หาดใหญ่ 15 ส.ค. – รมว.เกษตรฯ จี้กรมชลฯ เร่งรัดโครงการบรรเทาอุทกภัยอำเภอหาดใหญ่ ซึ่งจัดทำขึ้นตามแนวพระราชดำริในหลวง ร. 9 ขณะนี้การก่อสร้างระยะที่ 2 ล่าช้ากว่าแผนเล็กน้อย จึงกำชับดำเนินการให้เสร็จเร็วที่สุด เพื่อป้องกันน้ำท่วมอำเภอหาดใหญ่ ซึ่งเป็นพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญของภาคใต้
นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เดินทางมาติดตามความก้าวหน้าโครงการจากเหตุการณ์อุทกภัยอำเภอหาดใหญ่ เพื่อเร่งรัดให้ดำเนินการให้เสร็จภายในปี 2562 ตามแผนการรองรับสถานการณ์น้ำฤดูฝนภาคใต้ ซึ่งจะเริ่มต้นเดือนตุลาคม ซึ่งกรมชลประทานรายงานว่า เป็นโครงการที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตรพระราชทานแนวพระราชดำริไว้ตั้งแต่ปี 2531 และปี 2543 เนื่องจากเกิดน้ำท่วมรุนแรงในอำเภอหาดใหญ่ ซึ่งเป็นเขตเศรษฐกิจสำคัญ ซึ่งกรมชลประทานได้น้อมเกล้าฯ มาดำเนินการโดยขุดคลองระบายน้ำและคลองสาขาเพื่อช่วยระบายน้ำให้ออกลงสู่ทะเลสาบสงขลา 7 สาย ได้แก่ คลองระบายน้ำสายหลักที่ตัดยอดน้ำไม่ให้เข้าเมืองหาดใหญ่ คือ คลองระบายน้ำ ร.1 และคลองระบายน้ำ ร.3 ร.4 ร.5 ร.6 1ซ-ร1 และ 1ข-1ซ-ร.1 ร ก่อสร้างปี 2544 เสร็จปี 2550
ต่อมาเมื่อปี 2553 ช่วงเดือนพฤศจิกายนเกิดฝนตกหนักจนมีดฝนตกมีปริมาณน้ำหลาก เกินศักยภาพของระบบระบายน้ำทำให้เกิดน้ำท่วมเมืองหาดใหญ่อีกครั้ง สร้างความเสียหาย 10,490 ล้านบาท เพื่อแก้ไขปัญหา กรมชลประทานจึงพิจารณาเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำแก้ปัญหาน้ำท่วมและยังสามารถเก็บน้ำไว้ในคลองระบายน้ำ ร.1 ช่วงฤดูแล้งเพื่อใช้ประโยชน์ได้ประมาณ 5 ล้านลูกบาศก์เมตร
นายเฉลิมชัย กล่าวต่อว่า กำชับให้ควบคุมดูแลให้ผู้รับเหมาก่อสร้างทำให้เสร็จเร็วที่สุด แต่ยืนยันว่าฤดูฝนของภาคใต้ที่จะมาถึงนี้ได้เตรียมเครื่องจักร-เครื่องมือ เครื่องสูบน้ำ เครื่องผลักดันน้ำ รถแบ็คโฮ รถบรรทุกไว้ในพื้นที่พร้อมแล้ว สำหรับเปิดทางน้ำและเร่งระบายน้ำในกรณีที่ฝนตกหนักไม่เกิน 200 มิลลิเมตร ศักยภาพของระบบระบายน้ำสามารถระบายน้ำได้ประมาณ 1,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ทั้งนี้ สามารถติดตั้งเครื่องจักรได้ภายใน 2 ชั่วโมง กระทรวงเกษตรฯ ร่วมกับเทศบาลนครหาดใหญ่ติดตั้งระบบติดตามสถานการณ์น้ำและเตือนภัยประชาชนเพื่อดูแลประชาชนในอำเภอหาดใหญ่ให้ดีที่สุด
ด้านนายประพิศ จันทร์มา รองอธิบดีกรมชลประทาน รายงานว่า โครงการบรรเทาอุทกภัยอำเภอหาดใหญ่ ระยะที่ 2 หัวงานตั้งอยู่ที่หมู่ที่ 1 บ้านหน้าควน เทศบาลเมืองควนลัง อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ครอบคลุมเขตพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ในตำบลหาดใหญ่ ตำบลควนลัง อำเภอบางกล่ำ ตำบลบ้านหาร ตำบลท่าช้าง ตำบลบางกล่ำ อำเภอควนเนียงในตำบลบางเหรียง ซึ่งจะปรับปรุงคลองระบายน้ำ ร.1 ความยาว 21.343 กิโลเมตร จากเดิมสามารถระบายน้ำได้ 465 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ให้สามารถระบายน้ำได้ไม่น้อยกว่า 1,200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ก่อสร้างประตูระบายน้ำหน้าควน แห่งที่ 2 จำนวน 3 ช่อง ก่อสร้างประตูระบายน้ำบางหยี แห่งที่ 2 จำนวน 8 ช่อง และก่อสร้างสถานีสูบน้ำพร้อมด้วยเครื่องสูบน้ำ 6 เครื่อง โดยมีอัตราการสูบน้ำรวม 90 ลูกบาศก์เมตร ระยะเวลาโครงการ 6 ปี ตั้งแต่ปี 2558-2564 กรอบวงเงิน 6,500 ล้านบาท ขณะนี้ก่อสร้างแล้ว 60.25 % ซึ่งล่าช้ากว่าแผน
กรมชลประทานได้แบ่งทำสัญญาการก่อสร้างเป็น 4 สัญญา โดยสัญญาที่ 1 ว่าจ้าง บมจ. สยามพันธุ์ ขุดคลองยาว 3.578 กิโลเมตร วงเงิน 1,346 ล้านบาท ระยะเวลา ตั้งแต่ 4 มิถุนายน 2558 – 13 เมษายน 2562 แต่งานช้ากว่าแผน 30.46% ปัจจุบันบอกเลิกสัญญาผู้รับจ้างเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2562 สัญญาที่ 2 ว่าจ้าง บมจ.สยามพันธุ์ฯ ขุดคลอง ยาว 4.2 กิโลเมตร วงเงิน 859 ล้านบาท ระยะเวลา18 พฤษภาคม 2559 – 30 สิงหาคม 2562 งานช้ากว่าแผน 34.04% สัญญาที่ 3 ว่าจ้าง บจก.เพิ่มพูนวิศวกรรมยาว 5.1 กม วงเงิน 798.195 ล้านบาท ระยะเวลา 12 พฤษภาคม 2559 – 24 สิงหาคม 2562 งานล่าช้ากว่าแผน 16.55% และสัญญาที่ 4 ว่าจ้าง บจก.ชัยเจริญไมตรี ขุดคลองยาว 4.619 กม วงเงิน 709 ล้านบาท ระยะ 18 พฤษภาคม 2559 – 30 สิงหาคม 2562 ล่าช้ากว่าแผน 43.99% ปัญหาความล่าช้าเกิดจากผู้รับจ้างนำเครื่องมือเครื่องจักรมาใช้ไม่เป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ คณะกรรมการตรวจการจ้างได้มีหนังสือเร่งรัดถึงผู้รับจ้างให้เร่งรัดการปฏิบัติงานและได้เชิญประชุมเพื่อติดตามความก้าวหน้าการก่อสร้าง
นายเฉลิมชัย กล่าวย้ำให้กรมชลประทานเร่งรัดดำเนินโครงการให้เสร็จโดยเร็วที่สุด เนื่องจากเป็นโครงการตามแนวพระราชดำริที่พระราชทานไว้ว่า “การแก้ไขและบรรเทาอุทกภัยด้วยวิธีการสร้างอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่คลองอู่ตะเภาหรือตามลำน้ำสาขาเพื่อสกัดกั้นน้ำจำนวนมากไม่ให้ไหลมายังเมืองหาดใหญ่นั้นคงไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะไม่มีทำเลที่เหมาะสมในการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำที่มีขนาดใหญ่ดังกล่าวได้เลย การแก้ไขและบรรเทาน้ำท่วมที่ควรพิจารณาดำเนินการ น่าจะได้แก่การขุดคลองระบายน้ำขนาดใหญ่ ให้ทำหน้าที่
แบ่งน้ำจากคลองอู่ตะเภาหรือช่วยรับน้ำที่ไหลลงมาท่วมตัวอำเภอหาดใหญ่ ให้ระบายลงสู่ทะเลสาบสงขลาโดยเร็ว” และต่อมาทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่อคลองระบายน้ำสายที่ 1 (ร.1) ว่า “คลองภูมินาถดำริ” หมายถึง “คลองระบายน้ำที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชดำริขุดขึ้น” ดังนั้นเมื่อฤดูฝนของภาคใต้มาถึงให้บูรณาการกับทุกภาคส่วนป้องกันปัญหาน้ำท่วมน้ำหลากให้ได้
“เมื่อโครงการเสร็จจะเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำคลองคลองภูมินาถดำริให้ระบายน้ำได้ 1,200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ช่วยแก้ปัญหาน้ำท่วมอำเภอหาดใหญ่ อีกทั้งยังเป็นแหล่งน้ำสำรองในช่วงฤดูแล้งประมาณ 5 ล้านลูกบาศก์เมตร สามารถลดความเสียหายที่เกิดในเขตพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญได้เป็นอย่างดี” นายเฉลิมชัย กล่าว.-สำนักข่าวไทย