สมุทรสาคร 21 ก.ค. – “ศักดิ์สยาม-ถาวร” ลงพื้นที่ถนนพระราม 2 พร้อมออกมาตรการแก้ปัญหาจราจรติดหนัก โดยขอความร่วมมือรถบรรทุกขนาดใหญ่ไม่วิ่งในชั่วโมงเร่งด่วนกระทบกับผู้ใช้ทางปกติ พร้อมเร่งคืนผิวจราจร ตั้งคณะทำงานร่วมภาคประชาชน ประกาศลงตรวจพื้นที่ดูแลใกล้ชิดทุกสัปดาห์
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมด้วยนายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ลงพื้นที่ถนนพระราม 2 อ.เมือง จ.สมุทรสาคร เพื่อรับฟังปัญหาหลังชาวบ้านร้องเรียนถึงความเดือดร้อนจากการก่อสร้างปรับปรุงทางหลวงหมายเลข 35 ตอนทางแยกต่างระดับบางขุนเทียน-เอกชัย
นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า หลังรับฟังปัญหาทราบว่าโครงการปรับปรุงทางหลวงดังกล่าวเซ็นสัญญาปี 2561 เเละจะสิ้นสุดปี 2563 ทราบว่าก่อนทำสัญญาบริเวณดังกล่าวมีรถไม่หนาเเน่นเท่าหลังทำสัญญา ทำให้เเผนคลาดเคลื่อนและขณะนี้ภาพรวมก่อสร้างเสร็จเเค่ร้อยละ 38 แต่ล่าช้ากว่าร้อยละ 18 เพราะต้องเคลื่อนย้ายสาธารณูปโภค เเต่กรมทางหลวงไม่ได้นิ่งนอนใจจะเร่งให้เสร็จภายในปลายปี 2563 ให้ได้เเละขณะนี้ก็จัดการปัญหาเรื่องสาธารณูปโภคได้เรียบร้อยเเล้ว
ส่วนสาเหตุปัญหาในพื้นที่ก่อสร้างพบว่าดินนิ่ม จึงจำเป็นต้องใช้ทรายถมเพื่อให้เเข็งเเรง โดยต้องใช้เวลาให้ดินเซ็ตตัวให้เเข็งเเรงประมาณ 180 วัน จึงอาจส่งผลต่อความล่าช้าในการทำทาง ทำให้เกิดรถติดหนัก โดยเฉพาะบริเวณหน้าวัดพันท้ายนรสิงห์ จึงมีเเนวทางแก้ปัญหา 2 แนวทาง ได้แก่ 1.บรรเทาความเดือดร้อนด้านจราจร คือ ผู้ว่าราชการจังหวัดเเละเจ้าหน้าที่ตำรวจจะขอความร่วมมือบริษัทการขนส่งที่ใช้รถบรรทุกใหญ่ให้ออกเดินทางหลังช่วงเวลาเร่งด่วน เเละให้รถใหญ่ยูเทิร์นรถถัดไปอีก 1 กม.จากจุดเดิม ขณะที่เรื่องผิวจราจร ภายใน 2 สัปดาห์จะสามารถเลื่อนผิวจราจรจากจุดเดิมไปจุดถัดไปได้ เเละ 2.ปรับขั้นตอนการก่อสร้าง ไม่ให้เปิดหน้างานตรงกันต่อไปจะเปิดให้ห่างกันจะได้ไม่เกิดภาวะคอขวด รวมถึงให้ทำป้ายบอกทางจราจรให้ชัดเจน
ส่วนการตั้งข้อสังเกตว่าระยะทางเเค่ 11 กิโลเมตร ทำไมต้องมีบริษัทรับเหมาถึง 3 บริษัท มองว่าเพื่อความรวดเร็วในการทำงาน ส่วนที่มีข้อร้องเรียนว่า 1 ใน 3 บริษัทเคยรับเหมาก่อสร้างในพื้นที่เเต่ทำงานล่าช้าเเล้วยังได้รับอนุญาตให้มาก่อสร้างอีก เรื่องนี้จะตรวจสอบเพิ่มเติม ขณะเดียวกันประชาชนในพื้นที่ได้ให้ข้อเสนอ ตั้งกรรมการทุกภาคส่วนเพื่อบูรณาการร่วมกัน จึงได้มอบหมายจังหวัดให้มีการตั้งคณะกรรมการ เพื่อเร่งรัดการทำงาน ซึ่งในอนาคตพื้นที่ดังกล่าวทราบว่าจะมีการสร้างทางยกระดับเเละทางด่วนอีก จึงต้องติดตามเเละดูเเลงาน ซึ่งสัปดาห์หน้าจะลงพื้นที่นี้อีก ส่วนประเด็นการปรับเปลี่ยนเเบบการก่อสร้างหรือปรับขนาดผิวถนนจนทำให้เกิดการล่าช้านั้นมองว่าไม่ใช่ประเด็นสำคัญ
ด้านนายอภิชาติ ไพรรุ่งเรือง ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย กล่าวว่า มายื่นหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมคนใหม่ เพื่อให้เร่งรัดเเละควบคุมการปรับปรุงทางหลวงเส้นนี้ หลังร้องเรียนไปแล้ว 3 ครั้งเเต่ไม่มีความคืบหน้า เนื่องจากก่อสร้างมานานกว่า 2 ปี เเต่ยังไม่เห็นวี่เเววว่าจะเสร็จ การขยายผิวถนนล่าช้า ทำให้รถติดยาวนาน จากเดิมกรุงเทพฯ มามหาชัยใช้เวลา 45 นาที เเต่เมื่อมีการก่อสร้างใช้เวลากว่า 2 ชม. ไม่มีการการวางเเผนปิดถนน จากปกติถนนมี 6 เลนถ้าจะปิดก็ควรเริ่มจากถนนคู่ขนาน เเล้วถึงไปถนนเส้นหลัก แต่กลับเปิดหน้าถนนทั้งหมด
“จากเดิมการเดินทางจากกรุงเทพฯ ถึงพระราม 2 ใช้เวลาเพียง 45 นาทีเท่านั้น แต่เมื่อมีการก่อสร้างขยายถนนส่งผลให้การเดินทางจากกรุงเทพฯ มาพระราม 2 ใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง ต้นทุนขนส่งสินค้าลงใต้พุ่ง 700-800 บาท/คัน เนื่องจากผู้ประกอบการต้องเปลี่ยนเส้นทางเดินทางจากพระราม 2 ไปใช้เพชรเกษมแทน” นายอภิชาติ กล่าว
ขณะที่เส้นทางนี้ถือเป็นประตูสู่ภาคใต้หากล่าช้าจะทำให้เกิดความเสียหายด้านเศรษฐกิจ ขณะเดียวกันการก่อสร้างไม่ได้คำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชน ไม่มีการวางเเท่งเเบร์ริเออเพื่อป้องกันอันตรายจากการก่อสร้างหรือรถที่สัญจรไปมาจำนวนมาก ทำให้เกิดอุบัติเหตุนับครั้งไม่ถ้วน
นายอภิชาติ กล่าวต่อว่า ตั้งข้อสังเกตว่าตลอดระยะทางการก่อสร้างเเค่ 11 กม. ทำไมสร้างมากว่า 2 ปียังไม่เสร็จ เเละที่สำคัญทำไมต้องมีผู้รับเหมาถึง 3 บริษัท เเละทั้งหมดก็ไม่ได้เป็นที่รู้จักด้านการก่อสร้างมากนัก หากเทียบเคียงกรณีอื่น เส้นมอเตอร์เวย์จากประตูน้ำพระอินทร์ไปจังหวัดนครราชสีมาระยะทางมากกว่าหลายเท่า เเต่ก็สร้างเสร็จภายใน 2 ปี ทั้งนี้ มองว่าจะช้าหรือเร็ว ควรต้องมีระบบจัดการที่มีคุณภาพ ทำป้ายบอกทางประชาชนให้หลีกเลี่ยงเส้นทาง ไม่กั้นทางฟุตบาทให้ประชาชนเดิน แนะถ้าจะสร้างทางเพิ่มควรคุยกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด รวมถึงภาคประชาชน เพราะทราบว่ารัฐมนตรีไม่ใช่ผู้วิเศษที่จะแก้ปัญหาได้ คนในพื้นที่อย่างองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหรือระดับจังหวัดควรขยับให้มากกว่านี้
ด้านนางปัทมาพร ถาวรโชติ ประชาชนในพื้นที่ กล่าวว่า ได้รับความเดือดร้อนอย่างต่อเนื่อง ตั้งเเต่การก่อสร้างโครงการก่อน ๆ ก็มีปัญหามาตลอด ยิ่งมาโครงการนี้การจราจรติดขัด ใช้ชีวิตยากลำบาก รถติดนานมากต้องเผื่อเวลาเดินทางไปส่งลูกที่โรงเรียนเเละไปทำงานจากเดิมอีก 2 ชั่วโมง บางครั้งไปทำงานสายก็เสียโอกาสเรื่องงาน ขณะที่อันตรายจากการก่อสร้างทั้งหลุมบ่อที่ไม่มีเเท่งเเบร์ริเออร์กั้น รวมถึงฝุ่นพิษPM2.5 มองว่าเป็นปัญหาเรื้อรังมีมาตั้งเเต่ตั้งครรภ์ลูกจนตอนนี้ 7 ขวบปัญหาก็ยังไม่เเก้ หน่วยงานในพื้นที่ที่เกี่ยวข้องควรดำเนินการเเละขยับตัวมากกว่านี้
สำหรับการก่อสร้างปรับปรุงทางหลวงหมายเลข 35 ตอนทางแยกต่างระดับบางขุนเทียน-เอกชัย ระยะทางรวม 11.7 กิโลเมตร งบประมาณรวม 2,213.5 ล้านบาท โดยขยายคันทางทั้งทางขนาน (Frontage Road) จากเดิม 2 ช่องจราจรเป็น 3 ช่องจราจร และทางหลัก (Main Road) จากเดิม 3 ช่องจราจรเป็น 4 ช่องจราจร พร้อมก่อสร้างสะพานกลับรถ 2 แห่ง ที่ กม.12 (แสมดำ) กม.16 (ก่อนถึงซอยพันท้ายนรสิงห์) และสะพานข้ามทางรถไฟ กม.18 โดยแบ่งการก่อสร้างออกเป็น 3 ตอน ให้ 3 บริษัทดูแล ได้แก่ ตอน 1 (กม.9+800-13+300) ระยะทาง 3.5 กิโลเมตร ก่อสร้างโดยบริษัท บุญสหะการสร้าง จำกัด งบประมาณ 707.50 ล้านบาท ตอน 2 (กม.13+300-17+400) ระยะทาง 4.1 กิโลเมตร ก่อสร้างโดยบริษัท แสงชัยโชค จำกัด งบประมาณ 798.555 ล้านบาท และ ตอน 3 (กม.17+400-21+500) ระยะทาง 4.1 กิโลเมตร ก่อสร้างโดย บริษัท เอ็ม.ซี.คอนสตรัคชั่น (1979) จำกัด งบประมาณ 707.5 ล้านบาท
ทั้งนี้ ตามสัญญาการก่อสร้าง คาดว่าจะเสร็จเดือนสิงหาคม 2563 แต่พบว่าความคืบหน้าเดือนมิถุนายน 2562 ตอน 1 คืบหน้าเพียงแค่ร้อยละ 6.06 ช้ากว่าแผนร้อยละ 43.95 ติดขัดปัญหาสาธารณูปโภค ตอน 2 คืบหน้าเพียงแค่ร้อยละ 17.31 ช้ากว่าแผนร้อยละ 31.40 ติดขัดต้นไม้และสาธารณูปโภค และตอน 3 คืบหน้าเพียงร้อยละ 31.48 ช้ากว่าแผนร้อยละ 6.06 ติดขัดสาธารณูปโภค.-สำนักข่าวไทย