กรุงเทพฯ 2 ก.ค. – หอการค้าไทยเผยความเชื่อมั่นผู้บริโภค มิ.ย.63 ดีขึ้น แต่คนส่วนใหญ่ยังกังวลโควิดรอบ 2 เร่งรัฐอัดฉีดเงินเข้าระบบโดยเร็ว
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมิถุนายน 2563 โดยรวมแทบทุกรายการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 หลังจากรัฐบาลผ่อนคลายให้ธุรกิจสามารถกลับมาดำเนินธุรกิจและธุรกรรมต่าง ๆ ได้ในระยะที่ 1-4 ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ประกอบกับ รัฐบาลใช้มาตรการดูแลเยียวยาจากผลกระทบโควิด-19 ที่ได้เยียวยาทั้งประชาชนและภาคธุรกิจ ทำให้ดัชนีความเขื่อมั่นของผู้บริโภคเดือนมิถุนายนจากระดับ 40.2 ในเดือนที่ผ่านมาสู่ระดับ 41.4
ทั้งนี้ แม้ดัชนีความเขื่อมั่นของผู้บริโภคจะปรับตัวดีขึ้นก็ตาม แต่ยังอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 21 ปี หลายรายการด้วยกัน ดังนั้น คาดว่าผู้บริโภคยังคงชะลอการใข้จ่ายอย่างมากไปอย่างน้อยกว่า 3-6 เดือนนับจากนี้เป็นต้นไปจนกว่าสถานการณ์โควิด-19 และสถานการณ์ทางการเมืองจะดีขึ้นกว่านี้ พร้อมกับรัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่เป็นรูปธรรมและชัดเจนให้มากขึ้นที่จะพลิกฟื้นเศรษฐกิจให้กลับมาดีขึ้นได้
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ประชาชนกังวลใจอยู่มาก คือ แม้จะมีมาตรการผ่อนคลายแต่กลัวว่าจะติดการแพร่ระบาดการกลับมาอีกของโควิดรอบ 2 ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจอย่างมากและจะส่งผลภาวะการจ้างงานในอนาคตนับหลายแสนคนได้นั่นหมายถึงจะเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจไทยถดถอยได้ ดังนั้น รัฐบาลจะต้องเร่งนำเงินกว่า 400,000 ล้านบาท เข้าสู่ระบบและการหาแนวทางเสริมสภาพคล่องให้กับภาคธุรกิจเร่งด่วน และเท่าที่ประเมินภาพรวมเศรษฐกิจไทยปีนี้น่าจะเริ่มดีขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 4 ส่งผลให้ทางศูนย์ฯ จะประเมินภาพรวมเศรษฐกิจไทยปีนี้ใหม่และจะเป็นตัวเลขใกล้เคียงกับสถาบันอื่น ๆ ที่มองไว้ คือ จีดีพีไทยปีนี้จะติดลบอยู่ที่ร้อยละ 8-10 จากเดิมอยู่ติดลบที่ร้อยละ 3.5-5 ขณะที่ตัวเลขการส่งออกติดลบอยู่ที่ร้อยละ 8-10 เช่นกัน.-สำนักข่าวไทย