รัฐสภา 31 พ.ค.-“ศิริกัญญา” ท้ารัฐบาลแจก 20,000 ใกล้เลือกตั้ง ยังไงก็ได้ “นายกฯ เท้ง” ซัดจัดงบไม่รับมือสงครามการค้า-ไม่ตอบโจทย์วิกฤติเศรษฐกิจ ลั่นอย่านำ ปชน.ไปเป็นตัวประกันศึกภายในพรรคร่วมฯ แนะเลื่อนจัดซื้อเรือฟริเกตไปปี 70
การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในการพิจารณาร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2569 นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน กล่าวสรุปปิดการอภิปรายเป็นคนสุดท้ายว่า ตลอด 4 วันของการอภิปราย ตนได้ยินคำว่ากาลเทสะหลายครั้ง แต่ปัญหาตอนนี้เป็นปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาปากท้อง ซึ่งรัฐบาลพยายามจะบอกว่างบประมาณ 3.78 ล้านบาท มันน้อย เงินที่อื่นมาเยอะ ซึ่งถูกต้อง เพราะงบประมาณจึงต้องใช้อย่างคุ้มค่าที่สุด เราจึงต้องหาเงินมาช่วย แต่ไม่ว่าหาเท่าไรก็เหมือนถังที่มีรูรั่ว เพราะมีการคอร์รัปชั่น เลยต้องอภิปรายตัดงบประมาณที่สุ่มเสี่ยงที่จะเกิดคอร์รัปชั่นเพื่อลดโอกาส แล้วเห็นใดจะพูดไม่ได้ งงอะไรกันเหตุใดจึงสับสนว่าเป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ในเมื่อไม่มีการพูดรัฐมนตรีสักคำ
นางสาวศิริกัญญา กล่าวว่า ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องพูดสภาพเศรษฐกิจ เพราะประชาชนพูดให้หมดแล้วว่ามันเยอะมากแค่ไหน และอย่าคิดว่าสงครามการค้าจะจบง่ายๆ เพราะศาลอุทธรณ์ได้สั่งเบรกการระงับการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐไปแล้ว และทรัมป์ ก็น่าจะมีไพ่อีกหลายใบเรื่องนี้ จึงไม่น่าจะจบง่ายๆ ดังนั้นเหตุการณ์ที่เลวร้ายที่สุดของไทยที่อาจเกิดขึ้นในปีนี้ คือ เศรษฐกิจอาจโตขึ้นแค่ 1.3% และเหลือแค่ 1% ในปี2569 ซึ่งแม้ว่าสงครามการค้าจะดีขึ้นแต่ไทยก็ต้องเจอกับพายุหมุนทางสภาวะเศรษฐกิจภายนอกเข้ามากระแทกในขณะที่เศรษฐกิจภายในก็อ่อนแอ โดยก่อนที่จะมีการพิจารณาในวันนี้ ตนเตือนให้รัฐบาลกลับไปทำงบประมาณใหม่ แต่รัฐบาลอ้างว่าทำไม่ทัน ทั้งที่ในปี 2567 รื้อ 2 รอบ และปี2568 รื้ออีก 2 รอบ เพื่อเบ่งงบประมาณมาทำโครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท แต่ปีนี้วิกฤตมารอตรงหน้ากลับไม่ทำ เป็นวิธีที่ชาญฉลาด พอไม่ใช่ดิจิทัลวอลเล็ต งานก็ไม่เดินเลย ซึ่งสภาก็ไม่มีสิทธิเพิ่มโครงการใหม่หรือแก้ไขอะไรได้แล้ว แต่เมื่อดูในงบกลางที่ยืดหยุนมากที่สุดและมีงบฯสำหรับการกระตุ้นเศรษฐกิจอยู่ แต่ปี 2569 มีวงเงิน 25,000 ล้านบาท ลดลงกว่าปี 2568 ที่มีวงเงิน 187,7000 ล้านบาท จึงไม่เข้าใจว่ายืดหยุ่นแบบไหนถ้าไม่มีโครงการมารองรับ แต่เหมือนปล่อยผี ให้หน่วยงานโยกงบฯไปใช้ได้ง่ายๆ ใช่หรือไม่ ซึ่งงบประมาณแบบนี้จะทำให้สภาตรวจสอบไม่ได้
ทั้งนี้นางสาวศิริกัญญา ยังกล่าวว่า งบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งรัฐมนตรีไม่เคยพูดถึง แต่จะพบว่ามีโครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท โครงการโปรดของตน ที่คงมาแน่ในปี 2569 แต่มีเงินแจกแค่ 25,000 ล้านบาท ต้องมาลุ้นกันใครจะเป็นผู้โชคดี ลุ้นยิ่งกว่าหวยว่าจะเป็นกลุ่มเยาวชน 16-20 ปี คนทำงานอายุ 21-25 ปี หรือจะเป็นคนใกล้เกษียณ 55-59 ปี แต่นายชาดา ไทยเศรษฐ์ สส. อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย ยืนยันให้แจกเลย ไม่งั้นได้ “นายกฯเท้ง” แน่ แต่ถ้าแจกอย่างนี้ต่อให้ใกล้เลือกตั้ง แจกคนละ 20,000 บาท ก็ยังได้นายกฯเท้งเหมือนเดิม นอกจากนี้ยังมีการจัดงบประมาณตุ้นเศรษฐกิจให้ อปท. โดยเฉพาะงบฯ รายจังหวัด ของบฯทำเอไอจำนวนมาก เช่น จังหวัดเชียงราย ได้งบฯ กว่า 1,000 ล้านบาท แต่เป็นงบฯทำเอไอ กว่า 800 ล้านบาท ที่ตลกที่สุดคือคนที่ขอคือ พลังงานจังหวัดเชียงราย ของบฯทำเอไอจัดการจราจร จัดการภัยพิบัติ โดยไม่ได้เกี่ยวกับพลังงานเลย เมื่อเห็นฝีมือกระตุ้นเศรษฐกิจแบบนี้ชักเริ่มไม่อยากช่วยหาเงินแล้ว
นอกจากนี้นางสาวศิริกัญญา ยังกล่าวถึงการจัดสรรงบประมาณของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นการจัดแบบย้อนยุค จัดเหมือนเดิมเปะเหมือน 10 ปี ที่แล้ว ไม่มีการเตรียมล่วงหน้าเผื่อราคาผลผลิตตก หรือ สินค้าล้นตลาด พอราคาตกก็ใช้งบฯกลาง หรือ กู้ ธกส. พอตั้งงบฯใหม่ ก็มีแต่งบฯใช้หนี้ เป็นอย่างนี้มาหลายยุค ซึ่งรัฐบาลบอกว่ายังไม่ได้เริ่มใช้งบฯ ธกส. ก็เพราะราคาสินค้าเกษตรมันดี แต่ทำนายได้เลยว่าเดี๋ยวต้องกลับไปใช้อีกแน่ เพราะราคาข้าวกลับไปเท่ามาม่า ราคามันจะเหลือไม่ถึง 1 บาท ราคาอ้อยและปาล์มก็ล่วงต่อเนื่อง ในขณะที่งบฯสิ่งแวดล้อมก็ไม่มีการเตรียมความพร้อมรับมือมลพิษ ขยะ ภัยพิบัติ มีแต่ชดเชย ถ้ายังใช้แต่การชดเชยแบบนี้โดยไม่มีการป้องกันในอนาคต ไม่เกิน 10 ปี งบประมาณต้องไม่มีเพียงพอเยียวยาอย่างแน่นอน
นางสาวศิริกัญญา กล่าวว่า สิ่งที่รับไม่ได้ที่สุดในงบฯ ปี 69 คือ รายจ่ายประจำ เรื่องโกหกอะไรกัน ที่บอกว่ารายจ่ายประจำน้อยที่สุดในรอบ 18 ปี แต่ความจริงแล้วเป็นการตัดรายจ่ายประจำ ให้ไปไม่ครบ งบฯชำระดอกเบี้ยขาดไป 65,000 ล้านบาท งบฯบำนาญ ขาด 51,000 ล้านบาท ตั้งงบฯค่ารักษาพยาบาลไม่เพียงพอ และในขณะที่กองทุนประชารัฐ ลดเหลือ 3 หมื่นล้านบาท ไม่รู้ว่าจะมีการตัดลดงบฯบัตรคนจนหรือไม่ จึงเป็นการทำตัวเลขให้ดูดี ซึ่งทำแบบนี้มาหลายปีแล้ว โดยในปี2567 ต้องไปเอางบฯคงคลังออกมาใช้จ่ายบำนาญ 42,000 ล้านบาท จ่ายค่ารักษาพยาบาล 24,000 ล้านบาท และเงินเดือนค่าราชการ 17,000 ล้านบาท จ่ายดอกเบี้ย 40,000 ล้านบาท รวมเป็น 120,000 ล้านบาท ปี 2569 จึงต้องตั้งงบฯ ชดเชย และปีนี้ก็ตั้งใจตั้งงบฯให้ไม่พอเพื่อให้ตัวเลขดูดี เพื่อหางบฯมาเพื่อทีหลัง จะทำไปเพื่อ
นางสาวศิริกัญญา กล่าวถึงการจัดซื้อเรือฟริเกต โดยยืนยันว่า เข้าใจถึงความจำเป็นที่จะต้องมีเรือฟริเกตอีก 1 ลำ ทั้งที่ในปี 2567 พรรคฝ่ายค้าน สนับสนุนให้มีการจัดซื้อ เพราะจะได้ทั้งเทคโนโลยีต่อเรือ และอุตสาหกรรมต่อเนื่อง แต่รัฐบาลกลับปฏิเสธ ดังนั้น หากในปีนี้ เลื่อนออกไปก่อน เพื่อปีหน้าให้ได้ 2 ลำ และเศรษฐกิจในปี 2570 อาจจะดีขึ้น น่าจะมีประโยชน์มากขึ้น และเป็นการจัดซื้อแบบมียุทธศาสตร์ ที่จะสามารถเกิดการลงทุนในประเทศ ทำให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างยั่งยืน
นางสาวศิริกัญญา ยังเห็นว่า ในปีงบประมาณ 2564 ประเทศเผชิญกับวิกฤตโควิด-19 และรัฐบาลในขณะนั้น ไม่ได้จัดงบเพื่อตอบโจทย์วิกฤตโควิด-19 ซึ่งความรู้สึกในวันนั้น ไม่ได้ต่างจากวันนี้ ที่จะต้องรื้องบประมาณใหม่หมด ซึ่งจะสะท้อนว่า รัฐบาลหมดความชอบธรรมที่จะบริหารประเทศ หรือต้องยุบสภา แต่ตนเอง ก็ได้เรียนรู้การเมืองแห่งความเป็นจริงว่า ไม่มีนายกรัฐมนตรีคนใด จะยุบสภาในความนิยมย่ำแย่ เว้นแต่จะมีศึกภายในจากพรรคร่วมรัฐบาลกันเอง พร้อมขออย่างนำพรรคประชาชน ไปเป็นตัวประกันระหว่างการทะเลาะกัน 2 พรรค พร้อมมั่นใจว่า ร่างงบประมาณ เมื่อเข้าสู่การพิจารณาในชั้นกรรมาธิการแล้ว คงเปลี่ยนอะไรไม่ได้มาก แต่ฝ่ายค้าน จะทำหน้าที่ต่อไป และตรวจสอบงบประมาณอย่างเต็มที่ ลด เลิก เลื่อนโครงการที่ไม่จำเป็น ไม่สำคัญ เพื่อให้สมศักดิ์ศรีฝ่ายค้าน.-315.-สำนักข่าวไทย