“อนุทิน” เผยไม่อยากถูกฟ้องภายหลัง

ทำเนียบ 10 ก.พ.- “อนุทิน” ระบุภูมิใจไทยเห็นต่างรถไฟฟ้าสายสีเขียว ไม่เกี่ยวสัมพันธ์รัฐบาล ชี้หากยังเดินหน้าต่อจะขอโหวตโนใน ครม. แจงไม่อยากถูกฟ้องภายหลัง

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงการที่รัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทยไม่เข้าร่วมการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา(8 ก.พ.) ว่า ได้ชี้แจงไปก่อนหน้านี้แล้ว และรายละเอียดขอให้ไปถาม นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ซึ่งเป็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ออกมาชี้แจงรายละเอียดแล้ว และเมื่อกระทรวงคมนาคมทำความเห็นออกมา ฝ่ายที่เกี่ยวข้องสามารถคลายความวิตกกังวลและข้อสงสัยของกระทรวงคมนาคมได้ ก็สามารถดำเนินต่อไปได้


นายอนุทิน ยืนยันว่า พรรคภูมิใจไทยไม่ใช่จะไม่เห็นชอบว่าจะต่อหรือไม่ต่อสัญญารถไฟฟ้าสายสีเขียว แต่ต้องการให้เกิดความชัดเจนและขอให้ทำตามขั้นตอนที่ทางฝ่ายกฎหมายของกระทรวงคมนาคมเห็นว่ายังขาดช่วงอยู่ คือเรื่องของการรับโอนทรัพย์สินจาก รฟม.มาเป็นของ กทม. ซึ่งเป็นส่วนเดียวที่กระทรวงคมนาคมเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง

นายอนุทิน ระบุด้วยว่า เรื่องดังกล่าวไม่ได้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล แต่เป็นความเห็นเรื่องของการทำงาน ที่ไม่ตรงกัน ซึ่งการทำงานมีสิทธิ์ที่จะเห็นไม่ตรงกันได้ และยังหากไม่ตรงกันก็ต้องใช้วิธีลงมติ หากต้องการให้ความเห็นนี้เดินหน้าต่อไปได้เพราะคนที่ไม่เห็นด้วย ก็มีสิทธิ์ที่จะสงวนสิทธิ์ความเห็น เช่นที่พรรคภูมิใจไทยได้ดำเนินการมา


“ไม่ได้เป็นการขัดขวาง แต่การที่ไม่เข้าร่วมการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เพราะเห็นว่ามีการบรรจุวาระนี้มาล่วงหน้าแล้ว ซึ่งได้แจ้งนายกรัฐมนตรีล่วงหน้าแล้วว่ามีความลำบากใจในประเด็นนี้หากมีประเด็นดังกล่าวเข้ามา และจะไม่มีการโต้เถียงหรือปะทะคารมกัน พรรคภูมิใจไทยจึงได้ทำความเห็นเป็นหนังสือลายลักษณ์อักษรที่ชัดเจนแจ้งไป ย้ำว่าเรื่องที่เกิดขึ้น รัฐมนตรี ภูมิใจไทยไม่ร่วมประชุมในวันอังคารไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ทุกฝ่ายรับทราบก่อนแล้ว ทั้งนายกรัฐมนตรี ทีมงานได้มีการประสานงานชี้แจงกันอยู่ตลอดเวลา ภูมิใจไทยตรงไปตรงมาไม่ได้เล่นแง่อะไร”นายอนุทิน กล่าว

เมื่อถามว่า การไม่เห็นด้วยของรัฐมนตรีในพรรคภูมิใจไทยทั้ง7 คนเหมือนเป็นการส่งสัญญาณว่าหาก ไม่ทำตามที่ภูมิใจไทยเสนอก็จะไม่เดินไปในทิศทางเดียวกับรัฐบาลใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า รัฐบาลไหนก็ตามไม่ใช่แค่รัฐบาลนี้ไม่ใช่จะทำแบบพวกมากลากไป ใครอยากจะทำอะไรก็ทำได้หากคิดเช่นนั้นได้ก็ไม่จำเป็นต้องมีเรื่องเข้าคณะรัฐมนตรี(ครม.) แต่ตนเห็นว่าเป็นเรื่องที่ต้องมีการหารือกันในรัฐบาลหากมีประเด็นที่ค้างก็แก้ไขให้ถูกต้องให้ทุกฝ่ายรับได้ แต่ถ้ารับไม่ได้จริงๆก็ต้องโหวตนั่นคือทางออก อีกทั้งพรรคภูมิใจไทยก็เห็นว่าคณะรัฐมนตรีมีทั้งหมด 36 คน หากมีการโหวตอย่างไร เราก็ไม่ชนะ เราจึงใช้วิธีทำเป็นหนังสือเพื่อสงวนในสิทธิ์ของเรา และแจ้งนายกรัฐมนตรี

นายอนุทิน กล่าวอีกว่า แต่หากหากนายกรัฐมนตรีเห็นว่าเรื่องนี้ต้องผ่าน ก็คงต้องผ่านมติ ครม.แต่หากนำไปปฏิบัติ และมีปัญหาเรื่องการร้องเรียน คดีความต่างๆ ตามมาภายหลัง คณะรัฐมนตรีก็ต้องรับผิดชอบ แต่รัฐมนตรีพรรคภูมิใจไทยทั้ง7คนได้มีหนังสือยืนยันแล้วว่าหากภายใต้เงื่อนไขนี้เราไม่เห็นด้วย แต่หากมีการปรับปรุง เราก็ยินดี


รองนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ไม่ได้มีปัญหาเรื่องการถ่ายโอนหรือการแก้ไขสัญญารถไฟฟ้าสายสีเขียว หากทำถูกต้อง ลำดับแรกคือการถ่ายโอน ขณะนี้เป็นสมบัติของ รฟม.อยู่ซึ่งเป็นหน่วยงานของกระทรวงคมนาคม ดังนั้นหากกรุงเทพมหานครจะนำไปแก้ไขสัญญาโดยหลักความเข้าใจทั่วไปจะต้องรับโอนให้เรียบร้อย รฟม.พร้อมโอนมานานแล้วหากโอนให้เป็นของกรุงเทพมหานครก็เข้ามาดำเนินการต่อได้ จุดไหนดำเนินการได้ก็ดำเนินการเลยและจุดไหนต้องใช้มติครม.ก็นำมาพิจารณากัน

“ขอให้ดูวาระให้ดีก่อนที่จะไปเขียนเป็นเรื่องราวใหญ่โต เพราะวาระนี้เป็นเรื่องเพื่อพิจารณา เพราะฉะนั้นคณะรัฐมนตรีทุกคนก็มีความรับผิดชอบส่วนบุคคล ก็พิจารณาใครพิจารณาอย่างไร ก็ทำความเห็นไปเท่านั้น ไม่มีอะไรไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องของความสัมพันธ์กับพรรคร่วมรัฐบาลเพราะความสัมพันธ์ยังดีแน่นปึ๊ก”นายอนุทิน กล่าว

ส่วนสัญญาณดังกล่าวหลายฝ่ายมองว่าเหมือนใกล้ที่จะยุบสภาแล้วหรือไม่ นายอนุทิน ถามกลับว่า คนที่ให้ความเห็นอยู่ในพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ ได้มีโอกาสคุยไลน์ระหว่างกันกับนายกรัฐมนตรี หรือไม่ มีการประสานงานในกลุ่มไลน์คณะรัฐมนตรีหรือไม่ รู้มากแค่ไหนเรื่องนี้ ยืนยันว่าไม่ใช่เหตุบังเอิญ ที่เกิดขึ้นเพื่อเรียกร้องหรือต่อรองอะไร เพราะหากต่อรองไม่ใช่แค่7 คนหรอก

เมื่อถามว่า เหตุการณ์ในรัฐสภาวานนี้ (9 ก.พ.) ที่มีการพูดคุยกับพรรคเศรษฐกิจไทย นายอนุทิน กล่าวว่า ขอให้ไปถามร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา เพราะวานนี้ตนเดินผ่านจะไม่ทักได้อย่างไร ในเมื่อเป็นเพื่อนกัน แค่นี้ก็เอาไปเป็นเรื่องเป็นราว

ทั้งนี้มองท่าทีของพรรคเศรษฐกิจไทยที่เป็นแบบนี้โดยเฉพาะทิศทางการโหวตต่างๆจะทำให้รัฐบาลตายกลางสภาหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ต้องไปถามคนที่บอกว่าจะยุบสภา ตนยืนยันคำนี้ว่า เราจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด สิ่งที่ทำไปเมื่อวันอังคารคือการทำหน้าที่และเลือกที่จะทำหน้าที่เพื่อหลีกเลี่ยงการโต้เถียงการที่จะมีความเห็นที่ไม่ตรงกันในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องการทำงานของแต่ละคนไม่ใช่นักบู๊แต่ใช้สติในการทำงาน

ส่วนการประชุมคณะรัฐมนตรีในสัปดาห์หน้าจะมีบรรยากาศอย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่มีเหตุการณ์แบบนั้นอีกแล้ว หลังจากที่เราได้มีการแสดงจุดยืนอย่างชัดเจนเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา และได้ทำเป็นลายลักษณ์อักษรชัดเจน สาธารณะชนได้รับทราบ จากนี้ไปจะเข้าประชุม ครม.ตามปกติ และพร้อมที่จะรับฟังความเห็นของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมที่จะมีการซักถามหรือโต้แย้ง หากไปถึงระดับหนึ่งนายกรัฐมนตรี เห็นว่ามีความจำเป็นต้องดำเนินการต่อ ท่านก็สามารถสั่งการได้ จะลงมติหรือจะดำเนินการอย่างไรก็ตามแต่ ซึ่งในส่วนของพรรคภูมิใจไทยได้แสดงให้เห็นว่าเราลงให้แล้ว เราหมอบให้แล้ว ในเรื่องของการหลีกเลี่ยงการที่จะต้องมีความเห็นไม่ตรงกันต่อหน้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีและขณะนี้ได้เคลียร์กันหมดแล้วก็เดินหน้าประชุมตามปกติเมื่อถึงเวลาโหวตแล้วไม่แก้ไขอะไรเราก็โหวตโน แต่หากมีการแก้ไขทุกอย่าง ไม่มีความกังวล ว่าจะมีปัญหาตามมาหลังจากพ้นตำแหน่ง และถูกต้องตามกระบวนการมีการโอนเรียบร้อยประชาชนได้รับประโยชน์ ค่ารถค่าโดยสารถูกลง เราจะเร่งให้รีบโอนให้ทำให้สำเร็จโดยเร็ว เรื่องมีแค่นี้

เมื่อถามว่าไม่ใช่เป็นข้อเสนอที่ต้องการให้นายกฯ เลือก ระหว่างพล.อ.อนุพงษ์ และนายอนุทิน หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ระหว่างพล.อ.อนุพงษ์ กับ อนุทิน ไม่ต้องถามว่านายกรัฐมนตรีจะเลือกใคร เพราะท่านเป็นพี่น้องกัน ดังนั้นไม่ต้องถาม รู้สี่รู้แปดภาษาจีนเรียก”อู่โต่อู่โส่ย” คือ รู้ใหญ่รู้เล็กมันไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวกับตรงนั้น คนละเรื่องกันถามออกทะเลแล้วไม่ต้องการให้เลือก ขอให้เลือกประชาชน

นายอนุทิน กล่าวว่า ประสบการณ์ที่ผ่านมา มีหลายคดีที่รัฐมนตรีต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับการฟ้องร้องดำเนินคดี ต้องไปร่วมฟังคำพิพากษาของศาล เช่นคดีกล้ายาง คดีctx และ คดีหวยบนดิน ซึ่งไม่มีความสุขเลย และเข็ดแล้ว ครั้งเดียวก็เกินพอ .-สำนักข่าวไทย.

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ตำรวจเตรียมสอบเชิงลึกชาย BHQ หวั่นเป็นไส้ศึก

บุรีรัมย์ 6 ส.ค.-ตำรวจ สอบปากคำชายชาวกัมพูชา พบมีการใช้ชื่อถึง 4 ชื่อ อ้างเคยเป็นทหารหน่วย BHQ จริง แต่ปัจจุบันไม่ได้เป็นแล้ว เจ้าหน้าที่ยังไม่เชื่อการคำให้การ เกรงแฝงตัวเข้ามาเป็นสายลับ กรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จังหวัดบุรีรัมย์ จับกุมชายชาวกัมพูชา ได้ที่บ้านพักภรรยาคนไทยและมีเครื่องแบบทหารพร้อมตราสัญลักษณ์ BHQ จากการสอบปากคำ เคยเป็นทหารหน่วย BHQ จริง แต่ปัจจุบันไม่ได้เป็นแล้ว มาทำงานอยู่ไทย แล้วถูกสวมชื่อ จากการตรวจสอบพบมีการใช้ชื่อถึง 4 ชื่อ ซึ่งแต่ละชื่อไม่ตรงกัน และอ้างว่าเมื่อก่อนเข้ามาอย่างถูกต้อง แต่ล่าสุดมีการลักลอบเข้ามาผ่านช่องทางธรรมชาติทาง จ.สระแก้ว โดยอ้างว่าจ่ายเงินบุคคลที่พาเข้า 4,000 บาท แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่เชื่อการคำให้การ เกรงว่าอาจจะแฝงตัวเข้ามาเป็นสายลับคอยส่งข้อมูลความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับความมั่นคงของไทย ไปให้ฝั่งกัมพูชา จากการตรวจสอบข้อมูลในโทรศัพท์พบมีรูปถ่ายกายแต่งกายทหารและถือปืน เบื้องต้นทางตำรวจจะดำเนินคดีมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย และลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต.-สำนักข่าวไทย

GBC หารือใหม่เช้านี้ หลังเมื่อคืนถกถึงเที่ยงคืน

มาเลเซีย 6 ส.ค.-GBC ประชุมใหม่เช้านี้ หลังเมื่อคืน ฝ่ายกัมพูชา ไม่สามารถตัดสินตกลงใจได้ในบางหัวข้อและต้องส่งกลับไปให้พนมเปญพิจารณาต่อ การหารือภายใต้กรอบ GBC ณ เวลา 07.45 น. วันนี้ (ตามเวลาท้องถิ่น) เมื่อคืน คณะเลขานุการ GBC ของทั้งสองฝ่าย ได้เจรจากันถึงเวลา 00.15 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) แต่ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้ในบางประเด็นสุดท้าย เนื่องจากฝ่ายเลขานุการ GBC ของฝ่ายกัมพูชา ไม่สามารถตัดสินตกลงใจได้ในบางหัวข้อและต้องส่งกลับไปให้พนมเปญพิจารณาต่อ จึงได้นัดประชุมอีกครั้ง เวลา 08.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) วันนี้ เพื่อหาข้อสรุปสำหรับประเด็นดังกล่าว โดยเมื่อเวลา 07.40 น. รัฐมนตรีช่วยกลาโหม ได้โทรศัพท์มาพูดคุยกับคณะเลขานุการ GBC ของฝ่ายไทยติดตามความคืบหน้าในการเจรจา ให้กำลังใจ และชื่นชมในการทำงานอย่างหนักถึงวินาทีสุดท้ายของทีมไทยแลนด์ ขอให้ประสบความสำเร็จในการเจรจา เพื่อบรรลุผลและปกป้องผลประโยชน์ของไทย.-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ยันไม่เคยสั่งกำลังพลไปเก็บศพเขมร อย่าเชื่อข่าวปลอม

5 ส.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 ยืนยันไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชา บริเวณชายแดน ขออย่าหลงเชื่อข่าวปลอม เมื่อวันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า จากกรณีที่สื่อโซเชียลมีเดียได้ลงข้อความอันเป็นเท็จ ที่ทำให้พี่น้องประชาชนเข้าใจผิดว่า แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชาที่อยู่บริเวณชายแดนนั้น ตนยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปปฏิบัติอย่างนั้น ผู้เสียชีวิตนั้นเป็นชาวกัมพูชา ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับทางประเทศไทย “ผมไม่เคยมีคำสั่งแบบนี้ และขอยืนยันว่า ข่าวที่ออกมานั้นเป็นข่าวปลอม ขอให้พี่น้องประชาชนอย่าได้หลงเชื่อ“ แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว.-313-สำนักข่าวไทย

ทหารไทยยอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง

ศรีสะเกษ 5 ส.ค. – วันนี้ยังมีการเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงเข้ามาในพื้นที่พลเรือนฝั่งไทย ส่วนเมื่อคืนนี้ (4 ส.ค.) เป็นคืนแรกของการประชุม GBC ชุด ชรบ.หมู่บ้านแนวชายแดน อ.กันทรลักษ์ จึงออกตรวจตราเข้มข้น ขณะที่ทหารแนวหน้ายอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง ทีมข่าวมีโอกาสได้พูดคุยกับทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา สอบถามถึงเรื่องที่กำลังเป็นประเด็น คือกลิ่นศพของทหารกัมพูชา ทหารยอมรับว่ามีกลิ่นจริง และมีศพทหารกัมพูชาถูกทิ้งไว้จริง แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะอยู่ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ หากมีหน้ากากอนามัยเชื่อว่าจะช่วยบรรเทาได้บ้าง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีหน้ากาก N95 ส่งถึงพื้นที่บ้างแล้ว พร้อมขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ส่งกำลังใจ ทหารยังพร้อมปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ วันนี้ทีมข่าวยังเกาะติดภารกิจเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงใส่พื้นที่พลเรือนของไทยใน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จุดแรก จรวด BM-21 ถูกกัมพูชายิงตกใส่ลงทุ่งนาของชาวบ้าน พื้นที่ ต.ทุ่งใหญ่ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม วันเดียวกับที่ยิงใส่ปั๊ม ปตท.บ้านผือ โดยห่างกันราว 1 กิโลเมตร ส่วนอีกจุดเป็นการทำลายลูกจรวด PG-7 ที่ถูกยิงจากเครื่องยิงจรวด RPG ตกลงในสวนยางพาราของชาวบ้าน ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ ที่ถูกพบในสภาพพร้อมทำงาน จุดนี้อยู่ห่างจากชายแดนกัมพูชาเพียง […]