กรุงเทพฯ 1 ก.ย. – ก.เกษตรฯ พร้อมนำผลสรุปโครงการประกันรายได้ชาวสวนยางพาราเสนอ ครม. เร่งหยุดเลือดเกษตรกรขาดทุนมากว่า 5 ปี เงินถึงมือชาวสวนยาง 15 ธ.ค.นี้แน่นอน ชี้มาตรการต่าง ๆ เป็นความเห็นชอบร่วมกันทั้งภาครัฐ ผู้แทนสถาบันเกษตรกร และผู้แทนผู้ประกอบการ โดยจะทำควบคู่กับมาตรการรักษาเสถียรภาพราคายางอย่างยั่งยืน
นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า เตรียมจะนำโครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยางพารา ระยะที่ 1 เสนอ ครม.พิจารณา จากการเชิญทุกภาคส่วนมาประชุมสรุปแผนการดำเนินงาน เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรชาวสวนยางและลดผลกระทบเกษตรกรกรณีราคายางพาราตกต่ำ
ทั้งนี้ นายสุนันท์ นวลพรหมสกุล รองผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) รักษาการผู้ว่าการ กยท. ได้สรุปมาตรการโดยละเอียด ระยะเวลาดำเนินงานตั้งแต่เดือนตุลาคม 2562 – กันยายน 2563 เกษตรกรชาวสวนยางที่เข้าร่วมโครงการต้องขึ้นทะเบียนกับ กยท.ก่อนวันที่ 12 สิงหาคม 2562 พื้นที่ 17,201,390.77 ไร่ เกษตรกร 1,412,017 ราย และคนกรีด 299,235 ราย โดยรวมทั้งเกษตรกรที่ถือบัตรสีเขียวพื้นที่มีเอกสารสิทธิ์และบัตรสีชมพูพื้นที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์ ทั้งนี้ เพื่อต้องการช่วยเหลือชาวสวนยางที่เดือดร้อนจากการขายยางขาดทุนมากว่า 5 ปีอย่างทั่วถึง
สำหรับราคายางที่ประกันรายได้กำหนดให้ยางแผ่นดิบคุณภาพดี 60 บาท/กิโลกรัม น้ำยางสด (DRC 100%) 57.00 บาท/กิโลกรัม และยางก้อนถ้วย (DRC 100%) 25.00 บาท/กิโลกรัม โดยกำหนดปริมาณผลผลิตยางที่จะประกันรายได้เป็นยางแห้ง 20 กิโลกรัม/ไร่/เดือน ซึ่งเตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาจ่ายค่าชดเชยส่วนต่างจากการขายยางเมื่อเทียบกับราคาโครงการประกันรายได้เป็น 3 กรณี คือ รายละไม่เกิน 25 ไร่ จะใช้งบประมาณ 26,627,343,816.59 บาท รายละไม่เกิน 20 ไร่ จะใช้งบประมาณ 24,928,133,299.41 บาท รายละไม่เกิน 15 ไร่ จะใช้งบประมาณ 22,280,417,136.65 บาท
นอกจากนี้ ยังกำหนดให้เกษตรกรชาวสวนยางที่เข้าร่วมโครงการต้องปลูกพืชเศรษฐกิจชนิดอื่นหรือเลี้ยงปศุสัตว์ร่วมในสวนยาง เป็นต้น เพื่อเพิ่มรายได้อย่างความยั่งยืน สำหรับการจ่ายเงินจะโอนเข้าบัญชีของเกษตรกรผ่านธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) โดย 2 เดือนจ่าย 1 ครั้ง สำหรับงบประมาณนั้น ธ.ก.ส.สำรองจ่ายไปก่อนและให้ ธ.ก.ส.เสนอขอรับจัดสรรงบประมาณปี 2564 ประกอบด้วย งบสำหรับการประกันรายได้ตามโครงการ งบชดเชยต้นทุนเงินต้น ธ.ก.ส. ค่าใช้จ่ายในการโอนให้เกษตรกร และค่าบริหารโครงการเหมาจ่าย 1% ของวงเงินชดเชยรายได้
นายเฉลิมชัย กล่าวต่อว่า กระบวนการดำเนินงานจะมี 4 ขั้นตอน คือ การประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์และผู้มีสิทธิ์แจ้งเข้าร่วมโครงการ การตรวจสอบสิทธิ์ กยท. ประมวลผลและรวบรวมข้อมูลส่ง ธ.ก.ส. และ ธ.ก.ส. โอนเงินเข้าบัญชีเกษตร แล้วแจ้ง กยท. อีกทั้งได้กำหนดเวลาดำเนินงานตามขั้นตอนต่าง ๆ โดยเริ่มประชาสัมพันธ์โครงการตั้งแต่วันที่ 15 กันยายน 2562 และเงินบาทแรกจะถึงมือชาวสวนยางวันที่ 15 ธันวาคมนี้แน่นอน
นายเฉลิมชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า วางมาตรการการใช้งบประมาณโครงการนี้อย่างเคร่งครัด โดยแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมากำกับดูแล 4 คณะ คือ คณะกรรมการบริหารโครงการฯ คณะทำงานกำหนดราคากลางอ้างอิง คณะกรรมการบริหารโครงการฯ ระดับจังหวัด และคณะทำงานระดับตำบล เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและตรวจสอบได้ เมื่อบอร์ด กยท.เห็นชอบจะเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ (กนย.) แล้วนำเข้าสู่การพิจารณาของ ครม.พิจารณาโดยเร็วที่สุด
“โครงการประกันรายได้เป็นมาตรการระยะสั้นที่ต้องเร่งทำ เนื่องจากชาวสวนยางเดือดร้อนจากราคายางตกต่ำมานาน เชื่อว่าเมื่อทำควบคู่ไปกับมาตรการอื่น ๆ ได้แก่ การเพิ่มการใช้ยางภายในประเทศ การลดพื้นที่ปลูกยาง ตลอดจนการสร้างให้ไทยเป็นตลาดกลางยางพาราของโลก เพื่อป้องกันการบิดเบือนราคาจากตลาดซื้อขายยางล่วงหน้าในต่างประเทศ ซึ่งไทยทำได้ในฐานะที่เป็นผู้ส่งออกยางพารารายใหญ่ที่สุดของโลกจะทำให้ราคายางพาราขยับสูงขึ้นตามกลไกของตลาดอย่างแท้จริงและมีเสถียรภาพอย่างยั่งยืน” นายเฉลิมชัย กล่าว.-สำนักข่าวไทย