโรคลุกลาม ช่วยให้อุตสาหกรรมต่อเนื่อง ได้แก่ การผลิตแป้งมัน มันเส้น และอื่นๆ ที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูงนับแสนล้านบาทต่อปีของไทยไม่ให้เสียหายทั้งระบบ . – สำนักข่าวไทย