ม.หอการค้าไทยชี้ธุรกิจชุมชนไทยขาดเทคโนโลยีและนวัตกรรมขั้นสูง

กรุงเทพฯ 30 พ.ค. – ม.หอการค้าไทย ชี้ธุรกิจชุมชนไทยขาดเทคโนโลยีและนวัตกรรมขั้นสูง SME D Bank ประกาศเสริมแกร่งดันถึงความรู้คู่ทุน 30,000 ล้านบาท


นายธนวรรธน์ พลวิชัย รองอธิการบดีอาวุโสวิชาการและงานวิจัย และผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เผยผล “การสำรวจสถานภาพธุรกิจชุมชน” จาก  795 ตัวอย่างว่า  ส่วนใหญ่ 56.12% ยังดำเนินการโดยใช้แรงงานเป็นหลัก ตามด้วย  35.59% ใช้แรงงานร่วมกับเครื่องจักรขนาดเล็ก มีเพียง 0.13%เท่านั้นที่ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมขั้นสูง ขณะที่ 46.70% มีการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการดำเนินธุรกิจ เช่น การจัดส่งสินค้า รับคำสั่งซื้อ จัดหาวัตถุดิบ รับชำระเงิน เป็นต้น และ 53.30% ไม่มีการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการดำเนินธุรกิจ ให้เหตุผลว่า ไม่มีความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีที่จำเป็น ไม่มีเงินทุนเพียงพอ ธุรกิจขนาดเล็กไม่มีความจำเป็น เป็นต้น

ทั้งนี้ ธุรกิจชุมชนส่วนใหญ่ 63.14% ใช้วัตถุดิบในพื้นที่ และ 87.60% ใช้แรงงานในพื้นที่  จึงเป็นการสร้างประโยชน์แก่ชุมชนท้องถิ่นในระดับมาก เฉลี่ยถึง 3.72% จากเต็ม 5%  ทั้งก่อให้เกิดการจ้างงาน การใช้วัตถุดิบ สร้างรายได้ และการออม เป็นต้น  ส่วนสถานภาพของธุรกิจชุมชนในปัจจุบันเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ส่วนใหญ่บอกว่า ใกล้เคียงเดิม เช่น ด้านยอดขาย กำไร จำนวนลูกค้า เป็นต้น  ส่วน 6 เดือนข้างหน้า เชื่อยอดขายยังอยู่ในระดับเดิม  ส่วนต้นทุน และกำไรจะดีขึ้น


เมื่อสำรวจการจัดทำบัญชีของธุรกิจชุมชน พบว่า มีการทำเป็นกิจจะลักษณะ 45.59% ที่เหลือ 54.41% ทำบ้างไม่เป็นกิจจะลักษณะ  โดย 45.21% ทำบัญชีแบบง่ายๆ 35.5% จดแค่รายรับรายจ่ายและเงินเหลือในแต่ละวัน และ 19.28% เป็นบัญชีมาตรฐาน  เมื่อเจาะลึกจะพบว่า กลุ่มธุรกิจชุมชนที่มีการทำบัญชีเป็นกิจจะลักษณะโดดเด่น คือ ร้านธงฟ้าประชารัฐ  ซึ่งเป็นกลุ่มที่เข้าถึงมาตรการสนับสนุนจากภาครัฐ

ทั้งนี้ กลุ่มตัวอย่างธุรกิจชุมชน 16.9% บอกว่า มีภาระหนี้สิน วงเงินเฉลี่ย 1,055,929.13 บาท อัตราผ่อนชำระ 14,884.35 บาทต่อเดือน  ซึ่ง 79.32% บอกว่า ไม่เคยผิดนัดชำระหนี้  ส่วนความต้องการเข้าถึงแหล่งทุน 52.93% เชื่อว่า ตัวเองมีศักยภาพเข้าถึงได้มาก และภายใน 1 ปีนับจากนี้ จำนวน 50.9% ต้องการสินเชื่อ โดยวัตถุประสงค์หลัก 3 อันดับแรก ได้แก่ พัฒนาและออกแบบบรรจุภัณฑ์  พัฒนาและออกแบบกระบวนการผลิต และปรับปรุงระบบสาธารณูปโภคให้ได้มาตรฐาน โดยวงเงินที่ต้องการส่วนใหญ่อยู่ที่ประมาณ 100,000-500,000 บาท

กลุ่มธุรกิจชุมชนยังได้สะท้อนปัญหา และอุปสรรค ที่ต้องการได้รับการปรับปรุง ได้แก่  การส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจ   เงินทุนขยายกิจการ  การยกเว้นภาษี  เงินทุนการผลิต    สร้างเสริมโอกาสและความสามารถในการแข่งขัน ปริมาณวัตถุดิบ คุณภาพวัตถุดิบ ระบบขนส่งสินค้า คู่แข่งขนาดใหญ่ในประเทศ และสภาพคล่องทางการเงิน


ส่วนการได้รับประโยชน์และเข้าถึงมาตรการสนับสนุนของภาครัฐนั้น ส่วนใหญ่บอกว่า ไม่ทราบถึงมาตรการต่างๆ แต่เมื่อเข้าถึงแล้ว ช่วยสร้างประโยชน์ต่อธุรกิจอย่างมาก  โดยสิ่งที่กลุ่มตัวอย่างต้องการได้รับความช่วยเหลือจากภาครัฐ  เช่น   สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ   ความรู้ส่งเสริมนวัตกรรมทันสมัย  ลดหย่อนภาษีและปรับลดความซับซ้อน ปรับลดกฎข้อบังคับความยุ่งยากด้านการจ้างงาน เป็นต้น  ส่วนข้อเสนอแนะและสิ่งที่ต้องการได้รับจากธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank คือ ความง่ายในขั้นตอนขอและเข้าถึงสินเชื่อ   พนักงานบริการอย่างเต็มใจ รวดเร็ว  อบรมให้ความรู้ด้านบัญชี หรือการขอสินเชื่อ และสร้างความน่าเชื่อถือในการทำธุรการทางการเงินให้กิจการ

นายธนวรรธน์ กล่าวถึงการสำรวจดัชนีเศรษฐกิจชุมชน (Local Economy Index) ประจำเดือนเมษายน 2562 ว่า ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อดัชนีเศรษฐกิจชุมชน ด้านบวก เช่น การใช้จ่ายช่วงเทศกาลสงกรานต์  มาตรการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของภาครัฐ ราคาสินค้าเกษตรบางตัวปรับตัวดีขึ้น  ส่วนปัจจัยด้านลบ เช่น รายได้ของเกษตรกรในเดือน เม.ย. 62 ลดลง เพราะผลผลิตปรับลดจากสถานการณ์ภัยแล้ง  กำลังซื้อประชาชนชะลอตัว ราคาน้ำมันปรับขึ้น การส่งออกลดลงจากปัญหาสงครามการค้า และจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดโดยเฉพาะช่วงเทศกาลสงกรานต์ เป็นต้น

ทั้งนี้ ดัชนีเศรษฐกิจชุมชน ประจำเดือนเม.ย.62 อยู่ที่ 48.3 ลดลง  2 จุด เมื่อเทียบกับเดือน มี.ค.62 ที่ผ่านมา   โดยสิ่งที่ต้องการได้รับความช่วยเหลือจากรัฐเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน ได้แก่ พัฒนาสินค้าชุมชน เพื่อให้มีช่องทางการตลาดมากขึ้น  ลดราคาต้นทุนวัตถุดิบ เพิ่มเงินทุนดอกเบี้ยต่ำ กระตุ้นใช้จ่ายในประเทศ   ให้ความรู้ในการประกอบอาชีพ พัฒนาแหล่งท่องเที่ยวชุมชน  พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ลดการเก็บภาษีซ้ำซ้อน และแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน

ส่วนข้อเสนอแนะที่ต้องการได้รับจาก SME D Bank ในการพัฒนาธุรกิจชุมชน ได้แก่ ลดขั้นตอนหรือผ่อนปรนเงื่อนไขเพื่อเข้าถึงแหล่งทุนง่ายขึ้น  แก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ   ลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ เพื่อให้ธุรกิจมีสภาพคล่องมากขึ้น  ให้ความรู้ ทักษะการประกอบธุรกิจชุมชน  ให้คำแนะนำด้านการเงิน  พัฒนาศักยภาพธุรกิจ รวมถึงส่งเสริมช่องทางตลาด

ด้านนายวรมิตร ครุฑโต   รองกรรมการผู้จัดการ  ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank  กล่าวว่า  จากการสำรวจดังกล่าว บ่งบอกได้ดีว่า ธุรกิจชุมชนมีความสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายในประเทศอย่างยิ่ง เพราะส่วนใหญ่ใช้แรงงานและวัตถุดิบในท้องถิ่น ทั้งนี้ หากธุรกิจชุมชนมีการยกระดับ  และเข้าถึงมาตรการสนับสนุนภาครัฐ จะช่วยให้เพิ่มมูลค่าและมีศักยภาพธุรกิจแข็งแกร่งขึ้น ต่อยอดสู่กระจายการเติบโตของเศรษฐกิจฐานรากอย่างกว้างขวาง  ดังนั้น SME D Bank  จึงมุ่งตอบสนองนโยบายของรัฐบาลในบทบาทสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐเพื่อยกระดับธุรกิจชุมชน ด้วยการเติมความรู้คู่เงินทุนต่อเนื่อง  เช่น อบรมความรู้การทำบัญชีให้แก่ผู้ประกอบการท้องถิ่น จัดอบรมพัฒนาบรรจุภัณฑ์  ส่งเสริมปรับปรุงบ้านพักเป็นบูติกโฮเทลเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชน เสริมแกร่งปรับปรุงโชห่วย ขยายช่องทางตลาดออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น Thailandpostmart.com ซึ่งเน้นนำสินค้าชุมชนมาขายผ่านออนไลน์ รวมถึง จัดงานแสดงสินค้าชุมชนเป็นประจำทุกเดือน ณ สำนักงานใหญ่ SME D Bank ในชื่อ “ตลาดสุดยอด SMEs ของดีทั่วไทย” เพื่อเป็นช่องทางขายสินค้าให้แก่ธุรกิจชุมชน ปีนี้จัดมาแล้ว 5 ครั้ง มีผู้ประกอบการเข้าร่วมแล้วกว่า 150 ราย สร้างรายได้กว่า 1.6 ล้านบาท เป็นต้น

ตามด้วยเติมทุนให้ธุรกิจชุมชนในกลุ่มต่างๆ  เช่น เกษตรแปรรูป   ท่องเที่ยวชุมชน และโชห่วย เป็นต้น นำไปลงทุน ขยาย ยกระดับธุรกิจ    ผ่าน “สินเชื่อเพื่อยกระดับเศรษฐกิจชุมชน” (Local Economy Loan)   คิดดอกเบี้ยต่ำ ผ่อนนานถึงสูงสุด 7 ปี  บุคคลธรรมดา 3 ปีแรกเพียง 0.42% ต่อเดือน ปีที่ 4-7 อัตราดอกเบี้ย MLR ต่อปี  และนิติบุคคล อัตราดอกเบี้ย 3 ปีแรกเพียง 0.25% ต่อเดือน ปีที่ 4-7 อัตราดอกเบี้ย MLR ต่อปี   ตั้งเป้าปีนี้ (2562) จะอนุมัติได้ถึง 30,000 ล้านบาท ผลักดันธุรกิจชุมชนเข้าถึงแหล่งทุนกว่า 30,000 ราย  เกิดการเชื่อมโยงกับธุรกิจชุมชนกับธุรกิจภายนอก เช่น ท่องเที่ยง ขนส่ง สินค้าที่ระลึก ฯลฯ ก่อให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 145,500 ล้านบาท  โดยผู้ประกอบการธุรกิจชุมชนสามารถยื่นขอสินเชื่อได้ง่ายและสะดวก ทุกที่  ทุกเวลา ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง  ผ่านแอปพลิเคชัน SME D Bank . – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

เปิดศักยภาพ Gripen เขี้ยวเล็บใหม่กองทัพอากาศไทย

5 ส.ค. – เปิดคุณสมบัติโดดเด่นของ “กริพเพน” เครื่องบินรบฝูงใหม่ ซึ่งกองทัพอากาศและประเทศไทยกำลังจะทำสัญญาจัดซื้อจากสวีเดน .-สำนักข่าวไทย

ครม.เคาะเยียวยาผู้เสียชีวิตเหตุชายแดน รายละ 8-10 ล้าน

กรุงเทพฯ 5 ส.ค. – ครม. อนุมัติเงินเยียวยาผู้เสียชีวิตจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา รายละ 8-10 ล้านบาท พร้อมตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข่าวปลอม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการกระชุม ครม. วาระสำคัญของรัฐบาล “ก้าวผ่านสองวิกฤติ เดินหน้าไปด้วยกัน” โดยระบุว่า รัฐบาลขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักของครอบครัวทุกๆ ครอบครัว แม้ว่าความสูญเสียที่เกิดขึ้นจะประเมินเป็นมูลค่ามิได้ แต่รัฐบาลจะขอผนึกกำลังจากทุกภาคส่วน เพื่อชดเชยความสูญเสียต่อชีวิต ทรัพย์สิน และรายได้ของพี่น้องประชาชนทุกคนที่ได้รับผลกระทบ โดยคณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติเงินเยียวยาให้แก่ครอบครัวทหารที่เสียชีวิต รวมรายละ 10 ล้านบาท และครอบครัวประชาชนที่เสียชีวิต รวมรายละ 8 ล้านบาท พร้อมทั้งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบและวิเคราะห์ข่าวในสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อป้องกันข่าวปลอม ที่มุ่งหมายจะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศและความปลอดภัยของประชาชน รวมถึงสถานการณ์ที่ไทยเราต้องประสบกับมาตรการภาษีการค้าจากสหรัฐอเมริกา ขอยืนยันว่าได้ดำเนินการในเรื่องดังกล่าวอย่างรอบคอบและต่อเนื่อง โดยยึดหลักผลประโยชน์ของประเทศเป็นสำคัญ ส่วนการที่สหรัฐอเมริกาประกาศอัตราภาษีการค้าของไทยที่ร้อยละ 19 ทำให้ไทยยังคงมีศักยภาพแข่งขันได้ในเวทีโลก และยังคงความได้เปรียบประเทศคู่แข่งขันในภูมิภาค รัฐบาลจึงได้กำหนดมาตรการทางการเงิน ทั้งมาตรการ Soft loan มาตรการพักชำระหนี้ การส่งเสริมให้คนไทยใช้สินค้าที่ผลิตภายในประเทศ และการตั้งงบประมาณเพื่อสนับสนุนและรองรับการปรับตัวของผู้ประกอบการไทย ทั้งรายใหญ่และรายย่อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างความเข้มแข็งให้แก่พี่น้องเกษตรกรไทย เพื่อให้มั่นใจว่าทุกคนจะสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงนี้ไปด้วยกันได้อย่างมั่นคง […]

“เป๊ก ผลิตโชค” ส่อโดนแจ้ง 2 ข้อหา รอผลตรวจเลือด 7 วัน

กทม. 5 ส.ค.-“เป๊ก ผลิตโชค” ส่อโดนแจ้ง 2 ข้อหา รอผลตรวจเลือด 7 วัน พิสูจน์หาสารเสพติดในร่างกาย พลตำรวจตรี ธนันท์ธร รัตนสิทธิภาคย์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 4 เปิดเผยว่า ช่วงค่ำวานนี้ คนขับรถกระบะได้เข้ามาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนแล้ว โดยให้การว่า ตนกำลังจะขับรถกลับบ้าน เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุ อยู่ดีๆ “เป๊ก ผลิตโชค” ก็กระโดดขึ้นมาบนฝากระโปรงรถ ตอนนั้นรู้สึกตกใจ จึงเลี้ยวรถเข้าปั๊มน้ำมัน ลงมาพูดคุยกับ “เป๊ก” จากนั้น “เป๊ก” ก็เข้ามาสวมกอด ยกมือไหว้ แล้วเบนไปหานายชุติเทพ มีเรื่องทะเลาะวิวาทกัน ตนก็ขึ้นรถแล้วขับออกไป และไม่ทราบว่ามีอะไรเกิดขึ้นหลังจากนั้น จนกระทั่งมาเปิดดูข่าว ส่วนคนขับรถแท็กซี่ที่ปรากฏภาพ “เป๊ก ผลิตโชค” ขึ้นไปเกาะบนหลังคารถ ตอนนี้ยังอยู่ระหว่างการติดต่อเข้ามาให้ปากคำ ด้าน “เป๊ก ผลิตโชค” ยังไม่ได้เริ่มสอบปากคำ เพราะยังอยู่ในการดูแลของทีมแพทย์ ซึ่งพนักงานสอบสวน ยินดีที่จะเข้าไปสอบปากคำที่โรงพยาบาล ถ้าหากแพทย์อนุญาต หรือ “เป๊ก ผลิตโชค” […]

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]