กรุงเทพฯ 18 ก.ค. – รมช.คลัง เผยเตรียมปรับโครงสร้างภาษีแบบขั้นบันได หนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ใช้ Local Content เสียภาษีลดลง พร้อมเร่งดูแลตลาดรถมือสอง ชี้ supply chain ลดลง ยอมรับสงครามหั่นราคารถอีวี กระทบตลาดรถมือหนึ่ง เผยบอร์ดอีวีเตรียมถกเรื่อง NETA ด้านนายกสมาคม EV ชี้เป็นบทเรียนสำคัญ
นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวภายในงานแถลงข่าว “เจาะลึกธุรกิจรถยนต์ใช้แล้ว รวมพลังฝ่าวิกฤต” ว่า แม้ไทยเคยเป็นแชมป์อุตสาหกรรมยานยนต์มานาน แต่ช่วงที่ผ่านมาเห็นภาวะการชะลอตัว จากการเข้ามาของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ทำให้อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยต้องเร่งปรับตัว โดยการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยทั้งระบบเพื่อให้สามารถฟื้นตัวและสามารถแข่งขันได้นั้น จะต้องเริ่มปรับ จากการเพิ่มสัดส่วนของการใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตในประเทศไทย หรือ Local Content เพื่อนำไปประกอบเป็นรถยนต์ให้มากขึ้น เนื่องจากปัจจุบันใน อุตสาหกรรมยานยนต์ พบปัญหาการใช้ Local Content ลดลง ในยุคที่มีการนำเข้ารถยนต์เข้ามากขึ้น ส่งผลทำให้การผลิตในประเทศลดลง จึงทำให้ไทยสูญเสียผลประโยชน์
ดังนั้นรัฐบาลจึงมีหน้าที่สนับสนุน อุตสาหกรรมยานยนต์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมการผลิตในประเทศ หรือ Local Content ซึ่งกระทรวงการคลัง โดยกรมสรรพสามิตอยู่ระหว่างศึกษาโครงสร้างภาษี ส่งเสริมสัดส่วนการใช้ชิ้นส่วนวัตถุดิบในประเทศ (Local Content) ให้มากขึ้น ยิ่งใช้มาก ก็จะได้รับอัตราภาษีที่ลดภาษีมาก เพื่อสร้างแรงจูงใจให้เกิดการผลิตชิ้นส่วน หรือนำชิ้นส่วนที่ผลิตในประเทศไทยมาประกอบเป็นรถยนต์มากยิ่งขึ้น ส่งผลต่อ การจ้างงาน ของแรงงานไทยเพิ่มขึ้น สำหรับกรอบอัตราภาษีที่เหมาะสม อยู่ในขั้นตอนการศึกษา โดยจะคิดแบบขั้นบันได ตามสัดส่วนการใช้ชิ้นส่วน Local content ในรถยนต์แต่ละคัน ส่วนมาตรการดังกล่าวจะครอบคลุมถึงรถยนต์ไฟฟ้าด้วยหรือไม่นั้น จะต้องศึกษารายละเอียดอีกครั้ง ซึ่งจะเร่งหาข้อสรุปโดยเร็วที่สุด

ขณะที่ความคืบหน้ามาตรการดูแลรถยนต์โดยสาร หรือ Passenger car กระทรวงการคลังดูแลมาตรการภาษี สำหรับรถใช้น้ำมันไป ส่วนรถ EV จะได้รับการสนับสนุนในระยะต่อไป
ทั้งนี้ มองว่าเราจะก้าวสู่ยุคของ EV ด้วยอัตราเร่งที่เหมาะสม โดยจะต้องไม่ทำลายอุตสาหกรรมที่มีอยู่เดิม ที่มีอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง รวมถึง SMS และแรงงาน ซึ่งต้องยืนอยู่ต่อไปให้ได้ พร้อมย้ำว่าสิ่งที่รัฐบาลอยากเห็นรถยนต์ที่นำเข้าทั้งรถยนต์ไฟฟ้า หรือรถยนต์สันดาป ต้องมีการผลิตในประเทศให้สูงขึ้น
ส่วนนโยบายเกี่ยวกับรถมือสอง ยอมรับว่าตลาดรถมือสองชะลอตัวจาก supply chain ที่ลดลง และผลกระทบจากตลาดรถมือหนึ่งที่ชะลอลง มองว่า หัวใจสำคัญอยู่ที่ความเชื่อมั่น หากทำให้ผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นในคุณภาพของรถมือสอง ก็เชื่อว่าจะสามารถทำให้ตลาดรถมือสองฟื้นตัวได้ หากเราร่วมมือกันกับหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญมามาช่วยจัดคุณภาพของรถมือสองนั้น ก็จะเป็นส่วนช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคในการตัดสินใจเลือกซื้อรถมือสองได้
นายเผ่าภูมิ ยังกล่าวถึงความคืบหน้ากรณีบริษัทรถยนต์ไฟฟ้าเนต้า (NETA) ที่ไม่สามารถผลิตรถยนต์ไฟฟ้าชดเชยได้ ตามมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า (EV 3.0) ว่า อยู่ระหว่างการเตรียมนำเข้า คณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ (บอร์ด EV) และเชื่อว่า เมื่อเข้าสู่กระบวนการเจรจาแล้วใช้เวลาดำเนินการไม่นาน
ด้านนายสุโรจน์ แสงสนิท นายกสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย กล่าวว่า กรณี NETA ถือเป็นบทเรียนสำคัญ เชื่อว่ารัฐบาลจะมีทางออกเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำรอย ส่วนผู้บริโภคที่ซื้อรถยนต์ NEtA ไปแล้วนั้น ตนเองมองว่าไม่ค่อยน่ากังวลเท่าไหร่ เนื่องจากในประเทศไทยมีอู่ซ่อมรถที่มีช่างมีฝีมืออยู่ค่อนข้างมาก และเชื่อจะสามารถช่วยเหลือผู้บริโภคได้ อย่างไรก็ตาม บทเรียนจาก NETA ทำให้สมาคมฯ มีการวิเคราะห์ข้อมูลเพิ่มเติมมากขึ้น และเชื่อว่าภาครัฐหาวิธีดูแลเข้มงวดมากยิ่งขึ้น.-516-สำนักข่าวไทย