กรมพัฒนาธุรกิจการค้าลุยปัตตานี หนุนธุรกิจชุมชนเติบโต

ปัตตานี 3 มี.ค.- อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ลงพื้นที่ จ.ปัตตานี ตรวจเยี่ยมผู้ประกอบการชุมชน 3 กลุ่มธุรกิจแปรรูปอาหารทะเล สมุนไพร และค้าส่งค้าปลีก รับฟังข้อเสนอแนะ เพื่อนำมาวางแผนส่งเสริมพัฒนาผู้ประกอบการเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนใต้ให้เติบโตอย่างยั่งยืน


นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์กล่าวว่า ภารกิจสำคัญของกรมพัฒนาธุรกิจการค้าที่สอดคล้องกับเป้าประสงค์ของนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และนายนภินทร ศรีสรรพางค์รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ลงพื้นที่พบปะผู้ประกอบการทุกกลุ่ม เพื่อเข้าถึงความต้องการของภาคธุรกิจแต่ละพื้นที่ให้ได้มากที่สุด ส่งผลถึงรูปแบบและแนวทางการให้ความช่วยเหลือ ส่งเสริม พัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการอย่างตรงจุด ช่วยขยายช่องทางการตลาดให้หลากหลาย ขจัดปัญหาอุปสรรคทางการค้า อำนวยความสะดวกภาคธุรกิจ รวมทั้ง สร้างความสมดุลธุรกิจผ่านการจ้างงานคนในพื้นที่ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่นให้เกิดการหมุนเวียน สร้างความเข้มแข็งธุรกิจท้องถิ่นระยะยาว

อย่างไรก็ตาม โดยระหว่างวันที่ 29 กุมภาพันธ์ – 2 มีนาคม 2567 กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้นำคณะผู้บริหารลงพื้นที่ จ.ปัตตานี เพื่อดำเนินกิจกรรมสร้างความเข้มแข็งให้ผู้ประกอบการชายแดนใต้ เช่น กิจกรรมลงนามความร่วมมือส่งเสริมสนับสนุนผู้ประกอบการกลุ่มสตรี 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ กิจกรรมการเจรจาธุรกิจระหว่างเทรดเดอร์/บายเออร์จากส่วนกลางกับผู้ประกอบการกลุ่มสตรี 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ผู้ประกอบการชุนชน จ.พัทลุง และ จ.สงขลา รวมทั้ง ได้ลงพื้นที่พบปะผู้ประกอบการ 3 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจแปรรูปอาหารทะเล 1 แห่ง ธุรกิจสมุนไพร 2 แห่ง และธุรกิจค้าส่งค้าปลีก 1 แห่ง เพื่อหารือแนวทางการส่งเสริมสร้างความยั่งยืนแก่ภาคธุรกิจ ตลอดจนรับฟังปัญหา/อุปสรรค ข้อเสนอแนะด้านต่างๆ รวมทั้ง ความต้องการได้รับความช่วยเหลือสนับสนุนจากภาครัฐ


สาเหตุที่เลือก 3 กลุ่มธุรกิจข้างต้น เนื่องจากเป็นธุรกิจที่อยู่ในการส่งเสริมสนับสนุนของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เป็นธุรกิจเป้าหมายที่สร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ และสามารถจ้างงานคนในท้องถิ่นเพื่อเข้ามาทำงานในธุรกิจได้ ซึ่งตรงตามวัตถุประสงค์ของการลงพื้นที่ อีกทั้ง เป็นธุรกิจที่ศักยภาพสูงสามารถพัฒนาให้เป็นหน่วยเศรษฐกิจหลักที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจจังหวัดให้มีความเข้มแข็งอย่างต่อเนื่อง โดยธุรกิจแรกที่ตรวจเยี่ยม คือ บริษัท มาเรียโอเชี่ยน จำกัด เป็นธุรกิจแปรรูปอาหารทะเล ตั้งอยู่ที่ อ.ยะหริ่ง โดย บจ.มาเรียโอเชี่ยนช่วยให้กลุ่มชาวประมงในพื้นที่สามารถขายวัตถุดิบได้ในราคาที่สูงขึ้น เน้นการจ้างงานคนในพื้นที่เป็นหลัก ช่วยสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ ทำให้คนในพื้นที่สามารถพึ่งพาตนเองภายใต้วิถีชีวิตแบบดั้งเดิม ปัจจุบัน มาเรียโอเชี่ยนส่งอาหารทะเลแปรรูปไปจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ โดยนำผลกำไรที่ได้ส่วนหนึ่งกลับมาพัฒนาชุมชนและคนในพื้นที่ให้มีความเข้มแข็งและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยการประกอบธุรกิจจะเน้นผลลัพธ์ให้เกิดแก่ชุมชน 5 ด้าน คือ ด้านเศรษฐกิจชุมชน ด้านคุณภาพชีวิต ด้านการศึกษา ด้านสุขภาพ และด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นการช่วยให้ชุมชนมีความเข้มแข็งอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ บจ.มาเรียโอเชี่ยนเป็นธุรกิจเพื่อสังคมที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างผลลัพธ์ทางสังคมหรือสิ่งแวดล้อมให้แก่ชุมชน โดยได้รับการสนับสนุนจาก จ.ปัตตานี และกรมพัฒนาธุรกิจการค้า มาอย่างต่อเนื่อง

ธุรกิจที่ 2 ธุรกิจสมุนไพร คือ 2.1 เครือข่ายปลูกสมุนไพรลังกาสุกะ ตั้งอยู่ที่ อ.ยะหริ่ง โดยสมุนไพรที่มีชื่อเสียงและเป็นที่นิยม ได้แก่ ฟ้าทะลายโจร ซึ่งสามารถปลูกและเจริญเติบโตได้ดีในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งนี้ ลังกาสุกะ ได้รับการพัฒนาให้เป็น ‘ลังกาสุกะโมเดล’ ที่เข้ามามีบทบาทพัฒนาด้านสาธารณสุขตั้งแต่ปี 2551 โดยนำหลักแพทย์แผนไทยมาใช้ในพื้นที่ เพื่อแก้ไขปัญหาด้านสุขภาพให้คนในชุมชนสามารถเข้าถึงบริการสาธารณสุขที่มีคุณภาพและยาสมุนไพรในราคาไม่แพง รวมถึงช่วยสร้างงาน สร้างอาชีพแก่คนในพื้นที่อย่างเป็นรูปธรรม โดยใช้กระบวนการทำงานแบบมีส่วนร่วม ส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือของเครือข่ายอย่างแนบแน่น ทำให้ชุมชนมีความเข้มแข็งอย่างแท้จริง ในอนาคตจะมีการพัฒนายาสมุนไพรให้เป็นสินค้า ‘พรีเมียม โปรดักส์’ นำไปสู่การเป็นธุรกิจเพื่อสังคมที่ช่วยแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจ แก้ปัญหาทางสังคม และสร้างความยั่งยืนให้ชุมชนอย่างยั่งยืน
2.2 บริษัท ศยาสมุนไพร จำกัด ตั้งอยู่ที่ อ.เมืองปัตตานี เป็นนิติบุคคลที่มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของตนเองมาอย่างต่อเนื่อง ภายใต้แบรนด์ ‘ศยาสมุนไพร’ ปัจจุบันจะผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่เป็นเครื่องสำอางสมุนไพรและผลิตภัณฑ์สำหรับร่างกาย เช่น โรลออน แชมพู สบู่ โลชั่น ยาดม น้ำมันเหลือง น้ำมันนวด และน้ำมันมะพร้าว นอกจากนี้ ยังรับสร้างแบรนด์ให้กับลูกค้าที่ต้องการเริ่มต้นหรือต่อยอดธุรกิจ โดยจะเข้าไปช่วยผลิตและพัฒนาผลิตภัณฑ์จนผ่านการรับรองมาตรฐานจาก อ.ย. มผช. (มาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน) OTOP (โครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ไทย) เครื่องหมายฮาลาล และได้รับรางวัล OTOP 4 ดาว ประจำปี พ.ศ.2562 (สำหรับแชมพู สมุนไพรและโรลออนศยา) ช่วยให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่า ศยาสมุนไพรเป็นแบรนด์คุณภาพ ลูกค้าสามารถใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพได้อย่างปลอดภัย

ธุรกิจที่ 3 ธุรกิจค้าส่ง-ค้าปลีก คือ บริษัท ภรณ์นิเวศน์ ซุปเปอร์สโตร์ จำกัด ผู้ประกอบการห้างซุปเปอร์ดีพาร์ทเม้นท์สโตร์ ตั้งอยู่ อ.เมืองปัตตานี เป็นธุรกิจค้าส่ง-ค้าปลีกท้องถิ่นที่ดำเนินธุรกิจในพื้นที่มานานกว่า 37 ปี ปัจจุบันมีสัดส่วน คือ ธุรกิจค้าส่ง 40% และ ค้าปลีก 60% ส่วนใหญ่เป็นสินค้าอุปโภคบริโภคที่มีความจำเป็นต่อการดำรงชีวิต เน้นขายสินค้าที่ดีมีมาตรฐาน ราคาประหยัด โดยมีการส่งเสริมการขายในรูปแบบต่างๆ เพื่อดึงดูดประชาชนเข้ามาใช้บริการและซื้อสินค้า การบริหารจัดการธุรกิจจะให้ความสำคัญต่อลูกค้าเป็นลำดับแรก และเปิดโอกาสให้พนักงานภายในร้านมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น ทั้งนี้ พนักงานถือเป็นส่วนสำคัญในการทำให้แผนกลยุทธถูกนำไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพ อันจะทำให้องค์กรบรรลุตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ปัจจุบันมีสมาชิกเครือข่ายร้านค้าปลีกประมาณ 50 ร้านค้า และคอยให้คำปรึกษาแนะนำการบริหารจัดการให้แก่ร้านค้าปลีกที่เป็นสมาชิกด้วย บริษัท ภรณ์นิเวศน์ ซุปเปอร์สโตร์ จำกัด ได้เข้าร่วมโครงการพัฒนายกระดับมาตรฐานการบริหารจัดการธุรกิจค้าส่งค้าปลีกกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เมื่อปี 2559 และให้ความร่วมมือในการดำเนินกิจกรรมต่างๆ กับกรมฯ มาอย่างต่อเนื่อง


ทั้งนี้ หลังจากที่ได้รับฟัง พูดคุยถึงรายละเอียด ปัญหา-อุปสรรคของผู้ประกอบการ รวมทั้ง ความต้องการได้รับความช่วยเหลือสนับสนุนจากภาครัฐของทั้ง 3 ธุรกิจแล้ว กรมฯ จะเร่งสรุปปัญหา-อุปสรรค ความต้องการของภาคธุรกิจ พร้อมจัดทำแผนพัฒนาและสนับสนุนธุรกิจแต่ละพื้นที่อย่างครบวงจร โดยเน้นความร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตรทั้งภาครัฐและภาคธุรกิจ พร้อมทั้งจะส่งเสริมให้ภาคธุรกิจนำนวัตกรรมมาใช้เป็นเครื่องมือเพิ่มรายได้ให้กับธุรกิจและประชากรในชุมชน ซึ่งผลจากการลงพื้นที่ในครั้งนี้ ยิ่งมีความเชื่อมั่นว่า ‘ธุรกิจท้องถิ่น’ เป็นแหล่งจ้างงานที่สำคัญในพื้นที่ และเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจท้องถิ่นให้มีความเข้มแข็ง

อย่างไรก็ตาม ขอชื่นชมภาคธุรกิจในจังหวัดที่มีการประกอบธุรกิจด้วยความแข็งแกร่ง โดยสิ่งที่สัมผัสได้จากผู้ประกอบการในพื้นที่ คือ พลังความร่วมมือของคนในพื้นที่ที่ต้องการให้จ.ปัตตานี มีเศรษฐกิจที่เข้มแข็ง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยผลักดันให้ จ.ปัตตานีเติบโตได้อย่างยั่งยืน และขอเชิญชวนนักธุรกิจให้เข้ามาลงทุนใน จ.ปัตตานี เนื่องจากเป็นจังหวัดที่มีความพร้อมทุกด้าน ทั้งศักยภาพของผู้คนในชุมชน แหล่งทรัพยากรในพื้นที่ที่สมบูรณ์ ภาคีเครือข่ายธุรกิจที่เข้มแข็ง สิ่งอำนวยความสะดวกและโครงสร้างพื้นฐานที่เอื้อต่อการลงทุน และที่สำคัญ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้ลดอัตราค่าธรรมเนียมจดทะเบียนธุรกิจลง 50% เป็นระยะเวลา 3 ปี ตั้งแต่ 1 มกราคม 2567 ถึง 31 ธันวาคม 2569 ในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ 5 จังหวัด ได้แก่ ปัตตานี นราธิวาส ยะลา สตูล และสงขลา (เฉพาะอำเภอจะนะ เทพา นาทวี และสะบ้าย้อย) เพื่อบรรเทาค่าใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจ ดึงดูดนักธุรกิจให้เข้าลงทุนในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง และกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจระยะยาว

ปัจจุบัน (ข้อมูล ณ วันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2567) มีนิติบุคคลคงอยู่จำนวนทั้งสิ้น 1,678 ราย ทุนจดทะเบียนรวม 9,454.66 ล้านบาท ประเภทธุรกิจ 5 อันดับแรก ได้แก่ 1) ก่อสร้างทั่วไป 391 ราย ทุน 1,907.10 ล้านบาท 2) การขายปลีกเชื้อเพลิงยานยนต์ในร้านค้าเฉพาะ สถานี ปั๊ม 51 ราย ทุน 290.70 ล้านบาท 3) ธุรกิจจัดนำเที่ยว 51 ราย ทุน 72.55 ล้านบาท 4) ร้านขายปลีกเครื่องประดับ 37 ราย ทุน 564.60 ล้านบาท 5) การติดตั้งไฟฟ้า 32 ราย ทุน 41.00 ล้านบาท และสามารถแบ่งเป็นขนาดธุรกิจได้ ดังนี้ 1) ธุรกิจขนาดเล็ก (S) 1,554 ราย ทุน 5,985.89 ล้านบาท 2) ธุรกิจขนาดกลาง (L) 96 ราบ ทุน 2,352.47 ล้านบาท และ 3) ธุรกิจขนาดใหญ่ 28 ราย ทุน 1,116.30 ล้านบาทเป็นต้น.-514-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผู้ใหญ่บ้านมอบตัว คดียิงชายใหม่ของเมียเก่า ดับคากระบะ

นนทบุรี 20 พ.ค. – ผู้ใหญ่บ้านหึงโหด บุกยิงกิ๊กของอดีตภรรยา 6 นัด เสียชีวิตคารถกระบะ มอบตัวแล้ว เบื้องต้นถูกแจ้งหลายข้อหาหนัก ขณะที่เจ้าตัวฝากขอโทษครอบครัวผู้เสียชีวิต นายอานนท์ อายุ 40 ปี ผู้ใหญ่บ้านแห่งหนึ่งใน อ.องครักษ์ จ.นครนายก หึงโหด บุกยิงนายพลาธิป อายุ 34 ปี อาชีพขับรถส่งหมู ซึ่งเป็นกิ๊กของอดีตภรรยา เสียชีวิตภายในรถกระบะที่จอดอยู่ในซอยลาดปลาดุก ถนนบางไผ่-หนองเพรางาย ต.บางบัวทอง อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี เหตุเกิดเมื่อเวลา 21.30 น.ที่ผ่านมา (19 พ.ค.) จากภาพจะเห็นว่าเมื่อเวลา 21.02 น. เห็นผู้ตายขับรถกระบะมาจอดริมทาง ก่อนมีรถกระบะสีดำอีกคันตามมาจอดปิดท้าย จากนั้นผู้ก่อเหตุอยู่ในชุดสวมเสื้อยืดสีดำ กางเกงขาสั้น เดินลงจากรถ ใช้อาวุธปืนยิงใส่ผู้ตายที่ยังนั่งอยู่ในรถ แล้วหลบหนีไป ช่วงสายที่ผ่านมา (20 พ.ค.) พนักงานสอบสวน สภ.บางบัวทอง เบิกตัวนายอานนท์ ผู้ก่อเหตุ มาสอบปากคำเพิ่มเติมอีกครั้ง หลังเมื่อราวตี […]

ขุดลึกลงไป 5 เมตร ยังไม่พบผู้สูญหาย

กทม. 19 พ.ค.-ทีมค้นหาฝังแผ่นเหล็กชีทไพล์ รอบหลุมเสาเข็ม เพื่อขุดค้นหาผู้ประสบเหตุ ซึ่งขุดลึกลงไป 5 เมตร ยังไม่พบผู้สูญหาย เวลา 17.00 น. เจ้าหน้าที่ทีมค้นหา ทั้ง กรมป้องกัน และบรรเทาสาธารณะภัย (ปภ.) Usar Thailand เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู และบริษัทรับเหมาเจาะเสาเข็ม ได้ใช้แบคโฮ เริ่มฝังแผ่นเหล็กชีทไพล์ ความยาวประมาณ 16 เมตร รอบหลุมเสาเข็ม 4 ด้าน เพื่อป้องกันดินสไลด์ปิดทับปากหลุมที่รถแบ็คโฮจะทำการขุด เพื่อค้นหาผู้ประสบเหตุ โดยการฝั่งแผ่นชีทไพล์ รอบหลุมเสาเข็ม เนื่องจากการประเมินของเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญทางด้านวิศวกรรม พบว่าดินที่สไลด์ลงมาส่งผลกระทบรุนแรงต่อโครงสร้างอาคาร และเสาไฟฟ้า ในบริเวณที่เกิดเหตุ ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันปัญหาอาคารทรุดตัว เอน และ พังถล่ม จึงจำเป็นต้องนำแผ่นชีทไพล์มากั้น ก่อนทำการขุดดิน และเริ่มค้นหาผู้ประสบเหตุ และหลังจากฝังชีทไพล์ เสร็จสิ้นในเวลา 18.30 น. โดยก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ได้นำเครื่องโซน่า ลงไปในหลุม เพื่อค้นหาร่างผู้ประสบเหตุ ซึ่งจากการใช้ โซน่าสแกน ร่างของผู้ประสบเหตุ ฝังอยู่ในหลุมลึก […]

พบศพ “ดีเจเตเต้” ถูกอุ้มมัดมือไพล่หลังทิ้งกลางไร่อ้อย

กาญจนบุรี 18 พ.ค. – พบแล้วศพ “ดีเจเตเต้” ถูกอุ้มมัดมือไพล่หลัง นำศพทิ้งกลางไร่อ้อย เมืองกาญจน์ หลังครอบครัวแจ้งช่วยตามหาตัวตั้งแต่คืนวันที่ 14 พ.ค. ตั้งปมสังหารเรื่องชู้สาว ความคืบหน้ากรณี “ดีเจเตเต้” ถูกขับรถตามประกบ ก่อนอุ้มขึ้นรถหายตัวไป เหตุเกิดเมื่อเวลา 03.53 น. ของวันที่ 14 พ.ค. ภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่งริมถนนแสงชูโต ต.ท่ามะขาม อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ซึ่งหลังเกิดเหตุพ่อของดีเจเตเต้ ได้ออกมาอัดคลิปลงเฟซ บุ๊กเพื่อขอความช่วยเหลือในการตามหาตัวลูกชายที่หายตัวไป ก่อนที่ล่าสุดจะพบว่า กลายเป็นศพอยู่กลางไร่อ้อยเชิงเขาบ้านทุ่งนานางหรอก โดยวันนี้เวลาประมาณ 10.30 น. นายธนพล เสือส่าน กำนันบ้านทุ่งนานางหรอก ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบศพอยู่บริเวณไร่อ้อย หมู่ 3 บ้านทุ่งนานางหรอก ต.ลาดหญ้า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี คนที่ไปเจอ เป็นน้าชายของนายกอล์ฟคนในหมู่บ้าน ที่ออกไปหาของป่าแล้วไปเจอศพ ในสภาพนอนตะแคง ถูกมือถูกมัดไขว้หลัง แล้วมาบอกหลานชายคือนายกอล์ฟไปดูด้วยกัน แล้วนายกอล์ฟจึงแจ้งให้กำนันทราบ ทางกำนันก็แจ้งเรื่องต่อไปยังตำรวจ สภ.ลาดหญ้า ซึ่งเบื้องต้นศพสวมเสื้อผ้าตรงกับที่เป็นข่าว […]

หาความจริง “แก๊งแม่ชีพันล้าน” ยันไม่ใช่เรื่องจริง

สมุทรสาคร 18 พ.ค. – วงการสงฆ์ยังไม่แผ่ว กระแสแก๊งแม่ชีพันล้านโผล่อีก สำนักพุทธลงตรวจสอบแล้ว แม่ชีที่ถูกกล่าวหา ตอบได้ทุกคำถาม ยืนยันไม่ใช่เรื่องจริง จากกระแสเมื่อวานนี้ (17 พ.ค.) มีเพจหนึ่งนำภาพกลุ่มแม่ชีหลายภาพพร้อมกองธนบัตร และภาพแม่ชีที่แอดมินระบุอ้างว่าเป็นการใส่วิกผม มาโพสต์ลงโซเชียล พร้อข้อความเขียนแจงอย่างละเอียดว่า กรณีมีเพจดังโพสต์ภาพแม่ชีพร้อมข้อความระบุข้อความเด็ดว่า ทำนองว่า “แก๊งแม่ชีพันล้านคุมวัดเบ็ดเสร็จไร้เงาพระ! 1. แม่ชี 2 พี่น้องบริหารวัดลำพังไม่มีไวยาวัจกร ไม่มีกรรมการ ไม่มีมัคทายก ครอบครองที่ดินนับพันไร่แต่ชื่อเจ้าของไม่ใช่วัด บางแปลงเป็นชื่อแม่ชี อาจเข้าข่าย “ถือครองแทน” หรือใช้วัดบังหน้า? ยอดกฐินปีละเกือบ 100 ล้าน! รายชื่อผู้บริจาคซ้ำๆ เดิมๆ ส่วนใหญ่เป็นแม่ชี-คนในวัด ไม่มีอาชีพ ไม่มีธุรกิจ แต่ “บริจาคเป็นล้านทุกปี” ระบบโบนัสแม่ชีสาวช่วยหาทุนได้มาก พาเที่ยวรีสอร์ตหรูปีละครั้ง ใส่วิกเต็มยศ นั้น วันนี้ผู้สื่อข่าวพร้อม นส.สวาท แซ่ตัน ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนา จ.สมุทรสาคร นายอิทธิธร สีเหลือง นักวิชาการศาสนาปฏิบัติการ เดินทางไปที่วัดที่แม่ชีในภาพบวชอยู่ ต.บางโทรัด […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ หารือภาคท่องเที่ยวอังกฤษ เปิดตลาดใหม่ ดึง นทท.เข้าไทย

ลอนดอน 22 พ.ค. – นายกฯ หารือภาคท่องเที่ยวอังกฤษ เปิดตลาดท่องเที่ยวใหม่ ดึงนักท่องเที่ยวเข้าไทย ตั้งเป้าปี Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025 ทำให้เป็น Tourism Hub ระดับโลก ชี้ 4 เดือนแรก นักท่องเที่ยวยุโรปเข้าไทยแล้วกว่า 3.5 ล้านคน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หารือร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) บริษัทท่องเที่ยวของสหราชอาณาจักร ผู้บริหารสายบิน เป็นต้น เพื่อผลักดันการท่องเที่ยวของไทย จากนั้น น.ส.แพทองธาร โพสต์ข้อความทางโซเชียลมีเดียว่า ปีนี้ไทยตั้งเป้าเป็นปี Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025 ทำให้ไทยเป็น Tourism Hub ระดับโลก ที่ผ่านมารัฐบาลทำแคมเปญหลายอย่าง โดยเฉพาะการมุ่งเป้าทำให้การใช้จ่ายจากนักท่องเที่ยวต่างชาติต่อคนต่อทริป (Spending […]

ปลาติดเชื้อจากสารเคมีปนเปื้อนในแม่น้ำกก

เชียงราย 22 พ.ค. – วิกฤติน้ำกก หลังพบสารหนู-สารเคมีปนเปื้อนจากการทำเหมืองแร่ ลุกลามไปแม่น้ำสายและแม่น้ำโขงแล้ว ล่าสุดตรวจพบปลาในแม่น้ำมีอาการผิดปกติที่ผิวหนัง ส่วนช้างอาบน้ำในน้ำกกมีผื่นและตุ่มใส ติดเชื้อจนเกิดแผล หลังจากมีการตรวจสอบหาสารหนู และสารเคมีอื่นๆ ในแม่น้ำกก แม่น้ำสาย และแม่น้ำโขง ทำให้พบว่ามีปริมาณเกินกว่ามาตรฐานหมายเท่าตัว จากการทำเหมืองแร่ในรัฐฉาน ประเทศเมียนมา และตรวจพบปลาในแม่น้ำมีอาการผิดปกติที่ผิวหนัง ซึ่งทางกรมประมงได้ติดตามการติดเชื้อของปลาในแม่น้ำทั้ง 3 สาย โดยนำปลาที่ชาวประมงพื้นบ้านจับได้จากแม่น้ำกก แม่น้ำสาย และแม่น้ำโขง นำมาตวรจสอบหาสารตกค้าง และเชื้อโรคที่ปลาได้รับ เพื่อป้องกันการติดเชื้อสู่มนุษย์ หากนำไปบริโภค นายสมเกียรติ เขื่อนเชียงสา นายกสมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิต เปิดเผยว่าสมาคมพยายามจะมอนิเตอร์ปลาในแม่น้ำกก แม่น้ำรวก แม่น้ำโขง เพื่อติดตามว่ามีการติดเชื้อแพร่กระจายไปถึงไหนบ้าง เพื่อจะเก็บตัวอย่างรีบส่งให้กับทางกรมประมง ในการตรวจหาสาเหตุภายในของปลาว่ามีเชื้ออะไรบ้าง ซึ่งต้องใช้เวลาในการตรวจสอบ ป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบต่อผู้ใช้น้ำ ซึ่งขณะนี้เกิดความวิตก และกังวลใจของชาวประมงที่ได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก ที่ต้องหาปลาในแมน้ำ เมื่อเกิดสถานการณ์ขึ้นการค้าขายปลาเกิดผลกระทบ ทางเศรษฐกิจในชุมชน คนไม่นิยมปลาจากแม่น้ำ ทำให้ขาดรายได้เลี้ยงชีพ นอกจากนี้ที่บ้านรวมมิตร ตำบลแม่ยาว อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย พบว่าน้ำในแม่น้ำกกมีลักษณะขุ่นจัด เมื่อเทียบกับลำห้วยสาขาที่ไหลลงสู่แม่น้ำ ซึ่งมีน้ำใสกว่ามาก เทศบาลตำบลแม่ยาวได้เร่งติดตั้งป้ายเตือนประชาชน […]

“ยิ่งลักษณ์” โพสต์ตัดพ้อ ต้องชดใช้หนี้ที่ไม่ได้ก่อ

กรุงเทพฯ 22 พ.ค.-“ยิ่งลักษณ์” โพสต์หลังศาลปกครองสูงสุด สั่งชดใช้ 10,028 ล้านคดีจำนำข้าว ตัดพ้อ ต้องชดใช้หนี้ที่ไม่ได้ก่อ รับภาระหนี้จากฝ่ายปฏิบัติ ลั่นหนี้หมื่นล้านชดใช้ทั้งชีวิตยังไงก็ไม่มีวันหมด ทำเพื่อชาวนากลับมีบทสรุปที่เจ็บปวด นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความภายหลัง ศาลปกครองสูงสุด มีคำพิพากษาให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตฐานะประธานกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติต้องชดใช้ค่าเสียหายส่วนระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี 10,028 ล้านบาท ว่า “เรียน พี่น้องประชาชนที่เคารพ วันที่ 22 พฤษภาคมปีนี้ เป็นวันครบรอบ 11 ปี รัฐประหาร ซึ่งถือเป็นการยึดอำนาจอธิปไตยของประชาชนทั้งประเทศ และเป็นวันที่ศาลปกครองสูงสุด อ่านคำวินิจฉัยให้ดิฉันต้องชดใช้หนี้กว่า 10,000 ล้านบาท จากคดีระบายข้าว ทั้งที่ดิฉันไม่ได้เป็นจำเลยในคดีนี้ และศาลปกครองกลางได้เคยวินิจฉัยว่าดิฉันไม่ต้องชดใช้ค่าเสียหายในกรณีดังกล่าวมาแล้ว จากคำตัดสินของศาลปกครองสูงสุดในวันนี้ ทำให้ดิฉันต้องชดใช้หนี้ที่ตัวเองไม่ได้ก่อ ความเป็นหัวหน้าฝ่ายบริหารที่ต้องมารับภาระหนี้ที่เกิดจากการระบายข้าวของฝ่ายปฏิบัติ โดยที่ตัวเองไม่ได้เกี่ยวข้องกับกระบวนการเหล่านั้นแต่อย่างใด และศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ก็พิพากษาในคดีของดิฉันว่า ปล่อยปละละเลยในการบริหารโครงการรับจำนำข้าวเท่านั้น นโยบายรับจำนำข้าว เป็นนโยบายของพรรคเพื่อไทย และเป็นนโยบายที่คณะรัฐมนตรีแถลงต่อรัฐสภา ซึ่งรัฐธรรมนูญกำหนดให้ต้องปฏิบัติ มีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศจากฐานราก […]

ศาลปกครองสูงสุด สั่ง “ยิ่งลักษณ์” ชดใช้หมื่นล้านบาท

22 พ.ค. – ศาลปกครองสูงสุด พิพากษาให้ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ชดใช้ความเสียหาย 10,028 ล้านบาท จากคดีโครงการรับจำนำข้าว ที่ ก.คลัง ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลปกครองกลาง ศาลปกครองสูงสุดนัดออกบัลลังก์ อ่านคำพิพากษาคดีที่กระทรวงการคลัง ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลปกครองกลางที่สั่งเพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลังที่ 1351 /2559 ลงวันที่ 13 ตุลาคม 2559 ที่ให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน กรณีปล่อยให้มีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว และเพิกเฉยไม่ระงับยับยั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ราชการ เป็นเงิน 35,717 ล้านบาท ศาลปกครองสูงสุด พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลปกครองชั้นต้น ให้เพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลังเฉพาะส่วน ให้ชดใช้จำนวน 10,028 ล้านบาท และเพิกถอนคำสั่งยึดอาญัติทรัพย์สิน เพื่อขายทอดตลาด และคำสั่งอื่น โดยเห็นว่า คำสั่งดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย คำอุทธรณ์ฟังขึ้นบางส่วน ศาลพิจารณาว่าไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนในการจำนำข้าวเปลือกนาปี แต่ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนความเสียหายการระบายข้าวโดยวิธีการขายแบบรัฐต่อรัฐหรือ จีทูจี จากความเสียหาย 20,057 ล้านบาท เพราะประมาทเลินเล่อ ก่อให้เกิดความเสียหาย และต้องกำหนดสัดส่วนรับผิด ร้อยละ 50 […]