กรุงเทพฯ 2 ก.ค. – ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้า ประเมินอาสาฬหบูชาและเข้าพรรษา เงินสะพัด 5,296 ล้านบาท ขยายตัวต่ำสุดในรอบ 6 ปี จากความกังวลเศรษฐกิจ และการระบาดของโควิด-19
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายของประชาชนในช่วงวันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษาและมาตรการด้านท่องเที่ยวในปัจจุบัน จากกลุ่มตัวอย่าง 1,234 ตัวอย่างทั่วประเทศ พบว่าประชาชนร้อยละ 66.1 คาดว่ากิจกรรมปีนี้จะคึกคักน้อยกว่าปีก่อน เนื่องจากมีความกังวลการแพร่ระบาดของโควิด-19 เศรษฐกิจยังอยู่ในภาวะชะลอตัว มีภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ราคาสินค้าแพงขึ้น และมีภาระหนี้สิ้น ดังนั้น คาดว่าจะมีมูลค่าการใช้จ่ายในช่วงเวลาดังกล่าวประมาณ 5,296 ล้านบาท ติดลบร้อยละ 21 ต่ำสุดในรอบ 6 ปี นับตั้งแต่ปี 2558
สำหรับกิจกรรมที่ประชาชนนิยมทำในวันอาสฬหบูชาแลวันเข้าพรรษามากที่สุด ตักบาตร ,ทำบุญทำทาน, เวียนเทียน, ทานข้าวนอกบ้าน และพักผ่อนอยู่บ้าน ส่วนพรที่จะขอ ได้แก่ ขอให้รัชกาลที่ 10 และพระบรมศานุวงศ์ทุกพระองค์ทรงมีพระพลานามัยที่แข็งแรง ขอให้ชีวิตมีความสุขกาย สบายใจ และสมหวังในสิ่งที่ปราถนา ขอให้สุขภาพร่างกายที่แข็งแรง ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บและครอบครัวมีความสุข
ทั้งนี้ ผลสำรวจดังกล่าวปกติหากไม่มีปัญหาการแพร่ระบาดโควิด-19 เข้ามาการทำบุญของประชาชนจะมีความคึกคัก แต่ปีนี้อยู่ในช่วงแพร่ระบาดของโรค แม้ประเทศไทยจะสามารถป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 ได้เป็นอย่างดี แต่โดยรวมยังกังวลว่าการแพร่ระบาดโควิด-19 ยังไม่ปลอดภัยและเสี่ยงที่จะกลับมาระบาดรอบ 2 ทำให้กังวลที่จะออกมาทำบุญหรือท่องเที่ยวในสถานที่ต่าง ๆ เพราะยังไม่มั่นใจ จึงไม่กล้าจะจับจ่ายใช้สอยอีกด้วย ดังนั้น รัฐบาลจะต้องเร่งหามาตรการที่จะทำให้ประชาชนผ่อนคลายและรู้สึกปลอดภัยที่จะออกเดินทางท่องเที่ยวทั่วไทยว่าจะไม่เกิดปัญหาติดโควิด 19
นอกจากนี้ สิ่งที่ประชาชนยังกังวลและไม่กล้าจับจ่ายใช้สอย คือ จากปัญหาการปิดกิจการที่เกิดจากภาวะเศรษฐกิจกลัวว่าจะถูกเลิกจ้างงานที่มีแนวโน้มสูงขึ้นนั้น ทำให้หลายคนไม่กล้าใช้เงิน เพราะกลัวว่างงานจนขณะนี้ปริมาณเกิดการก่อหนี้เพิ่มมากขึ้น เป็นสิ่งที่รัฐบาลจะต้องเร่งหาทางช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนและเร่งความเชื่อมั่นโดยเฉพาะการเมืองในการปรับ ครม.จะต้องให้มีความชัดเจนมากขึ้นทั้งตัวบุคคลและแนวทางการกระตุ้นภาคธุรกิจและประชาชนให้มากกว่านี้.-สำนักข่าวไทย