“อนุทิน” เผยไม่อยากถูกฟ้องภายหลัง

ทำเนียบ 10 ก.พ.- “อนุทิน” ระบุภูมิใจไทยเห็นต่างรถไฟฟ้าสายสีเขียว ไม่เกี่ยวสัมพันธ์รัฐบาล ชี้หากยังเดินหน้าต่อจะขอโหวตโนใน ครม. แจงไม่อยากถูกฟ้องภายหลัง

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงการที่รัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทยไม่เข้าร่วมการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา(8 ก.พ.) ว่า ได้ชี้แจงไปก่อนหน้านี้แล้ว และรายละเอียดขอให้ไปถาม นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ซึ่งเป็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ออกมาชี้แจงรายละเอียดแล้ว และเมื่อกระทรวงคมนาคมทำความเห็นออกมา ฝ่ายที่เกี่ยวข้องสามารถคลายความวิตกกังวลและข้อสงสัยของกระทรวงคมนาคมได้ ก็สามารถดำเนินต่อไปได้


นายอนุทิน ยืนยันว่า พรรคภูมิใจไทยไม่ใช่จะไม่เห็นชอบว่าจะต่อหรือไม่ต่อสัญญารถไฟฟ้าสายสีเขียว แต่ต้องการให้เกิดความชัดเจนและขอให้ทำตามขั้นตอนที่ทางฝ่ายกฎหมายของกระทรวงคมนาคมเห็นว่ายังขาดช่วงอยู่ คือเรื่องของการรับโอนทรัพย์สินจาก รฟม.มาเป็นของ กทม. ซึ่งเป็นส่วนเดียวที่กระทรวงคมนาคมเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง

นายอนุทิน ระบุด้วยว่า เรื่องดังกล่าวไม่ได้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล แต่เป็นความเห็นเรื่องของการทำงาน ที่ไม่ตรงกัน ซึ่งการทำงานมีสิทธิ์ที่จะเห็นไม่ตรงกันได้ และยังหากไม่ตรงกันก็ต้องใช้วิธีลงมติ หากต้องการให้ความเห็นนี้เดินหน้าต่อไปได้เพราะคนที่ไม่เห็นด้วย ก็มีสิทธิ์ที่จะสงวนสิทธิ์ความเห็น เช่นที่พรรคภูมิใจไทยได้ดำเนินการมา


“ไม่ได้เป็นการขัดขวาง แต่การที่ไม่เข้าร่วมการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เพราะเห็นว่ามีการบรรจุวาระนี้มาล่วงหน้าแล้ว ซึ่งได้แจ้งนายกรัฐมนตรีล่วงหน้าแล้วว่ามีความลำบากใจในประเด็นนี้หากมีประเด็นดังกล่าวเข้ามา และจะไม่มีการโต้เถียงหรือปะทะคารมกัน พรรคภูมิใจไทยจึงได้ทำความเห็นเป็นหนังสือลายลักษณ์อักษรที่ชัดเจนแจ้งไป ย้ำว่าเรื่องที่เกิดขึ้น รัฐมนตรี ภูมิใจไทยไม่ร่วมประชุมในวันอังคารไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ทุกฝ่ายรับทราบก่อนแล้ว ทั้งนายกรัฐมนตรี ทีมงานได้มีการประสานงานชี้แจงกันอยู่ตลอดเวลา ภูมิใจไทยตรงไปตรงมาไม่ได้เล่นแง่อะไร”นายอนุทิน กล่าว

เมื่อถามว่า การไม่เห็นด้วยของรัฐมนตรีในพรรคภูมิใจไทยทั้ง7 คนเหมือนเป็นการส่งสัญญาณว่าหาก ไม่ทำตามที่ภูมิใจไทยเสนอก็จะไม่เดินไปในทิศทางเดียวกับรัฐบาลใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า รัฐบาลไหนก็ตามไม่ใช่แค่รัฐบาลนี้ไม่ใช่จะทำแบบพวกมากลากไป ใครอยากจะทำอะไรก็ทำได้หากคิดเช่นนั้นได้ก็ไม่จำเป็นต้องมีเรื่องเข้าคณะรัฐมนตรี(ครม.) แต่ตนเห็นว่าเป็นเรื่องที่ต้องมีการหารือกันในรัฐบาลหากมีประเด็นที่ค้างก็แก้ไขให้ถูกต้องให้ทุกฝ่ายรับได้ แต่ถ้ารับไม่ได้จริงๆก็ต้องโหวตนั่นคือทางออก อีกทั้งพรรคภูมิใจไทยก็เห็นว่าคณะรัฐมนตรีมีทั้งหมด 36 คน หากมีการโหวตอย่างไร เราก็ไม่ชนะ เราจึงใช้วิธีทำเป็นหนังสือเพื่อสงวนในสิทธิ์ของเรา และแจ้งนายกรัฐมนตรี

นายอนุทิน กล่าวอีกว่า แต่หากหากนายกรัฐมนตรีเห็นว่าเรื่องนี้ต้องผ่าน ก็คงต้องผ่านมติ ครม.แต่หากนำไปปฏิบัติ และมีปัญหาเรื่องการร้องเรียน คดีความต่างๆ ตามมาภายหลัง คณะรัฐมนตรีก็ต้องรับผิดชอบ แต่รัฐมนตรีพรรคภูมิใจไทยทั้ง7คนได้มีหนังสือยืนยันแล้วว่าหากภายใต้เงื่อนไขนี้เราไม่เห็นด้วย แต่หากมีการปรับปรุง เราก็ยินดี


รองนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ไม่ได้มีปัญหาเรื่องการถ่ายโอนหรือการแก้ไขสัญญารถไฟฟ้าสายสีเขียว หากทำถูกต้อง ลำดับแรกคือการถ่ายโอน ขณะนี้เป็นสมบัติของ รฟม.อยู่ซึ่งเป็นหน่วยงานของกระทรวงคมนาคม ดังนั้นหากกรุงเทพมหานครจะนำไปแก้ไขสัญญาโดยหลักความเข้าใจทั่วไปจะต้องรับโอนให้เรียบร้อย รฟม.พร้อมโอนมานานแล้วหากโอนให้เป็นของกรุงเทพมหานครก็เข้ามาดำเนินการต่อได้ จุดไหนดำเนินการได้ก็ดำเนินการเลยและจุดไหนต้องใช้มติครม.ก็นำมาพิจารณากัน

“ขอให้ดูวาระให้ดีก่อนที่จะไปเขียนเป็นเรื่องราวใหญ่โต เพราะวาระนี้เป็นเรื่องเพื่อพิจารณา เพราะฉะนั้นคณะรัฐมนตรีทุกคนก็มีความรับผิดชอบส่วนบุคคล ก็พิจารณาใครพิจารณาอย่างไร ก็ทำความเห็นไปเท่านั้น ไม่มีอะไรไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องของความสัมพันธ์กับพรรคร่วมรัฐบาลเพราะความสัมพันธ์ยังดีแน่นปึ๊ก”นายอนุทิน กล่าว

ส่วนสัญญาณดังกล่าวหลายฝ่ายมองว่าเหมือนใกล้ที่จะยุบสภาแล้วหรือไม่ นายอนุทิน ถามกลับว่า คนที่ให้ความเห็นอยู่ในพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ ได้มีโอกาสคุยไลน์ระหว่างกันกับนายกรัฐมนตรี หรือไม่ มีการประสานงานในกลุ่มไลน์คณะรัฐมนตรีหรือไม่ รู้มากแค่ไหนเรื่องนี้ ยืนยันว่าไม่ใช่เหตุบังเอิญ ที่เกิดขึ้นเพื่อเรียกร้องหรือต่อรองอะไร เพราะหากต่อรองไม่ใช่แค่7 คนหรอก

เมื่อถามว่า เหตุการณ์ในรัฐสภาวานนี้ (9 ก.พ.) ที่มีการพูดคุยกับพรรคเศรษฐกิจไทย นายอนุทิน กล่าวว่า ขอให้ไปถามร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา เพราะวานนี้ตนเดินผ่านจะไม่ทักได้อย่างไร ในเมื่อเป็นเพื่อนกัน แค่นี้ก็เอาไปเป็นเรื่องเป็นราว

ทั้งนี้มองท่าทีของพรรคเศรษฐกิจไทยที่เป็นแบบนี้โดยเฉพาะทิศทางการโหวตต่างๆจะทำให้รัฐบาลตายกลางสภาหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ต้องไปถามคนที่บอกว่าจะยุบสภา ตนยืนยันคำนี้ว่า เราจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด สิ่งที่ทำไปเมื่อวันอังคารคือการทำหน้าที่และเลือกที่จะทำหน้าที่เพื่อหลีกเลี่ยงการโต้เถียงการที่จะมีความเห็นที่ไม่ตรงกันในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องการทำงานของแต่ละคนไม่ใช่นักบู๊แต่ใช้สติในการทำงาน

ส่วนการประชุมคณะรัฐมนตรีในสัปดาห์หน้าจะมีบรรยากาศอย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่มีเหตุการณ์แบบนั้นอีกแล้ว หลังจากที่เราได้มีการแสดงจุดยืนอย่างชัดเจนเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา และได้ทำเป็นลายลักษณ์อักษรชัดเจน สาธารณะชนได้รับทราบ จากนี้ไปจะเข้าประชุม ครม.ตามปกติ และพร้อมที่จะรับฟังความเห็นของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมที่จะมีการซักถามหรือโต้แย้ง หากไปถึงระดับหนึ่งนายกรัฐมนตรี เห็นว่ามีความจำเป็นต้องดำเนินการต่อ ท่านก็สามารถสั่งการได้ จะลงมติหรือจะดำเนินการอย่างไรก็ตามแต่ ซึ่งในส่วนของพรรคภูมิใจไทยได้แสดงให้เห็นว่าเราลงให้แล้ว เราหมอบให้แล้ว ในเรื่องของการหลีกเลี่ยงการที่จะต้องมีความเห็นไม่ตรงกันต่อหน้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีและขณะนี้ได้เคลียร์กันหมดแล้วก็เดินหน้าประชุมตามปกติเมื่อถึงเวลาโหวตแล้วไม่แก้ไขอะไรเราก็โหวตโน แต่หากมีการแก้ไขทุกอย่าง ไม่มีความกังวล ว่าจะมีปัญหาตามมาหลังจากพ้นตำแหน่ง และถูกต้องตามกระบวนการมีการโอนเรียบร้อยประชาชนได้รับประโยชน์ ค่ารถค่าโดยสารถูกลง เราจะเร่งให้รีบโอนให้ทำให้สำเร็จโดยเร็ว เรื่องมีแค่นี้

เมื่อถามว่าไม่ใช่เป็นข้อเสนอที่ต้องการให้นายกฯ เลือก ระหว่างพล.อ.อนุพงษ์ และนายอนุทิน หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ระหว่างพล.อ.อนุพงษ์ กับ อนุทิน ไม่ต้องถามว่านายกรัฐมนตรีจะเลือกใคร เพราะท่านเป็นพี่น้องกัน ดังนั้นไม่ต้องถาม รู้สี่รู้แปดภาษาจีนเรียก”อู่โต่อู่โส่ย” คือ รู้ใหญ่รู้เล็กมันไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวกับตรงนั้น คนละเรื่องกันถามออกทะเลแล้วไม่ต้องการให้เลือก ขอให้เลือกประชาชน

นายอนุทิน กล่าวว่า ประสบการณ์ที่ผ่านมา มีหลายคดีที่รัฐมนตรีต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับการฟ้องร้องดำเนินคดี ต้องไปร่วมฟังคำพิพากษาของศาล เช่นคดีกล้ายาง คดีctx และ คดีหวยบนดิน ซึ่งไม่มีความสุขเลย และเข็ดแล้ว ครั้งเดียวก็เกินพอ .-สำนักข่าวไทย.

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

Cambodia PM Hun Manet in military uniform

กัมพูชาเสนอศาลโลกตัดสินดินแดนพิพาทกับไทย

พนมเปญ 2 มิ.ย.- ผู้นำกัมพูชาเสนอให้นำข้อพิพาททางดินแดนกับไทยให้ศาลโลกตัดสิน และได้สั่งการให้เจบีซีเร่งจัดการหารือกับไทยเรื่องปักปันเขตแดน ด้านกระทรวงต่างประเทศกัมพูชาได้ยื่นหนังสือประท้วงไทยเรื่องเหตุปะทะที่มีทหารกัมพูชาเสียชีวิต เว็บไซต์หนังสือพิมพ์ขแมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานวันนี้ว่า นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนตได้โพสต์ถ้อยแถลงในสื่อสังคมออนไลน์เมื่อเย็นวันอาทิตย์ว่า เขาได้ตัดสินใจตามที่รับฟังรายงานสรุปจากนายทหารที่ประจำการตามแนวชายแดนไทย หลังจากที่เขากลับจากการปฏิบัติภารกิจในต่างประเทศ โดยได้สั่งการให้คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมกัมพูชา-ไทยหรือเจบีซี (JBC) เร่งจัดการประชุมกับฝ่ายไทยเพื่อเดินหน้าการสำรวจและปักปันเขตแดนระหว่าง 2 ประเทศ ถ้อยแถลงระบุด้วยว่า กัมพูชากำลังเตรียมบรรจุประเด็นใหม่ไว้ในวาระการประชุมเจบีซี คือ การเสนอให้นำข้อพิพาทยาวนานเรื่องปราสาทตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด ตาเมือนควาย และพื้นที่มอมเบ เข้าสู่การตัดสินชี้ขาดของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศหรือศาลโลกที่กรุงเฮกในเนเธอร์แลนด์ นายกรัฐมนตรีกัมพูชาเตือนว่า การยั่วยุเมื่อไม่นานมานี้ของกลุ่มสุดโต่งเล็ก ๆ ได้จุดชนวนความตึงเครียดและโหมกระพือกระแสรักชาติขึ้นใน 2 ประเทศ เขาหวังว่าทั้ง 2 ฝ่ายจะสามารถทำงานร่วมกันเพื่อบรรลุทางออกสุดท้ายให้แก่พื้นที่พิพาทอ่อนไหวเหล่านี้ กัมพูชายังคงมุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหาชายแดนด้วยกลไกทางเทคนิคและหลักการทางกฎหมาย แต่ก็สงวนสิทธิที่จะปกป้องบูรณภาพทางดินแดนด้วยทุกวิถีทาง รวมถึงการใช้อาวุธ หากมีความพยายามใช้กำลังทหารรุกรานดินแดนของกัมพูชา ด้านกระทรวงกิจการต่างประเทศและความร่วมมือสากลของกัมพูชาได้ยื่นหนังสือทางการทูตประท้วงไทย ซึ่งมีการเปิดเผยเนื้อหาเมื่อเย็นวันอาทิตย์ว่า กองทัพไทยเปิดฉากยิงทั้งที่ไม่มีการยั่วยุจากที่ตั้งทางทหารของกัมพูชาในหมู่บ้านเตโชมรกต อำเภอจอมกระสานต์ จังหวัดพระวิหารเมื่อราวเวลา 05.30 น.วันที่ 28 มีนาคม ส่งผลให้ทหารกัมพูชาถูกสังหารอย่างไม่เป็นธรรม 1 นาย และเป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพทางดินแดนของกัมพูชา กระทรวงต่างประเทศของกัมพูชาขอประณามอย่างรุนแรงต่อการกระทำดังกล่าวว่า ผิดกฎหมาย รัฐบาลกัมพูชาเรียกร้องให้สอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยทันทีและถี่ถ้วน และต้องนำตัวผู้กระทำผิดมารับโทษ.-814.-สำนักข่าวไทย

นายกฯ กัมพูชา สั่งระดมทหารประชิดชายแดนไทย

1 มิ.ย. – ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา สั่งระดมกำลังทหารประชิดชายแเดนไทย ขณะเดินทางเยือนญี่ปุ่น พร้อมติดตามสถานการณ์บริเวณชายแดนติดกับไทยอย่างใกล้ชิด หนังสือพิมพ์ขะแมร์ ไทมส์ รายงานว่า ฌอง-ฟรองซัว ตัน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ให้สัมภาษณ์สื่อในประเทศ ระบุว่านับตั้งแต่เกิดเหตุความขัดแย้งตามมแนวชายแดนระหว่างทหารกัมพูชากับทหารไทย นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ของกัมพูชา ซึ่งอยู่ระหว่างปฏิบัติภารกิจเยือนญี่ปุ่น ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด จนกระทั่งเดินทางกลับมายังกัมพูชา เมื่อคืนที่ผ่านมา และได้สั่งการด้วยตัวเองให้ระดมกำลังทหารเพิ่มเติมเข้าประชิดชายแดนด้านที่ติดกับไทย เพื่อปกป้องอธิปไตยและพรมแดนกัมพูชา พร้อมกับยืนยันว่าสถานการณ์บริเวณชายแดนด้านที่ติดกับไทย กลับมาสงบเรียบร้อยตามปกติแล้ว นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ยังได้ติดต่อและสั่งการตามสายงานลงไปยังรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีกลาโหม ผู้บัญชาการเหล่าทัพ และเสนาธิการกองทัพบก ให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และแจ้งความคืบหน้าให้ทราบอย่างต่อเนื่อง หลังเกิดการปะทะกันครั้งล่าสุดระหว่างทหารกัมพูชากับทหารไทย พร้อมกับเรียกร้องประชาชนชาวกัมพูชาเชื่อมั่นการปฏิบัติหน้าที่ของกองทัพและรัฐบาลกัมพูชา ในการปกป้องดินแดน และหาหนทางแก้ไขความขัดแย้งบริเวณชายแดนติดกับไทย โดยยึดผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ และหลังจากนี้ คณะกรรมการพรมแดนของกัมพูชา มีกำหนดพบหารือในช่วงปลายเดือนมิถุนายนนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับรายละเอียดข้อขัดแย้ง และนำเสนอเพื่อเข้าสู่การเจรจาต่อไป.-สำนักข่าวไทย

“โอปอล สุชาตา” คว้ามงกุฎ Miss World 2025

อินเดีย 1 มิ.ย.-“โอปอล สุชาตา” สาวงามตัวแทนจากไทย สร้างประวัติศาสตร์สามารถคว้ามงกุฎ Miss World 2025 มาครองได้สำเร็จ เวทีการประกวด Miss World 2025 ครั้งที่ 72 ณ HITEX Convention Center เมืองไฮเดอราบัด รัฐเตลังคานา ประเทศอินเดีย โดย “โอปอล สุชาตา ช่วงศรี” สาวงามตัวแทนจากประเทศไทย สร้างประวัติศาสตร์สามารถคว้ามงกุฎมิสเวิลด์มาครองได้สำเร็จ โดยการประกวดในปีนี้มีนางงามจาก 108 ประเทศทั่วโลก เข้าร่วม ทั้งนี้ในรอบ 8 คนสุดท้าย มีนางงามที่ผ่านเข้ารอบได้แก่ บราซิล มาร์ตินีก เอธิโอเปีย นามิเบีย โปแลนด์ ยูเครน ฟิลิปปินส์ และประเทศไทย ซึ่งจนกระทั่ง รอบ 4 คนสุดสุดท้าย มาร์ตีนิก เอธิโอเปีย และ โปแลนด์ ทั้ง 4 […]

ข่าวแนะนำ

จุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล

นายกฯ เป็นประธานถวายเครื่องราชสักการะ-จุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี

สนามหลวง 3 มิ.ย.-นายกรัฐมนตรี และคู่สมรส เป็นประธานพิธีถวายเครื่องราชสักการะและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี 3 มิถุนายน 2568 เวลา 19. 49 น. ณ เวทีใหญ่ ท้องสนามหลวง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายปิฎก สุขสวัสดิ์ คู่สมรส เป็นประธานในพิธีถวายเครื่องราชสักการะและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี 3 มิถุนายน 2568 โดยมีผู้แทนประธานรัฐสภา ประธานศาลฎีกา ประธานองค์กรตามรัฐธรรมนูญพร้อมคู่สมรส คณะรัฐมนตรีพร้อมคู่สมรส ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ทหาร ตำรวจ พลเรือน ภาคเอกชน และภาคประชาชน เข้าร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียง นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เมื่อนายกรัฐมนตรีและคู่สมรสเดินทางถึงพิธีท้องสนามหลวง ขึ้นสู่เวที นายกรัฐมนตรี ผู้แทนประธานรัฐสภา ประธานศาลฎีกา ทำวันทยหัตถ์หน้าพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี แล้ววางพุ่มทอง พุ่มเงิน จากนั้นนายกรัฐมนตรีถวายธูปเทียนแพ จุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล […]

ตรวจความพร้อมรบ

แม่ทัพภาค 1 ตรวจความพร้อมรบ พล.ร.9 พร้อมเสริมกำลังทัพภาค 2

กาญจนบุรี 3 มิ.ย.- แม่ทัพภาคที่ 1 ตรวจความพร้อมรบ พล.ร.9 กองกำลังสุรสีห์ ตามแผนเผชิญเหตุ ทบ. พร้อมเสริมกำลังทัพภาค 2 ชายแดนไทย-กัมพูชา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเย็นที่ผ่านมา ที่สนามฝึกทางยุทธวิธี พล.ร.9 จ.กาญจนบุรี พล.ท.อมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาค 1 เดินทางไปตรวจความพร้อมหน่วย ตามแผนเผชิญเหตุของกองทัพบก ทั้งหน่วย กรมทหารราบเฉพาะกิจ กองทัพภาคที่ 1 และกองพันพร้อมรบเคลื่อนที่เร็ว RDF กองทัพภาคที่ 1 โดยมี พล.ต.อัษฎาวุธ ปันยารชุน ผบ.พล.ร.9 ให้ต้อนรับ พล.ร.9 ได้รับมอบหมายจากกองทัพบก ให้จัดกำลังเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติของกองทัพบก ในการใช้กำลังตามแผนเผชิญเหตุของกองทัพบก เข้าในพื้นที่ที่รับผิดชอบ และให้การสนับสนุนเสริมกำลังรบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ในพื้นที่รับผิดชอบกองทัพภาคที่ 1 โดยหน่วยเตรียมกำลังได้ตรวจสภาพความพร้อมรบตามขั้นตอน เพื่อตรวจสอบความพร้อมของกำลังพลและยุทโธปกรณ์ในการปฏิบัติภารกิจในทุกพื้นที่ที่ได้รับมอบภารกิจจากกองทัพบก ทั้งนี้ แม่ทัพภาคที่ 1 ได้ให้โอวาสกำลังพล ในการเตรียมความพร้อมในทุกภารกิจที่ได้รับมอบหมายจากกองทัพบก โดยขอให้มีความพร้อมอยู่ตลอดเวลา ในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ และพร้อมดูแลพี่น้องประชาชน […]

หลวงปู่ศิลา

“หลวงปู่ศิลา” มอบเงินบริจาคให้ มทภ.2 สนับสนุนภารกิจกองกำลังชายแดน

นครราชสีมา 3 มิ.ย.-“หลวงปู่ศิลา” มอบเงินบริจาคให้ มทภ.2 สร้างที่พักในฐานตามแนวชายแดน พร้อมอุปกรณ์เครื่องมือต่างๆ ในการดูแลประเทศชาติ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พระราชวัชรธรรมโสภณ (หลวงปู่ศิลา สิริจันโท) เจ้าอาวาสวัดพระธาตุหมื่นหิน จ.กาฬสินธุ์ และคณะศิษย์และมูลนิธิธรรมะอุทยาน พร้อมทั้งคณะศิษยานุศิษย์ มอบเงินบริจาค จำนวน 2,017,860 บาท และข้าวสารจำนวน 1,500 กิโลกรัม ให้กับกองทัพภาคที่ 2 เพื่อสนับสนุนช่วยเหลือกองกำลังทหารชายแดน โดย พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เป็นผู้รับมอบ ที่กองบัญชาการ ค่ายสุรนารี จ.นครราชสีมา สำหรับเงินทั้งหมดนี้ จะได้นำไปจัดสร้างที่พักในฐานที่มั่นของกองกำลังสุรนารี ที่ปฏิบัติภารกิจอยู่ตามแนวชายแดน รวมถึงจัดซื้ออุปกรณ์และยุทโธปกรณ์ต่างๆ ที่ยังขาดอยู่ ในการปกป้องอธิปไตยของประเทศ รวมถึงการจัดหาเครื่องมือต่างๆที่สามารถใช้ได้ภายในฐานปฏิบัติการเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับทหาร ที่ปฏิบัติภารกิจอยู่แถวชายแดน. -313 สำนักข่าวไทย

Thai drone illegally enters Cambodian airspace, intercepted by Cambodian troops

กัมพูชาอ้างสกัดโดรนที่ส่งจากฝั่งไทย

พนมเปญ 3 มิ.ย.- สื่อกัมพูชารายงานว่า ทหารกัมพูชาสกัดอากาศยานไร้คนขับหรือโดรนที่อ้างว่าส่งจากฝั่งไทยเข้าไปสอดแนมที่ตั้งทางทหารของกัมพูชา เว็บไซต์หนังสือพิมพ์แขมร์ไทมส์รายงานวันนี้ว่า กองทัพไทยยังคงละเมิดดินแดนของกัมพูชา โดยล่าสุดได้ส่งโดรนไปบินเหนือพื้นที่แนวหน้าโดยไม่ได้รับอนุญาต เพื่อสอดแนมที่ตั้งทางทหารของกัมพูชา และถูกกำลังพลกัมพูชาสกัดไว้ได้ แขมร์ไทมส์อ้างรายงานจากชายแดนว่า เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 2 มิถุนายน ทหารกัมพูชาที่ประจำการอยู่บริเวณแนวหน้าในจังหวัดพระวิหารสามารถสกัดโดรนลำหนึ่งที่เข้ามาในน่านฟ้ากัมพูชาเพื่อวัตถุประสงค์ในการสอดแนม ผลการประเมินเบื้องต้นชี้ว่า โดรนลำนี้ถูกส่งโดยกองทัพไทย เพื่อเก็บข้อมูลข่าวกรองเรื่องการประจำการและการเคลื่อนย้ายกำลังพลของกองทัพกัมพูชา.-814.-สำนักข่าวไทย