พาณิชย์หารือผู้ทรงคุณวุฒิรับมือสงครามการค้า

นนทบุรี 18 มิ.ย. –  พาณิชย์หารือผู้ทรงคุณวุฒิ วางแนวทางรับมือสงครามการค้า ก่อนเสนอ ครม.ขับเคลื่อนอย่างเป็นรูปธรรม 


น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงพาณิชย์ได้รับมอบหมายจากคณะรัฐมนตรีให้เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประเมินผลกระทบจากข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ต่อระบบเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะด้านการค้า การลงทุน และการส่งออก รวมทั้งให้พิจารณามาตรการรองรับ ซึ่งกระทรวงได้จัดประชุมร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ไปแล้วนั้น

น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร รมช.พาณิชย์ ได้มอบหมายให้นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ (กนศ.) หารือกับผู้ทรงคุณวุฒิระดับสูงด้านต่างๆ เพื่อรวบรวมข้อคิดเห็นและมาตรการที่เหมาะสมในการรับมือปัญหาสงครามการค้า ที่กำลังเริ่มขยายออกไปในประเด็นต่างๆ เช่น เทคโนโลยี โดยจะนำความเห็นที่ได้เสนอต่อคณะรัฐมนตรีใหม่ต่อไป


สนค. ในฐานะฝ่ายเลขานุการ กนศ. จึงได้เชิญผู้ทรงคุณวุฒิในสาขาต่าง ๆ ประกอบด้วย นายการุณ กิตติสถาพร อดีตปลัดกระทรวงพาณิชย์, นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย, นายสมเกียรติ โอสถสภา นักวิชาการและคณะทำงานด้านยุทธศาสตร์ความมั่นคง สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ, น.ส.ดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน นายกิตติพงษ์ ณ ระนอง อดีตเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงวอชิงตันดีซี, นายปฐม อินทโรดม ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี และนายเกรียงไกร เธียรนุกุล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และประธานคณะทำงานศึกษาผลกระทบสงครามการค้าสหรัฐฯและจีน ของ ส.อ.ท. เข้าร่วมการหารือ

น.ส.พิมพ์ชนก กล่าวว่า วัตถุประสงค์หลักของการหารือ เป็นการขอความคิดเห็นต่อแนวทางการรับมือสงครามการค้า รวมถึงการดำเนินวิเทโศบายของไทยเพื่อการรักษาผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจอย่างสูงสุด เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่า เศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศในขณะนี้มีปัจจัยเสี่ยงหลายประการ ทิศทางการค้าและการลงทุนเปลี่ยนแปลงจากเดิม นอกจากนี้ ประเด็นอื่น ๆ ทั้งการเมือง ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics) และเทคโนโลยี เริ่มเข้ามามีบทบาทในการกำหนดนโยบายทางการค้ามากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

ทั้งนี้ ที่ประชุมได้แลกเปลี่ยนข้อมูลและความคิดเห็นเชิงยุทธศาสตร์หลายประเด็น โดยต่างเห็นพ้องกันว่าเป็นการดีที่กระทรวงพาณิชย์ริเริ่มการหารือครั้งนี้ โดยมีผู้เชี่ยวชาญจากหลายด้าน เพราะความขัดแย้งของสหรัฐและจีนคงจะไม่จบลงง่าย ๆ แต่มีแนวโน้มที่จะคงอยู่ไปอีกนานพอสมควร และอาจจะขยายวงออกไปมากกว่าเรื่องการค้า ซึ่งไทยต้องมีแนวทางการสร้างความสัมพันธ์กับประเทศใหญ่ทั้งสองและประเทศอื่นที่มีความสมดุล (Balance) นอกจากนี้ ไทยควรมองหาแนวทางการสร้างความเชื่อมโยงในอาเซียนอย่างเป็นรูปธรรมเพิ่มเติมให้สอดรับกับพัฒนาการใหม่ๆ ทางเทคโนโลยี ไม่ใช่ยึดติดกับประเด็นเรื่องเดิมที่ทำมาแล้วเท่านั้น


สำหรับระยะสั้น กลุ่มผู้ทรงคุณวุฒิเห็นว่าฝ่ายเลขานุการควรจัดทำ checklist ประเด็นที่อาจจะทำให้ไทยเป็นที่เพ่งเล็งของสหรัฐ เช่น การได้ดุลการค้า เรื่องอัตราแลกเปลี่ยน และเตรียมแนวทางรองรับอย่างมีเอกภาพร่วมกันหลายหน่วยงาน รวมทั้งควรยกระดับการติดตามสอดส่องการนำเข้าที่ไม่ถูกต้อง เช่น การสวมสิทธิ์ และการเข้ามาลงทุนในกิจการขนาดเล็กที่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมหรือทำสิ่งที่ไม่พึงปรารถนา นอกจากนี้ ควรเร่งรุกตลาดใหญ่ในภูมิภาคนอกจากจีนและอาเซียน เช่น อินเดีย รวมทั้งควรสนับสนุนภาคบริการมากขึ้น

สำหรับระยะกลาง ที่ประชุมเสนอว่าไทยควรมีการกำหนดกรอบการบริหารจัดการเศรษฐกิจระหว่างประเทศที่มีความยืดหยุ่นโดยต้องร่วมกันหารือระหว่างหน่วยงานการค้า การคลัง การเงิน การลงทุน การต่างประเทศ ความมั่นคง การแข่งขัน และเทคโนโลยี เพื่อพัฒนาความสามารถทางการแข่งขัน สร้างภูมิคุ้มกัน และตอบโจทย์โลกที่เปลี่ยนไป

นอกจากนี้ ไทยต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาภาคบริการอย่างจริงจัง เพื่อเป็นตัวแทนของภาคอุตสาหกรรมที่ในอนาคตจะมีจ้างงานคนน้อยลง เพราะระบบอัตโนมัติ (Automation) และการผลิตแบบ Customized (ผลิตตามออเดอร์ลูกค้า ลดการสตอกสินค้าในโกดังหรือในร้าน) จะทำให้ภาคการผลิตอาจไหลกลับไปสู่ประเทศเจ้าของทุนและเจ้าของเทคโนโลยีมากขึ้น หรือที่เรียกว่า re-shoring (กลับไปประเทศ) และ near-shoring (กลับไปประเทศที่อยู่ใกล้เคียง เช่น ไปผลิตในเม็กซิโกที่ใกล้กับสหรัฐ) โดยภาคบริการไทยควรพัฒนาทั้งแบบที่เป็นบริการเกี่ยวเนื่องกับสินค้าต่าง ๆ เช่น R&D การออกแบบ การขาย โลจิสติกส์ และบริการที่เป็น cluster ที่สร้างรายได้ เช่น ดิจิทัล การศึกษา การท่องเที่ยว เป็นต้น อีกภาคหนึ่งที่ควรเร่งพัฒนาขึ้นมาคือ เกษตรแปรรูป ที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจภายในและสร้างรายได้เกษตรกรอีกด้วย

น.ส.พิมพ์ชนก กล่าวถึงประเด็นเรื่องเทคโนโลยีว่า จะเป็นปัจจัยสำคัญทางด้านเศรษฐกิจและความมั่นคงในอนาคต โดยด้านเศรษฐกิจ 5G จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการเชื่อมต่อผู้บริโภคเข้ากับผู้ขายหรือผู้ผลิตโดยตรง ลดขั้นตอนและตัวกลางลงผ่านการใช้ platform ต่างๆ ส่วนเรื่องความมั่นคงจะเกี่ยวกับภัยไซเบอร์และการเข้าถึงข้อมูลต่างๆ ของภาครัฐและประชาชน ซึ่งไทยต้องทำความเข้าใจผลกระทบและศักยภาพของเทคโนโลยีสมัยใหม่ ซึ่งจีนกำลังผลักดันอย่างมากและเร็วขึ้น หลังจากพบปัญหากับสหรัฐ ซึ่งที่ประชุมอยากให้ฝ่ายเลขานุการวิเคราะห์ประเด็นนี้ละเอียดขึ้น

สำหรับผลกระทบต่อไทยนั้น นอกจากประเด็นที่ต้องระวังเรื่องการทุ่มตลาด การสวมสิทธิ์ และการลงทุนประเภทที่ไม่พึงปรารถนาแล้ว ที่ประชุมเห็นว่า การเติบโตอย่างรวดเร็วของการค้าออนไลน์นั้น แม้ว่าในทางหนึ่งจะเป็นประโยชน์ในการส่งออกของเอสเอ็มอีไทย แต่พบว่าการเข้าถึงแพลตฟอร์มขายสินค้าของไทยยังไม่เพียงพอแข่งกับสินค้าจากประเทศอื่นได้ลำบาก อีกทั้งปัจจุบันมีการเข้ามาของสินค้าต่างประเทศที่สั่งมาออนไลน์ในราคาที่ถูกอย่างไม่น่าเชื่อ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการตรวจตราการนำเข้า หน่วยงานภาษี หน่วยงานด้านการแข่งขัน และหน่วยงานด้านมาตรฐานสินค้า ควรยกระดับการติดตามตรวจสอบ เพื่อให้ความเป็นธรรมกับผู้ประกอบการไทย และรักษาระดับมาตรฐานสินค้าเพื่อประโยชน์ของผู้บริโภค

สำหรับการเตรียมการระยะต่อไป ต้องขยายการดำเนินงานในประเด็นอื่น ๆ อาทิ ความมั่นคง ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ การเงิน การลงทุน และเทคโนโลยี เพื่อรองรับบริบทของเศรษฐกิจโลกในอนาคต โดยไทยจะต้องดำเนินนโยบายด้านการค้าและการลงทุน นโยบายการต่างประเทศ และความมั่นคงอย่างบูรณาการ รักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจมหภาค  พัฒนาระบบนิเวศทางการค้าและการลงทุน  เพื่อสร้างความเชื่อมั่นทั้งในประเทศและในสายตาของนักลงทุนต่างชาติ ควบคู่กับการเร่งพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากเข้มแข็งมากขึ้น เพื่อสร้างรายได้ โดยผลักดันการส่งออกควบคู่กันไป

ทั้งนี้ ควรมีรูปแบบการทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และผู้เชี่ยวชาญสาขาต่าง ๆ ที่มีความคล่องตัว ทันสถานการณ์ และสามารถเป็นผู้แทนเพื่อเจรจาและผลักดันวาระนี้ได้ในระดับนโยบาย กระทรวงพาณิชย์ ในฐานะหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะนำข้อเสนอแนะจากผู้ทรงคุณวุฒิครั้งนี้มาศึกษาบางประเด็นเพิ่มเติม ก่อนที่จะเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และ ครม.พิจารณาผลักดันการขับเคลื่อน และนำไปปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

นายกฯ พบชาวไร่อ้อย รับข้อเสนอราคาอ้อย

ทำเนียบ 10 มิ.ย.-นายกฯ พบชาวไร่อ้อย รับข้อเสนอราคาอ้อย มอบ รมว.อุตสาหกรรม แก้ปัญหาราคา ก่อนประชุม ครม. ไม่ตอบคำถามสื่อปมเอกสาร รทสช.ขอปรับรัฐมนตรี จับตา ครม. ถกข้อพิพาทไทย-กัมพูชา ก่อนประชุม JBC 14 มิ.ย.นี้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีประจำสัปดาห์ โดยก่อนการประชุม ประธานสมาพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย และคณะ เข้าพบนายกรัฐมนตรี เพื่อแสดงความขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ให้การสนับสนุนช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อย โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐมนตรีติดตามการแก้ไขปัญหาของเกษตรกรมาโดยตลอด และมารายงานเรื่องนี้อย่างละเอียดอยู่ตลอด ตนทราบปัญหา ทางเกษตรกรจึงเน้นย้ำว่า ปัญหาจะแก้ไขได้ก็ต้องเป็นไปภายใต้การสนับสนุนจากนายกรัฐมนตรี “อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร” นายกรัฐมนตรี จึงไหว้รับขอบคุณ พร้อมกับกล่าวต่อว่า อะไรที่เกิดประโยชน์ต่อประชาชน ก็พร้อมที่จะแก้ไขในทุกเรื่องอยู่แล้ว จึงอยากให้จัดระบบให้ดี เพื่อให้เกิดประโยชน์กับคนทุกกลุ่ม ขณะเดียวกันเกษตรกรยังฝากรัฐบาลให้ไปดูแลในการรับซื้อใบอ้อย เนื่องจากเกษตรกรให้ความร่วมมือในการตัดอ้อยสด ทำให้นายกรัฐมนตรีถึงกับกล่าวแซว โห นี่จริงๆ ทำไมไม่ไปเป็นนักการเมือง ในสภาน่าจะเก่งเรื่องนี้ ทำให้เกษตรกรคนดังกล่าวกล่าวว่าลูกชายของตนเป็นนายก 6 สมัยรวด ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะกล่าวขอบคุณ และขอให้ทุกคน”รวยๆ […]

พญ. สังกัด รพ.ตำรวจ แอบสั่งยาเสียสาว ขายนอกระบบ

กทม. 10 มิ.ย. – ตำรวจ และ อย. ร่วมกันตรวจค้นแฟลตตำรวจ พร้อมคุมตัวแพทย์หญิงสังกัด รพ.ตำรวจ หลังพบหลักฐานสั่งซื้อยาเสียสาว มาขายนอกระบบ ตั้งแต่ปี 65 อ้างชื่อ 11 คลินิก เงินหมุนเวียนกว่า 80 ล้านบาท เตรียมขยายผลต่อถึงผู้เกี่ยวข้อง นายกองตรี ดร.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา, กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ลงพื้นที่แฟลตตำรวจแห่งหนึ่งย่านอารีย์ เขตพญาไท กรุงเทพ โดยได้รับรายงานจากนายแพทย์วิทิต สฤษฎีชัยกุล รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ว่าพบความผิดปกติในการสั่งซื้อยาอัลปราโซแลม หรือยานอนหลับ หรือ ยาเสียสาวที่ทำให้หลับและเคลิ้มไป ในทางสืบสวนสอบสวน พบว่า หมอคนนี้ สั่งซื้อยาจาก อย. ตั้งแต่ปี 2565-2568 15 ล้านบาท ทาง อย. เห็นความผิดปกติ จึงพูดคุยกับตำรวจและตรวจสอบเส้นทางการเงิน พบมีการแอบอ้าง 11 คลินิกในการสั่งซื้อยา […]

สามียิงภรรยาดับคารถ ซอยเพชรเกษม 67

กทม. 10 มิ.ย. – ตำรวจปิดล้อมจับกุมสามีวัย 40 ยิงภรรยาวัย 36 เสียชีวิตคารถ ก่อนหนีไปหลบในบ้าน ซอยเพชรเกษม 67 ตรวจค้นที่เกิดเหตุพบอาวุธปืน 3 กระบอก ตำรวจ สน.เพชรเกษม รับแจ้งเหตุ พบศพภายในรถเก๋ง HRV ทะเบียนกรุงเทพมหานคร จอดอยู่ภายในซอยเพชรเกษม 67 แยก 8 เบื้องต้น ทราบชื่อผู้ก่อเหตุ คือ นายมีพาพัฒน์ อายุ 40 ปี สามี ส่วนผู้เสียชีวิต น.ส.นันทิชา อายุ 36 ปี ภรรยา ตำรวจตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบว่า ผู้ก่อเหตุยังอยู่ภายในบ้านพัก จึงตรึงกำลังปิดล้อมบ้านพักซึ่งลักษณะเป็นทาวน์เฮาส์ ระหว่างนั้นญาติของผู้ตายได้เดินทางมาเพื่อสอบถามเหตุ ทันทีที่รับรายงานจากตำรวจ ญาติก็มีสีหน้าเครียด น้ำตาคลอ ให้ข้อมูลว่านายมีพาพัฒน์ คบหากับผู้เสียชีวิตมาเป็นเวลาหลาย 10 ปี มีลูกด้วยกัน 3 คน ตำรวจปิดล้อมพื้นที่นานกว่า […]

ตั้งค่าหัว 1 แสน ไล่ล่าอดีตสามีโหดฆ่า 2 ศพ

เชียงราย 9 มิ.ย. – ญาติสุดแค้น ตั้งค่าหัว 100,000 บาท ล่าอดีตสามีโหดฆ่า 2 ศพ หลังเจ้าหน้าที่ระดมกำลังค้นหายังไร้ร่องรอย เจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 32 (ตชด.32) นำ “โทมี่” สุนัขตำรวจ K9 พันธุ์ลาบราดอร์ เข้าร่วมภารกิจติดตามจับกุมนายซ้งปอ อายุ 55 ปี คนร้ายก่อเหตุฆ่าโหดอดีตภรรยาและน้องชายอดีตภรรยาเสียชีวิต ในพื้นที่บ้านร่มฟ้าผาหม่น หมู่ 15 ต.ปอ อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 6 และ 8 มิถุนายนที่ผ่านมา ก่อนหลบหนีเข้าป่าดอยผาหม่น ซึ่งเป็นภูเขาสูงชันและเต็มไปด้วยถ้ำและซอกเขา ทำให้ภารกิจไล่ล่ายากลำบาก แม้ใช้โดรนตรวจจับความร้อนทั้งกลางวันและกลางคืนก็ยังไม่พบตัว นายสุรชัย ผู้ใหญ่บ้านร่มฟ้าผาหม่น เปิดเผยว่า นายซ้งปอเป็นคนพื้นที่และมีความชำนาญเส้นทางป่า เคยหลบซ่อนตัวในป่านานถึง 2 เดือน โดยไม่มีใครเจอ และเป็นบุคคลอันตรายต่อเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปค้นหา ก่อนหน้านี้นายซ้งปอเคยขู่ฆ่าผู้นำชุมชนและชาวบ้านที่เคยมีส่วนไกล่เกลี่ยให้แยกทางกับภรรยา สร้างความหวาดผวาให้กับชาวบ้านในพื้นที่ ขณะนี้เหลือประชาชนอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเพียง 20-30% ส่วนที่เหลือพากันอพยพไปอยู่กับญาติในหมู่บ้านข้างเคียง เพื่อความปลอดภัย […]

ข่าวแนะนำ

ทหาร-ตร.วางกำลังแน่นตลอดแนวชายแดน จ.สระแก้ว

สระแก้ว 10 มิ.ย. – ทหารพราน-ตำรวจ วางกำลังแน่นตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา จ.สระแก้ว เพิ่มความเข้มงวดลาดตระเวน-ตั้งจุดตรวจคัดกรอง ขณะที่ตลาดโรงเกลือยังเปิดทำการ แต่บรรยากาศค่อนข้างเงียบเหงา ด้านชาวบ้าน จ.บุรีรัมย์ เริ่มคลายกังวล ออกทำไร่ทำสวน ใช้ชีวิตปกติ บรรยากาศบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา พื้นที่ อ.โคกสูง และ อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว ยังคงเคร่งครัดมาตรการรักษาความปลอดภัย โดยหน่วยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 12-13 ตชด. จัดกำลังออกลาดตระเวนตลอดแนวชายแดน โดยเฉพาะพื้นที่บ้านหนองจาน ต.โคกสูง ซึ่งอยู่ใกล้แนวชายแดนเพียงไม่กี่กิโลเมตร นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) ได้เพิ่มความเข้มในการตรวจสอบตามแนวถนนสีเพ็ญ เส้นทางที่เชื่อมชายแดนไทยกับกัมพูชา ใกล้ตลาดโรงเกลือ จุดยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจ แม้จะมีการวางกำลังแน่นหนา แต่ในช่วงเช้าวันนี้ (10 มิ.ย.) ตลาดโรงเกลือยังคงเปิดทำการตามปกติ พ่อค้าแม่ค้านำสินค้านานาชนิดมาวางขาย เช่น เสื้อผ้า รองเท้า และของใช้ทั่วไป มีประชาชนและนักท่องเที่ยวเดินจับจ่ายซื้อของอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม บรรยากาศโดยรวมยังค่อนข้างเงียบเหงากว่าช่วงก่อนหน้า เนื่องจากความวิตกของนักท่องเที่ยวเกี่ยวกับความปลอดภัย หลังเกิดข้อพิพาทระหว่างไทยกับกัมพูชาในช่วงที่ผ่านมา ทั้งนี้ ทางการมีการปรับเปลี่ยนเวลาเปิด-ปิดด่านพรมแดน ส่งผลให้การเดินทางเข้า-ออกของนักท่องเที่ยวลดลงอย่างเห็นได้ชัด บรรดานักท่องเที่ยวจำนวนหนึ่งยังคงรู้สึกไม่มั่นใจในการเดินทางเข้ามาในพื้นที่ชายแดน […]

ปิดตำนาน “บิ๊กสุ” นายกรัฐมนตรีคนที่ 19 ของไทย

กรุงเทพฯ 10 มิ.ย. – พล.อ.สุจินดา คราประยูร นายกรัฐมนตรีคนที่ 19 ของไทย ถึงแก่อสัญกรรมด้วยโรคชรา สิริอายุ 91 ปี นอกจากบทบาททางการทหารแล้ว พล.อ.สุจินดา ยังมีส่วนสำคัญต่อสถานการณ์การเมืองไทย.-สำนักข่าวไทย

จ่อให้ออกจากราชการไว้ก่อน “พญ.” แอบอ้างสั่งยานอนหลับ

10 มิ.ย.- จ่อสั่งแพทย์หญิงคนดัง ให้ออกจากราชการไว้ก่อน กรณีถูกจับกุม แอบอ้างคลินิกสั่งซื้อยานอนหลับ พบก่อนหน้านี้เคยถูกสั่งตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรง ปมเอี่ยวจีนเทา กรณีตำรวจ ปส. และ อย. เข้าตรวจสอบคลินิกสั่งซื้อยานอนหลับ ก่อนเชื่อมโยงถึงแพทย์หญิงคนดัง พร้อมจับกุมชายรายหนึ่ง ซึ่งรับเป็นผู้ดูแลห้องพักภายในแฟลตตำรวจ ยึดของกลางกลุ่มยานอนหลับ บรรจุอยู่ในกล่องลังกว่า 10 กล่อง เบื้องต้นพบเงินหมุนเงินกว่า 80 ล้านบาท และมีเงินหมุนเวียนร่วมกับบุคคลที่เกี่ยวข้องกว่า 400 ล้านบาท ล่าสุดมีรายงานข่าวจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรณีการตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรง จากการตรวจสอบพบว่า ก่อนหน้านี้เมื่อปี 2565 มีผู้เสียหายร้องเรียนแพทย์หญิงคนดังเกี่ยวกับกรณีที่ผู้เสียหายได้นำเงินมามอบให้ เพื่อให้ช่วยต่อวีซ่าการพักอาศัยอยู่ในประเทศไทย ซึ่งอยู่ระหว่างกระบวนการฟ้องศาลคดีอาญา โดยศาลชั้นต้นสั่งจำคุก 7 ปี และมีการยื่นอุทธรณ์ ซึ่งทราบว่าสามารถตกลงกับคู่กรณีได้ อย่างไรก็ตาม กระบวนการทางวินัยยังคงดำเนินต่อ โดยทางโรงพยาบาลตำรวจ มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบวินัยร้ายแรงในกรณีนี้ และอยู่ระหว่างการนัดประชุมเพื่อพิจารณาผลวินัยร้ายแรงในเร็วๆ นี้ ส่วนกรณีที่มีการจับกุมสั่งซื้อ-ขายยานอนหลับ ในวันนี้ ล่าสุดชุดทำคดีได้ทำหนังสือส่งมายังต้นสังกัดว่า แพทย์หญิงคนดัง ตกเป็นผู้ต้องหาที่ 1 และมีความเห็นว่า หากให้รับราชการต่อไปอาจเกิดความเสียหายแก่ทางราชการ ซึ่งจะมีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน เพื่อตั้งคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริง […]

นายกฯ คุย “ฮุน เซน – ฮุน มาเนต” เห็นตรงยึดสันติวิธี

ทำเนียบ 10 มิ.ย.- นายกฯ ย้ำผลเจรจาชายแดนไทย-กัมพูชา เรียบร้อยดี เผยคุย “ฮุน เซน – ฮุน มาเนต” เห็นตรงยึดสันติวิธี งัดเทคนิค จริงใจเจรจา จนกัมพูชาปรับทัพ บอกรับทราบ “สนธิ” ยื่นหนังสือจี้รัฐบาลรักษาอธิปไตย ลั่นแก้ทีละปม ไม่เหมารวม MOU 44 พร้อมขอบคุณ จนท.ทุกหน่วย ขอ ปชช.มั่นใจไม่เกิดความรุนแรงแน่นอน นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายผลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า เรื่องชายแดนไทย-กัมพูชา ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมารัฐบาลพยายามอย่างเต็มที่ในการคลี่คลายสถานการณ์ ที่มีความขัดแย้งกัน และปฏิบัติงานร่วมกันหลายภาคส่วน ซึ่งผลออกมาค่อนข้างสงบเรียบร้อยดี โดยในระดับนโยบาย รัฐบาลได้ให้หน่วยงานด้านความมั่นคง โดยเฉพาะกองทัพในพื้นที่ ประสานความร่วมมือระหว่างประเทศ ตามกรอบความร่วมมือทวิภาคี ได้พูดคุยกันภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ ย้ำว่าทุกหน่วยงานได้มีการพูดคุยกัน ทั้งไทยและกัมพูชา และตนเองก็ได้พูดคุยกับพลเอกฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา และสมเด็จฯฮุน เซน ประธานองคมนตรี ประธานวุฒิสภากัมพูชา ก็มีการประสานงานและเจรจากันเพื่อรักษาอธิปไตยของประเทศ และผลประโยชน์สูงสุดของประชาชน […]