สทนช.เร่งระดมความคิดเห็น ร่วมหาทางออกคิดค่าน้ำสาธารณะ

กรุงเทพฯ 1 ก.ย. – สทนช.เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นทุกภาคส่วน เดินหน้าจัดทำหลักเกณฑ์การคิดค่าน้ำและจัดทำกฎหมายลำดับรอง ตาม พ.ร.บ.น้ำปี 61 หวังให้ทุกภาคส่วนมีน้ำใช้อย่างเพียงพอและเป็นธรรม ลดปัญหาการแย่งชิงน้ำผ่านกระบวนการมีส่วนร่วม



นายสำเริง แสงภู่วงค์ รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) กล่าวถึงแนวทางการเปิดรับฟังความคิดเห็นของประชาชน โครงการจัดทำหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการคิดค่าน้ำและจัดทำกฎหมายลำดับรอง ตามกฎหมายว่าด้วยทรัพยากรน้ำ (หมวดที่ 4 การจัดสรรน้ำและการใช้น้ำ) ว่า จากสภาพปัญหาเกี่ยวกับการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในหลายด้าน ทั้งปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้ง และคุณภาพน้ำที่แต่ละปีปัญหาเหล่านี้จะทวีความรุนแรงขึ้น 


อีกทั้งความต้องการใช้น้ำสำหรับกิจกรรมของภาคส่วนต่าง ๆ เพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งสภาพภูมิอากาศที่มีความแปรปรวน ทำให้มีความเสี่ยงในการบริหารจัดการน้ำให้เพียงพอกับความต้องการใช้น้ำของทุกภาคส่วน ก่อให้เกิดความไม่เข้าใจกัน จนกลายเป็นความขัดแย้งและปัญหาการแย่งชิงน้ำ รวมทั้งการดำเนินการแก้ไขปัญหาทรัพยากรน้ำในอดีต เกิดขึ้นโดยหลายหน่วยงานตามอำนาจหน้าที่ ซึ่งกำหนดไว้ในกฎหมายหลายฉบับ ทำให้การดำเนินงานแก้ไขปัญหาขาดความเป็นเอกภาพ 


ปัจจุบันพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ.2561 มีผลใช้บังคับแล้ว เว้นแต่บทบัญญัติในหมวดที่ 4 เรื่องการจัดสรรน้ำและการใช้น้ำให้ใช้บังคับเมื่อประกาศใช้กฎหมายไปแล้ว 2 ปี ประกอบด้วย มาตรา 40-55 มีรายละเอียดเกี่ยวกับการจัดลำดับความสำคัญการจัดสรรน้ำ การแบ่งประเภทการใช้ทรัพยากรน้ำสาธารณะ และการออกใบอนุญาตการใช้น้ำ ซึ่ง สทนช.ได้เร่งศึกษาเพื่อจัดทำหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข การจัดสรรน้ำ การใช้น้ำ การคิดค่าใช้น้ำ และกฎหมายลำดับรอง เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้บังคับใช้ในหลายมาตรา 

นอกจากนี้ ยังมีประเด็นเรื่องการจัดเก็บค่าน้ำที่จะมีการจัดเก็บค่าใช้น้ำสาธารณะเฉพาะประเภทที่ 2 การใช้ทรัพยากรน้ำสาธารณะเพื่อการอุตสาหกรรม อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว การผลิตพลังงานไฟฟ้า การประปาและกิจการอื่น และประเภทที่ 3 การใช้ทรัพยากรน้ำสาธารณะเพื่อกิจการขนาดใหญ่ที่ใช้น้ำปริมาณมาก หรืออาจก่อให้เกิดผลกระทบข้ามลุ่มน้ำ หรือครอบคลุมพื้นที่อย่างกว้างขวาง

ดังนั้น เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เกิดการยอมรับและสอดคล้องกับความต้องการของทุกภาคส่วน ตลอดจนมีความเป็นไปได้ในทางปฏิบัติมากที่สุด สทนช. ร่วมกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ดำเนินโครงการจัดทำหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข การคิดค่าน้ำ และจัดทำกฎหมายลำดับรอง ตามกฎหมายว่าด้วยทรัพยากรน้ำ (หมวด 4 การจัดสรรน้ำและการใช้น้ำ) และจัดการประชุมรับฟังความคิดเห็น เพื่อชี้แจงรายละเอียดของการดำเนินงานในส่วนที่เกี่ยวข้องกับพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. 2561 หมวด 4 การจัดสรรน้ำและการใช้น้ำให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย รวมทั้งผู้ที่เกี่ยวข้องและผู้ที่สนใจได้รับทราบ ทั้งหน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ คณะกรรมการลุ่มน้ำ ภาคเอกชน ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย กลุ่มผู้ใช้น้ำ และภาคประชาชนทั่วไป 

การประชุมจะมีการนำเสนอภาพรวมการดำเนินงานของโครงการฯ อาทิ พื้นที่ศึกษา ขอบเขตการศึกษา ตลอดจนแผนการดำเนินงานในขั้นตอนต่อไป และที่สำคัญจะเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากผู้ที่เกี่ยวข้อง และร่วมมือหาทางออก เพื่อกำหนดแนวทางการศึกษาบนพื้นฐานการมีส่วนร่วมให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพพื้นที่และภูมิสังคม โดย สทนช.จะดำเนินจัดประชุมกลุ่มใหญ่และกลุ่มย่อย  5 ครั้ง รวม 47 เวที ให้ครอบคลุมทุกลุ่มน้ำ เพื่อเป็นช่องทางในการชี้แจง สร้างการรับรู้และเข้าใจให้กับประชาชนในวงกว้างให้เสร็จภายในกุมภาพันธ์ 2563  

“สทนช.ตระหนักถึงความสำคัญของการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ทั้งภาคส่วนของผู้ที่มีหน้าที่ในการอนุญาต ควบคุม ดูแล ทั้งระดับการกำหนดนโยบาย และระดับปฏิบัติงาน รวมทั้งกลุ่มผู้ใช้น้ำ ที่อาจได้รับผลกระทบจากโครงการ ดังนั้น การประชุมครั้งนี้ จึงเป็นโอกาสดีที่ทุกภาคส่วนจะได้รับทราบข้อมูลและรายละเอียดโครงการ รวมทั้งจะได้แสดงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินการโครงการ เพื่อรวบรวมปัญหา ความคิดเห็น และข้อเสนอแนะต่าง ๆ มาประเมินและพิจารณาประกอบการปรับปรุงโครงการให้มีความเหมาะสมและเป็นไปได้ในทางปฏิบัติให้มากที่สุด หลังจากนี้ สทนช.จะดำเนินการจัดประชุมกลุ่มย่อยครอบคลุมพื้นที่ทั้ง 22 ลุ่มน้ำ เพื่อให้ได้มาซึ่งเกณฑ์การจัดสรรน้ำ ประเภทการใช้น้ำ เกณฑ์กำหนดโครงสร้างราคาน้ำ และการยกร่างกฎหมายลำดับรอง ในหมวด 4 การจัดสรรน้ำและการใช้น้ำ ที่เหมาะสมและเป็นที่ยอมรับ ผ่านกระบวนการมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง ซึ่งจะทำให้การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศเป็นไปอย่างเป็นระบบ เกิดประโยชน์กับประชาชนในทุกภาคส่วนอย่างเท่าเทียม ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในเดือนมกราคมปี 2564 และบรรลุตามวัตถุประสงค์ของพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. 2561” รองเลขาธิการ สทนช. กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง