“ศิริกัญญา” ท้ารัฐบาลแจก 20,000 ใกล้เลือกตั้ง ยังไงก็ได้ “นายกฯ เท้ง”

รัฐสภา 31 พ.ค.-“ศิริกัญญา” ท้ารัฐบาลแจก 20,000 ใกล้เลือกตั้ง ยังไงก็ได้ “นายกฯ เท้ง” ซัดจัดงบไม่รับมือสงครามการค้า-ไม่ตอบโจทย์วิกฤติเศรษฐกิจ ลั่นอย่านำ ปชน.ไปเป็นตัวประกันศึกภายในพรรคร่วมฯ แนะเลื่อนจัดซื้อเรือฟริเกตไปปี 70

การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในการพิจารณาร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2569 นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน กล่าวสรุปปิดการอภิปรายเป็นคนสุดท้ายว่า ตลอด 4 วันของการอภิปราย ตนได้ยินคำว่ากาลเทสะหลายครั้ง แต่ปัญหาตอนนี้เป็นปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาปากท้อง ซึ่งรัฐบาลพยายามจะบอกว่างบประมาณ 3.78 ล้านบาท มันน้อย เงินที่อื่นมาเยอะ ซึ่งถูกต้อง เพราะงบประมาณจึงต้องใช้อย่างคุ้มค่าที่สุด เราจึงต้องหาเงินมาช่วย แต่ไม่ว่าหาเท่าไรก็เหมือนถังที่มีรูรั่ว เพราะมีการคอร์รัปชั่น เลยต้องอภิปรายตัดงบประมาณที่สุ่มเสี่ยงที่จะเกิดคอร์รัปชั่นเพื่อลดโอกาส แล้วเห็นใดจะพูดไม่ได้ งงอะไรกันเหตุใดจึงสับสนว่าเป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ในเมื่อไม่มีการพูดรัฐมนตรีสักคำ


นางสาวศิริกัญญา กล่าวว่า ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องพูดสภาพเศรษฐกิจ เพราะประชาชนพูดให้หมดแล้วว่ามันเยอะมากแค่ไหน และอย่าคิดว่าสงครามการค้าจะจบง่ายๆ เพราะศาลอุทธรณ์ได้สั่งเบรกการระงับการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐไปแล้ว และทรัมป์ ก็น่าจะมีไพ่อีกหลายใบเรื่องนี้ จึงไม่น่าจะจบง่ายๆ ดังนั้นเหตุการณ์ที่เลวร้ายที่สุดของไทยที่อาจเกิดขึ้นในปีนี้ คือ เศรษฐกิจอาจโตขึ้นแค่ 1.3% และเหลือแค่ 1% ในปี2569 ซึ่งแม้ว่าสงครามการค้าจะดีขึ้นแต่ไทยก็ต้องเจอกับพายุหมุนทางสภาวะเศรษฐกิจภายนอกเข้ามากระแทกในขณะที่เศรษฐกิจภายในก็อ่อนแอ โดยก่อนที่จะมีการพิจารณาในวันนี้ ตนเตือนให้รัฐบาลกลับไปทำงบประมาณใหม่ แต่รัฐบาลอ้างว่าทำไม่ทัน ทั้งที่ในปี 2567 รื้อ 2 รอบ และปี2568 รื้ออีก 2 รอบ เพื่อเบ่งงบประมาณมาทำโครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท แต่ปีนี้วิกฤตมารอตรงหน้ากลับไม่ทำ เป็นวิธีที่ชาญฉลาด พอไม่ใช่ดิจิทัลวอลเล็ต งานก็ไม่เดินเลย ซึ่งสภาก็ไม่มีสิทธิเพิ่มโครงการใหม่หรือแก้ไขอะไรได้แล้ว แต่เมื่อดูในงบกลางที่ยืดหยุนมากที่สุดและมีงบฯสำหรับการกระตุ้นเศรษฐกิจอยู่ แต่ปี 2569 มีวงเงิน 25,000 ล้านบาท ลดลงกว่าปี 2568 ที่มีวงเงิน 187,7000 ล้านบาท จึงไม่เข้าใจว่ายืดหยุ่นแบบไหนถ้าไม่มีโครงการมารองรับ แต่เหมือนปล่อยผี ให้หน่วยงานโยกงบฯไปใช้ได้ง่ายๆ ใช่หรือไม่ ซึ่งงบประมาณแบบนี้จะทำให้สภาตรวจสอบไม่ได้

ทั้งนี้นางสาวศิริกัญญา ยังกล่าวว่า งบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งรัฐมนตรีไม่เคยพูดถึง แต่จะพบว่ามีโครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท โครงการโปรดของตน ที่คงมาแน่ในปี 2569 แต่มีเงินแจกแค่ 25,000 ล้านบาท ต้องมาลุ้นกันใครจะเป็นผู้โชคดี ลุ้นยิ่งกว่าหวยว่าจะเป็นกลุ่มเยาวชน 16-20 ปี คนทำงานอายุ 21-25 ปี หรือจะเป็นคนใกล้เกษียณ 55-59 ปี แต่นายชาดา ไทยเศรษฐ์ สส. อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย ยืนยันให้แจกเลย ไม่งั้นได้ “นายกฯเท้ง” แน่ แต่ถ้าแจกอย่างนี้ต่อให้ใกล้เลือกตั้ง แจกคนละ 20,000 บาท ก็ยังได้นายกฯเท้งเหมือนเดิม นอกจากนี้ยังมีการจัดงบประมาณตุ้นเศรษฐกิจให้ อปท. โดยเฉพาะงบฯ รายจังหวัด ของบฯทำเอไอจำนวนมาก เช่น จังหวัดเชียงราย ได้งบฯ กว่า 1,000 ล้านบาท แต่เป็นงบฯทำเอไอ กว่า 800 ล้านบาท ที่ตลกที่สุดคือคนที่ขอคือ พลังงานจังหวัดเชียงราย ของบฯทำเอไอจัดการจราจร จัดการภัยพิบัติ โดยไม่ได้เกี่ยวกับพลังงานเลย เมื่อเห็นฝีมือกระตุ้นเศรษฐกิจแบบนี้ชักเริ่มไม่อยากช่วยหาเงินแล้ว


นอกจากนี้นางสาวศิริกัญญา ยังกล่าวถึงการจัดสรรงบประมาณของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นการจัดแบบย้อนยุค จัดเหมือนเดิมเปะเหมือน 10 ปี ที่แล้ว ไม่มีการเตรียมล่วงหน้าเผื่อราคาผลผลิตตก หรือ สินค้าล้นตลาด พอราคาตกก็ใช้งบฯกลาง หรือ กู้ ธกส. พอตั้งงบฯใหม่ ก็มีแต่งบฯใช้หนี้ เป็นอย่างนี้มาหลายยุค ซึ่งรัฐบาลบอกว่ายังไม่ได้เริ่มใช้งบฯ ธกส. ก็เพราะราคาสินค้าเกษตรมันดี แต่ทำนายได้เลยว่าเดี๋ยวต้องกลับไปใช้อีกแน่ เพราะราคาข้าวกลับไปเท่ามาม่า ราคามันจะเหลือไม่ถึง 1 บาท ราคาอ้อยและปาล์มก็ล่วงต่อเนื่อง ในขณะที่งบฯสิ่งแวดล้อมก็ไม่มีการเตรียมความพร้อมรับมือมลพิษ ขยะ ภัยพิบัติ มีแต่ชดเชย ถ้ายังใช้แต่การชดเชยแบบนี้โดยไม่มีการป้องกันในอนาคต ไม่เกิน 10 ปี งบประมาณต้องไม่มีเพียงพอเยียวยาอย่างแน่นอน

นางสาวศิริกัญญา กล่าวว่า สิ่งที่รับไม่ได้ที่สุดในงบฯ ปี 69 คือ รายจ่ายประจำ เรื่องโกหกอะไรกัน ที่บอกว่ารายจ่ายประจำน้อยที่สุดในรอบ 18 ปี แต่ความจริงแล้วเป็นการตัดรายจ่ายประจำ ให้ไปไม่ครบ งบฯชำระดอกเบี้ยขาดไป 65,000 ล้านบาท งบฯบำนาญ ขาด 51,000 ล้านบาท ตั้งงบฯค่ารักษาพยาบาลไม่เพียงพอ และในขณะที่กองทุนประชารัฐ ลดเหลือ 3 หมื่นล้านบาท ไม่รู้ว่าจะมีการตัดลดงบฯบัตรคนจนหรือไม่ จึงเป็นการทำตัวเลขให้ดูดี ซึ่งทำแบบนี้มาหลายปีแล้ว โดยในปี2567 ต้องไปเอางบฯคงคลังออกมาใช้จ่ายบำนาญ 42,000 ล้านบาท จ่ายค่ารักษาพยาบาล 24,000 ล้านบาท และเงินเดือนค่าราชการ 17,000 ล้านบาท จ่ายดอกเบี้ย 40,000 ล้านบาท รวมเป็น 120,000 ล้านบาท ปี 2569 จึงต้องตั้งงบฯ ชดเชย และปีนี้ก็ตั้งใจตั้งงบฯให้ไม่พอเพื่อให้ตัวเลขดูดี เพื่อหางบฯมาเพื่อทีหลัง จะทำไปเพื่อ

นางสาวศิริกัญญา กล่าวถึงการจัดซื้อเรือฟริเกต โดยยืนยันว่า เข้าใจถึงความจำเป็นที่จะต้องมีเรือฟริเกตอีก 1 ลำ ทั้งที่ในปี 2567 พรรคฝ่ายค้าน สนับสนุนให้มีการจัดซื้อ เพราะจะได้ทั้งเทคโนโลยีต่อเรือ และอุตสาหกรรมต่อเนื่อง แต่รัฐบาลกลับปฏิเสธ ดังนั้น หากในปีนี้ เลื่อนออกไปก่อน เพื่อปีหน้าให้ได้ 2 ลำ และเศรษฐกิจในปี 2570 อาจจะดีขึ้น น่าจะมีประโยชน์มากขึ้น และเป็นการจัดซื้อแบบมียุทธศาสตร์ ที่จะสามารถเกิดการลงทุนในประเทศ ทำให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างยั่งยืน


นางสาวศิริกัญญา ยังเห็นว่า ในปีงบประมาณ 2564 ประเทศเผชิญกับวิกฤตโควิด-19 และรัฐบาลในขณะนั้น ไม่ได้จัดงบเพื่อตอบโจทย์วิกฤตโควิด-19 ซึ่งความรู้สึกในวันนั้น ไม่ได้ต่างจากวันนี้ ที่จะต้องรื้องบประมาณใหม่หมด ซึ่งจะสะท้อนว่า รัฐบาลหมดความชอบธรรมที่จะบริหารประเทศ หรือต้องยุบสภา แต่ตนเอง ก็ได้เรียนรู้การเมืองแห่งความเป็นจริงว่า ไม่มีนายกรัฐมนตรีคนใด จะยุบสภาในความนิยมย่ำแย่ เว้นแต่จะมีศึกภายในจากพรรคร่วมรัฐบาลกันเอง พร้อมขออย่างนำพรรคประชาชน ไปเป็นตัวประกันระหว่างการทะเลาะกัน 2 พรรค พร้อมมั่นใจว่า ร่างงบประมาณ เมื่อเข้าสู่การพิจารณาในชั้นกรรมาธิการแล้ว คงเปลี่ยนอะไรไม่ได้มาก แต่ฝ่ายค้าน จะทำหน้าที่ต่อไป และตรวจสอบงบประมาณอย่างเต็มที่ ลด เลิก เลื่อนโครงการที่ไม่จำเป็น ไม่สำคัญ เพื่อให้สมศักดิ์ศรีฝ่ายค้าน.-315.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศบ.ทก. เผย GBC สรุปข้อตกลง 2 ฝ่าย จ่อชง สมช.-ครม.นัดพิเศษ

ทำเนียบ 6 ส.ค.- ศบ.ทก. เผยข่าวดี ที่ประชุม GBC สรุปข้อตกลง 2 ฝ่าย พร้อมเตรียมเสนอให้ สมช. – ครม. นัดพิเศษ พิจารณาเย็นนี้ ก่อน รมช.กห. เดินทางร่วมลงนามพรุ่งนี้ ด้าน กต. เตรียมประชุมทูตทั่วโลก เพื่อชี้แจงสถานการณ์ให้นานาชาติเข้าใจ หลังพาองค์การระหว่างประเทศเยี่ยม 18 เชลยศึก ขณะที่ผ่อนปรนให้โดรนเพื่อการเกษตรบินได้หลัง 15 ส.ค.นี้ พลเรือตรีสุรสันต์ คงสิริ โฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทบ.) และนางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศและรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมกับนางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงการณ์ภายหลังจากการประชุมความคืบหน้าสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา พลเรือตรีสุรสันต์ แถลงว่า สถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ในส่วนของความมั่นคงในห้วงที่ผ่านมา สถานการณ์โดยทั่วไปอยู่ในสภาวะปกติ มีการเสริมที่มั่นทางทหารในพื้นที่บางส่วน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่มีการเสริมกำลังทหารแต่อย่างใด ในช่วงเวลาที่ผ่านมาเช่นเดียวกันก็มีการตรวจพบว่ามีการใช้โดรนเพิ่มมากยิ่งขึ้น ในสถานการณ์ไทยห้ามบินโดรนทั่วประเทศ ซึ่งฝ่ายความมั่นคงยังเข้มงวดในการสกัดกั้น ตรวจตรา ตรวจสอบ รวมทั้งดำเนินการตามกฎหมายอย่างต่อเนื่องด้วย ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ถึงวันที่ […]

กกพ.จี้ MEA แจงปัญหาไฟดับ

กรุงเทพฯ 6 ส.ค. – สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) จี้การไฟฟ้านครหลวง (MEA) แจ้งปัญหาไฟดับเป็นบริเวณกว้าง ด้านประชาชนแห่คอมเมนต์ผลกระทบและต้องการเห็นการชดเชย จากปัญหาความเดือดร้อนคนกรุงเทพฯ เมื่อคืนที่ผ่านมา (5 ส.ค.) เวลา 22.12 น. เกิดไฟดับเป็นบริเวณกว้างในพื้นที่ย่านสะพานควาย เขตพญาไท ถ.ประดิพัทธ์ และ ถ.พระรามที่ 6 และ MEA แก้ไขจนจ่ายครบเวลา 23.50 น. ทางสำนักงาน กกพ.แจ้งว่าได้ประสานให้การไฟฟ้านครหลวง (MEA) รายงานข้อเท็จจริง และแนวทางการแก้ไขและป้องกัน เพื่อไม่ให้เกิดเหตุขึ้นอีก ในขณะที่ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบต่างระบุเดือดร้อนจากเหตุไฟดับ ต้องการให้ MEA ชี้แจงสาเหตุที่ชัดเจน บางส่วนก็ชื่นชม แก้ปัญหาได้รวดเร็ว บางส่วนก็ต้องการเห็น การชดเชยจาก MEA เพราะพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่เศรษฐกิจและมีประชาชนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก โดยไฟดับทั้งอาคาร ดับทั้งไฟสาธารณะ ไฟจราจร สัญญาณอินเทอร์เน็ต ทั้งนี้ MEA ชี้แจงเบื้องต้นสาเหตุเกิดจากความขัดข้องทางเทคนิคของอุปกรณ์ในสถานีไฟฟ้าย่อย ในระหว่างการเตรียมการเพื่อปฏิบัติงานปรับปรุงระบบจ่ายไฟฟ้าตามปกติ, ไม่มีความเกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายหรือภัยคุกคามทางไซเบอร์ สาเหตุที่แท้จริงของอุปกรณ์ขัดข้องจะชี้แจงต่อไป ผู้สื่อข่าวรายงานว่า […]

ตำรวจเตรียมสอบเชิงลึกชาย BHQ หวั่นเป็นไส้ศึก

บุรีรัมย์ 6 ส.ค.-ตำรวจ สอบปากคำชายชาวกัมพูชา พบมีการใช้ชื่อถึง 4 ชื่อ อ้างเคยเป็นทหารหน่วย BHQ จริง แต่ปัจจุบันไม่ได้เป็นแล้ว เจ้าหน้าที่ยังไม่เชื่อการคำให้การ เกรงแฝงตัวเข้ามาเป็นสายลับ กรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จังหวัดบุรีรัมย์ จับกุมชายชาวกัมพูชา ได้ที่บ้านพักภรรยาคนไทยและมีเครื่องแบบทหารพร้อมตราสัญลักษณ์ BHQ จากการสอบปากคำ เคยเป็นทหารหน่วย BHQ จริง แต่ปัจจุบันไม่ได้เป็นแล้ว มาทำงานอยู่ไทย แล้วถูกสวมชื่อ จากการตรวจสอบพบมีการใช้ชื่อถึง 4 ชื่อ ซึ่งแต่ละชื่อไม่ตรงกัน และอ้างว่าเมื่อก่อนเข้ามาอย่างถูกต้อง แต่ล่าสุดมีการลักลอบเข้ามาผ่านช่องทางธรรมชาติทาง จ.สระแก้ว โดยอ้างว่าจ่ายเงินบุคคลที่พาเข้า 4,000 บาท แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่เชื่อการคำให้การ เกรงว่าอาจจะแฝงตัวเข้ามาเป็นสายลับคอยส่งข้อมูลความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับความมั่นคงของไทย ไปให้ฝั่งกัมพูชา จากการตรวจสอบข้อมูลในโทรศัพท์พบมีรูปถ่ายกายแต่งกายทหารและถือปืน เบื้องต้นทางตำรวจจะดำเนินคดีมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย และลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต.-สำนักข่าวไทย

GBC หารือใหม่เช้านี้ หลังเมื่อคืนถกถึงเที่ยงคืน

มาเลเซีย 6 ส.ค.-GBC ประชุมใหม่เช้านี้ หลังเมื่อคืน ฝ่ายกัมพูชา ไม่สามารถตัดสินตกลงใจได้ในบางหัวข้อและต้องส่งกลับไปให้พนมเปญพิจารณาต่อ การหารือภายใต้กรอบ GBC ณ เวลา 07.45 น. วันนี้ (ตามเวลาท้องถิ่น) เมื่อคืน คณะเลขานุการ GBC ของทั้งสองฝ่าย ได้เจรจากันถึงเวลา 00.15 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) แต่ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้ในบางประเด็นสุดท้าย เนื่องจากฝ่ายเลขานุการ GBC ของฝ่ายกัมพูชา ไม่สามารถตัดสินตกลงใจได้ในบางหัวข้อและต้องส่งกลับไปให้พนมเปญพิจารณาต่อ จึงได้นัดประชุมอีกครั้ง เวลา 08.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) วันนี้ เพื่อหาข้อสรุปสำหรับประเด็นดังกล่าว โดยเมื่อเวลา 07.40 น. รัฐมนตรีช่วยกลาโหม ได้โทรศัพท์มาพูดคุยกับคณะเลขานุการ GBC ของฝ่ายไทยติดตามความคืบหน้าในการเจรจา ให้กำลังใจ และชื่นชมในการทำงานอย่างหนักถึงวินาทีสุดท้ายของทีมไทยแลนด์ ขอให้ประสบความสำเร็จในการเจรจา เพื่อบรรลุผลและปกป้องผลประโยชน์ของไทย.-สำนักข่าวไทย