ไทยเร่งสำรวจแหล่งแร่ลิเทียมรองรับการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า

กรุงเทพฯ 18 เม.ย. – กพร.ระบุขณะนี้ผู้ประกอบการเหมืองแร่ไทยได้ร่วมทุนกับต่างชาติเดินหน้าสำรวจแร่ลิเทียม เพื่อรองรับตลาดการผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมที่ใช้ในอุปกรณ์ต่าง ๆ รวมถึงรถยนต์ไฟฟ้าที่จะมีการผลิตเพิ่มขึ้นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า 



นายวิษณุ ทับเที่ยง อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.)  เปิดเผยว่า คณะกรรมการแร่ที่ตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2560 ชุดแรก ได้เริ่มพิจารณาและอนุมัติคำขอทำเหมืองแร่ตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยให้ความเห็นชอบคำขออาชญาบัตรพิเศษในการสำรวจแหล่งแร่ลิเทียม  แร่เพื่อนของแร่ดีบุก ที่ยังไม่มีการผลิตในประเทศไทยที่เป็นวัตถุดิบในการผลิตแบตเตอร์รี่ลิเทียมสำหรับใช้ในอุปกรณ์ต่าง ๆ บนพื้นที่แปลงสำรวจในจังหวัดพังงา บนพื้นที่ 10,000 ไร่ ใกล้กับแหล่งแร่ดีบุกเดิมที่คาดว่าจะมีแร่ลิเทียม ซึ่งเป็นแร่เพื่อนของแร่ดีบุก โดยมีระยะเวลาสำรวจ 5 ปีนับจากนี้ไป และจะมีการรายงานผลการสำรวจให้ กพร.ทุก 6 เดือน หากพบว่ามีปริมาณแร่คุ้มค่าเชิงพาณิชย์จะดำเนินการขอทำเหมืองแร่ลิเทียมต่อไป นับเป็นการเตรียมการรองรับตลาดความต้องการแร่ลิเทียมที่จะใช้เป็นวัตถุดิบสำหรับผลิตแบตเตอรี่ลิเทียม รวมถึงการผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าที่จะมีการผลิตในประเทศไทยมากขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้


สำหรับผลการทำงานของคณะกรรมการแร่ชุดแรกที่ตั้งตาม พ.ร.บ.แร่ พ.ศ. 2560 ล่าสุดในช่วง 6 เดือนแรกปีงบประมาณ 2562 (ต.ค.61-มี.ค.62) ได้เห็นชอบคำขอประทานบัตร ต่ออายุประทานบัตร โอนประทานบัตรและขออาชญาบัตรที่คั่งค้างปีที่ผ่านมาประมาณ 60 แปลง และเดือนเมษายนนี้จะประชุมอีกครั้ง เพราะจะมีการประชุมเดือนละ 1 ครั้ง คาดว่าจะเห็นชอบคำขออีกประมาณ 10 แปลง รวมประมาณ 70 แปลง คาดว่าตลอดปีงบประมาณ 2562 คณะกรรมการแร่จะเห็นชอบคำขอรวม 150 แปลง โดยเป็นคำขอทำเหมืองแร่ใหม่และต่ออายุเหมืองแร่เดิมในจำนวนที่เท่ากัน ส่วนใหญ่เป็นการทำแร่หินก่อสร้าง หินนำไปผลิตปูนซีเมนต์ เหมืองหินอ่อนและแร่ยิปซั่ม เป็นต้น ส่วนการแสดงความเห็นในสื่อต่าง ๆ ถึงกรณีที่คณะรัฐมนตรีพิจารณาผ่อนผันการใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 เพื่อทำเหมืองแร่นั้น ยืนยันว่าเป็นการขอทำเหมืองในพื้นที่ทำเหมืองเดิม จึงไม่เป็นการทำลายสิ่งแวดล้อมและรบกวนสัตว์ป่า 

ด้านค่าภาคหลวงแร่ปีนี้ คาดว่าจะสามารถเก็บได้กว่า 4,000 ล้านบาท สูงกว่าปีที่ผ่านมาเล็กน้อย เนื่องจากประเมินว่าผลจากการที่รัฐบาลเดินหน้าโครงการก่อสร้างต่าง ๆ เช่น โครงการรถไฟทางคู่ มีการใช้หินก่อสร้างเพิ่มขึ้น ทำให้สามารถเก็บค่าภาคหลวงแร่เพิ่มขึ้นตามไปด้วย. -สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง