“ธนาธร” ยกทรัพย์สิน 5,000 ล้านให้เอกชนจัดการ

พรรคอนาคตใหม่ 18 มี.ค.- “ธนาธร” ลงนามจัดการทรัพย์สิน บลายด์ ทรัสต์ ยกทรัพย์สินมูลค่ากว่า 5,000 ล้าน ให้เอกชนจัดการ แก้ข้อครหา เล่นการเมืองเพื่อธุรกิจครอบครัว เผย มารดา เตรียมขายหุ้นมติชน พร้อมมั่นใจ พรรคอนาคตใหม่ มี ส.ส. เขตแน่ ย้ำไม่ใช่พรรคเก็บคะแนนปาร์ตี้ลิสต์


นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ แถลงแนวทางการจัดการทรัพย์สินของตนก่อนเข้าสู่ตำแหน่งทางการเมือง พร้อมลงนามเอกสาร MOU ร่วมกับบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนส่วนบุคคล หรือที่เรียกว่า บลายด์ ทรัสต์ คือการนำทรัพย์สินตนเอง ไปให้บริษัทจัดการทรัพย์สินดูแล  โดยไม่มีอำนาจสั่งการ และมองไม่เห็น เพื่อต้องการที่จะปฏิบัติหน้าที่ ในฐานะผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ด้วยความซื่อสัตย์ และสุจริตใจ  ไม่เบียดบังเวลาราชการไปประกอบธุรกิจ และปฏิเสธการใช้ช่องว่างของบทบัญญัติแห่งกฎหมายในการกระทำอันเป็นการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ส่วนรวม 

นายธนาธร ระบุว่า จะเป็นการสร้างมาตรฐานจริยธรรมทางการเมืองใหม่ แก้ข้อสงสัย ลบข้อครหา ว่าตนเข้ามาทำการเมือง เพื่อธุรกิจครอบครัวหรือไม่ ซึ่งการทำเช่นนี้ ข้อดี จะได้ไม่วอกแวก มีบุคคลมาดูแลทรัพย์สินให้ จะได้ทุ่มเทการเมืองเต็มที่  พร้อมย้ำว่า มาเพื่ออุดมการณ์ ไม่ใช่ทำให้ตัวเองหรือครอบครัวรวยขึ้น


นายธนาธร กล่าวอีกว่า  จะเก็บทรัพย์สิน ไว้บ้างเฉพาะที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวัน ส่วนหุ้นทั้งหมด การลงทุนทั้งหมด ยกให้บริษัทจัดการกองทุนดูแล ทั้งนี้ตนอยากยกระดับมาตรฐานที่สูงกว่ากฎหมายไทย ที่แค่ สั่งไม่ได้  แต่ต้อง มองไม่เห็นด้วย  ซึ่งต้องทำสัญญา ความเสี่ยง พร้อมแต่งตั้งสถาบันการเงินที่น่าเชื่อถือ ที่เป็นบุคคลที่สาม มากำกับดูแลอีกขั้น แต่ไม่สามารถสั่งการได้ จะเจอทรัพย์สิน ตนเองอีกครั้ง ก็ต่อเมื่อ เลิกเล่นการเมือง ซึ่งปลายเดือนพฤษภาคม ก็คาดว่าการโอนย้ายทรัพย์สิน จะแล้วเสร็จ ส่วนมูลค่าทรัพย์สินจะมากน้อยเท่าใดนั้น นายธนาธร ระบุว่า อีกประมาณหนึ่งเดือนถึงจะเช็คยอดได้ทั้งหมดแต่ก็คงอยู่ในกรอบ 5,000 ล้านบาท บวกลบ ส่วนจะมากน้อยแค่ไหน เมื่อเป็น ส.ส. ก็คงต้องชี้แจง 

“ในข้อสัญญา จะระบุชัด ว่า จะไม่ซื้อหุ้นไทยทุกตัว ในตลาดหลักทรัพย์  และการจัดการกองทุนนี้ จะปลดล็อก จนกว่า ธนาธร พ้นตำแหน่งทางการเมืองไปแล้ว 3 ปี   รวมถึงกรณีของนางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ  ผู้เป็นมารดา ที่จะขายหุ้นสื่อมวลชน (มติชน) ในระยะเวลาอันใกล้นี้ ขอย้ำว่า เมื่อครั้งที่ผมเป็นกรรมการบริหารมติชน ก็ทำอย่างสุจริต ช่วยผลักดันในหลายปี เมื่อพฤษภาคม ปีที่แล้ว ที่ลาออกมาครอบครัวจึงรุ่งเรืองกิจ  ก็ไม่ได้ส่งใครไปนั่งเป็นกรรมการบริหาร แทนตำแหน่งผมที่ว่างไป ซึ่งแม่ผม ก็จะขายหุ้น เพื่อให้ สังคมสบายใจ”นายธนาธร กล่าว

ส่วนกรณีของกลุ่มบริษัทไทยซัมมิท  นั้น นายธนาธร ย้ำว่า เป็นธุรกิจเปิดเสรี คู่แข่ง ไม่มีคนไทย แต่แข่งขันกับต่างชาติ และ ไม่เคย เข้าไปเป็นคู่สัญญากับรัฐ แทบจะ 100 เปอร์เซ็นต์ ลูกค้าอยู่ต่างประเทศ ที่ผ่านมา กลุ่มบริษัท ไม่ได้มีรายได้หลัก จากลูกค้าภาครัฐ  ซึ่งหากในอนาคต ไทยซัมมิท จะไปเป็นคู่สัญญากับภาครัฐ ก็อยากให้สื่อ ประชาชน ช่วยกัน ตรวจสอบ เพราะตนเองไม่สามารถไปยุ่งเกี่ยวได้ และออกมาจากบริษัทแล้ว และหากในอนาคต ตนมีตำแหน่งทางการเมือง ก็จะไม่เข้าไปร่วมตัดสินใจ ในเรื่องที่ไทยซัมมิท  ทำกับรัฐ 


ส่วนการจัดการทรัพย์สินครั้งนี้นายธนาธร กล่าวว่า เป็นเพราะมีบทเรียนจากนักการเมืองในอดีตที่เป็นนักธุรกิจอย่างนายทักษิณ ชินวัตร หรือไม่นั้น นายธนาธร ระบุ ไม่ได้คิดว่า เฉพาะนายทักษิณ   ส่วนที่หลายคนมองและเปรียบเทียบนายธนาธรกับนายทักษิณ เหมือนกันนั้น นายธนาธร กล่าวว่า การที่จะไม่ทำแบบนายทักษิณ คือ ซื่อตรง เมื่อลาออกแล้ว ลาออกจริง ไม่เคยกลับไปยุ่งกับธุรกิจ เชื่อมั่นในเกียรติของตัวเองเพียงพอ แบ่งเส้นธุรกิจ กับการเมืองชัดเจน เพราะรวยขึ้นอีกพันล้าน ไม่คุ้มกับความด่างพร้อย  และทำลายความฝันเปลี่ยนแปลงประเทศ  ส่วนด้านการเมือง ความต่างคือ เราไม่ได้แก้ปัญหาเชิงประเด็น แต่ทำในเชิงโครงสร้าง ไม่ใช่พรรคที่มีนโยบายเชิงประเด็น

ส่วนการที่ออกมาจัดการทรัพย์สิน ในช่วงโค้งสุดท้ายเลือกตั้งนั้น นายธนาธร กล่าวว่า เหลืออีก 6 วัน อะไรก็เกิดขึ้นได้ ไม่ได้หมายความว่า การกระทำเช่นนี้ เพราะ ดีลร่วมรัฐบาลกับใครแล้ว ตกลงกับใครแล้ว ไม่มีคุย หรือต่อสายตรง ซึ่งภารกิจแรก ต้องเปิดประตูประชาธิปไตย หยุดสืบทอดอำนาจ คสช.  แก้รัฐธรรมนูญ 2560 ย้ำ ไม่ร่วมพรรคพลังประชารัฐ  พรรคเดียว 

สำหรับภาพจับมือคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำ พรรคเพื่อไทย อย่างเหนียวแน่นที่ลานโพธิ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นั้น นายธนาธร ระบุ ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ  ส่วนตัวเคารพทุกคน  และจุดยืนพรรคอนาคตใหม่ กับพรรคเพื่อไทย จะเป็นคู่แข่ง หรือเป็นแนวร่วมนั้น ทุกพรรคไม่ใช่ศัตรู แต่เป็นคู่แข่งขันเพื่อหาคะแนน 

นายธนาธร ยังกกล่าวทิ้งท้ายว่า พรรคอนาคตใหม่จะมีส.ส.เขตแน่นอน และมีทุกภาคด้วย ย้ำว่าไม่ใช่พรรคที่เก็บคะแนนปาร์ตี้ลิสต์และเชื่อมั่นว่าการเลือกตั้งที่จะถึงนี้จะมีประชาชนมาใช้สิทธิ์มากที่สุดเป็นประวัติการณ์ .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ทั่วไทยฝนตกหนัก เตือน 5 จังหวัดเสี่ยงรับมือ

กทม. 23 ส.ค.- กรมอุตุฯ เผยทั่วไทยฝนตกหนัก เตือน 5 จังหวัดเสี่ยงรับมือ เฝ้าระวัง “พายุดีเปรสชัน” มีแนวโน้มทวีกำลังแรงเป็นพายุโซนร้อน กระทบไทย 24-27 ส.ค.นี้ กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดตาก จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก และฝนตกสะสมที่อาจเกิดขึ้นในระยะนี้ไว้ด้วย เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศลาวตอนบน และเวียดนามตอนบน สำหรับบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบนมีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน และจะขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามและประเทศลาวตอนบน ในช่วงวันที่ 25–26 ส.ค. 68 ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มมากขึ้น กับมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ กับมีลมแรงบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคเหนือ ในช่วงวันที่ 24–27 ส.ค. 68 -สำนักข่าวไทย

โปรดเกล้าฯ 6 บิ๊ก ขรก.มหาดไทย “ขจรเกียรติ” นั่งอธิบดีกรมที่ดิน

ทำเนียบ 23 ส.ค.- โปรดเกล้าฯ 6 บิ๊กข้าราชการมหาดไทย “ขจรเกียรติ” นั่งอธิบดีกรมที่ดิน ด้าน “เชษฐา” เป็นอธิบดี ปภ. ราชกิจจานุเบกษา ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงมหาดไทย พ้นจากตำแหน่ง และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน 6 ราย ดังนี้ ตั้งแต่วันที่ 21 ส.ค.2568 เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 22 ส.ค.2568 ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี -สำนักข่าวไทย

จับอดีตหัวหน้าพรรคการเมืองโกงเงินอุดหนุน ก่อนหนีกบดานลาว

22 ส.ค. – ตำรวจภูธรภาค 1 จับอดีตหัวหน้าพรรคการเมือง โกงเงินอุดหนุน 17.6 ล้านบาท หนีกบดานลาว ก่อนจนมุมถูกจับกุมได้ พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (ผบช.ภ.1), พล.ต.ต.นราเดช ทิพย์รักษ์ รอง ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.วรชาติ แสนคำ ผบก.สส.ภ.1, พล.ต.ต.ธรรมนูญ เชาวะวนิชย์ ผบก.ภ.จว.สระบุรี และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พระพุทธบาท, ตม.จว.หนองคาย, กกต.จว.หนองคาย ร่วมกันจับกุม นายพีระวิทย์ อายุ 47 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ สืบเนื่องจากเมื่อปี 2562 นายพีระวิทย์ เป็นหัวหน้าพรรคการเมือง รับเงินอุดหนุนพรรคการเมือง เพื่อพัฒนาพรรคการเมือง จำนวนประมาณ 17.6 ล้านบาท โดยไม่มีการทำหลักฐานการเบิกจ่าย ทำให้ กกต. เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายพีระวิทย์ และเหรัญญิกพรรค ต่อมาผู้ต้องหาทั้งสองเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน สภ.พระพุทธบาท โดยเลื่อนการเข้าให้ปากคำและแสดงหลักฐานการเบิกจ่ายเงิน และต่อมาผู้ต้องหาทั้งสองได้หลบหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงออกหมายจับในข้อหา […]

“ธีรรัตน์” สั่งผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ สแตนด์บาย 24 ชม. รับพายุคาจิกิ

กทม. 22 ส.ค.- “ธีรรัตน์” สั่งการผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ สแตนด์บายรับมือผลกระทบ “พายุคาจิกิ” ตลอด 24 ชั่วโมง ย้ำ ประชาสัมพันธ์ข้อมูลให้ประชาชนรับรู้และเตรียมพร้อมอย่างต่อเนื่อง นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า กระทรวงมหาดไทยโดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ติดตามสภาวะอากาศร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับผลกระทบพายุโซนร้อน “คาจิกิ” ซึ่งพบว่าพื้นที่บางส่วนมีความเสี่ยงต้องเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขังในเขตชุมชนเมืองที่เกิดน้ำท่วมขังซ้ำซาก ระหว่างวันที่ 24 – 28 สิงหาคม 2568 ในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ 45 จังหวัด และกรุงเทพมหานคร นางสาวธีรรัตน์ ได้สั่งการผู้ว่าราชการจังหวัด 45 จังหวัด และศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต รวมถึงกรุงเทพมหานคร กำชับให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน และสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด พร้อมกำชับให้จัดทีมปฏิบัติการพร้อมเครื่องจักรกลสาธารณภัยเข้าประจำพื้นที่เสี่ยง เพื่อเข้าเผชิญเหตุและให้การช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงทีตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมประกาศแจ้งเตือนและปิดกั้นพื้นที่ไม่ให้บุคคลใดเข้าพื้นที่หากพบว่ามีความเสี่ยง ในส่วนพื้นที่ชายฝั่ง ให้สั่งห้ามนักท่องเที่ยวเล่นน้ำและห้ามเดินเรือทุกชนิดหากสถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรง “ให้ผู้ว่าฯ […]

ข่าวแนะนำ

ทีมทนายวัดพระบาทน้ำพุแจงปม “หลวงพ่ออลงกต” สวมบัตร ปชช. คนตาย

ลพบุรี 24 ส.ค. – วัดพระบาทน้ำพุ ตั้งโต๊ะแถลง ยืนยันเลขบัตรประชาชนของ “หลวงพ่ออลงกต” ไม่ซ้ำกับ “อลงกต พลมุข” ปัดตอบปมเลขบัตรประชาชนผู้เสียชีวิต ผูกพร้อมเพย์บัญชีมูลนิธิฯ ขอไปตรวจสอบก่อน ส่วนทางคดี จับตาสัปดาห์หน้า จะมีผู้ถูกดำเนินคดีมากกว่า 1 คน วันนี้ ที่วัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี นายศุภชัย สิงคาลวานิช หัวหน้าทีมทนายความของวัดพระบาทน้ำพุ พร้อมตัวแทนมูลนิธิต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับวัดพระบาทน้ำพุ ร่วมกันแถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริงต่างๆ เป็นครั้งแรก โดยบอกว่าวันนี้ หลวงพ่ออลงกตไม่ได้หลีกเลี่ยงที่จะมาให้สัมภาษณ์ แต่ครั้งนี้มีข้อมูลมาก มีปัญหาเรื่องข้อกฎหมายและปัญหาที่ซับซ้อนหลายอย่าง หากตอบไปอาจกระทบต่อคดี และยืนยันว่า หลวงพ่อมีเจตนาบริสุทธิ์ในการช่วยเหลือผู้ป่วย เด็กกำพร้า ผู้สูงอายุ ผู้ด้อยโอกาส กลุ่มเปราะบางในสังคม ซึ่งขณะนี้สังคมเข้าใจผิดในหลายเรื่อง เพราะเกิดการชี้นำของหลายเพจ กลุ่มผู้มีอิทธิพลในบางสื่อ นำเรื่องมาปะติดปะต่อจนสร้างความเสียหาย ส่วนประเด็นที่กำลังเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ เรื่องที่หลวงพ่ออลงกต สวมชื่อและเลขบัตรประชาชน “อลงกล พลมุข” ข้าราชการที่เสียชีวิตไปแล้วนั้น ทีมทนาย เปิดเผยว่า หลวงพ่ออลงกต มีบัตรประชาชนของท่านเอง และนามสกุลของท่าน […]

สกัดจับขบวนการค้ามนุษย์ ลอบขนคนไทยไปเขมร

สระแก้ว 24 ส.ค. – ทหารพรานลาดตระเวนชายแดนไทย-กัมพูชา บ้านกุดหิน ต.คลองน้ำใส อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว สกัดจับคนไทย 10 คน ขณะลักลอบเข้ากัมพูชา เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นขณะเจ้าหน้าที่กำลังลาดตระเวนตามแนวชาย เพื่อสกัดกั้นสิ่งผิดกฎหมายที่จะแอบลักลอบขนข้ามแดน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตรวจพบรถยนต์ต้องสงสัย 2 คัน ประกอบด้วย รถยนต์ โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์สีขาว (ไม่ทราบทะเบียน) และ รถยนต์เก๋ง สีดำ ทะเบียนกรุงเทพมหานคร ซึ่งทั้งขับผ่านเข้ามาในพื้นที่ล่อแหลม โดยรถยนต์ โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์สีขาว ได้จอดให้คนเดินลงมาจากรถ และเดินเข้าป่าไป จำนวน 6 คน ประกอบด้วย คนนำพา 1 คน และผู้ลักลอบ 5 คน โดยทั้งหมดเป็นคนไทย ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวไว้ได้ ส่วนรถยนต์เก๋งสีดำที่ขับตามมา เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ จึงขับหลบหนี แต่เจ้าหน้าที่สามารถสกัดจับไว้ได้ (ห่างจากจุดแรกประมาณ 200 เมตร) จากการตรวจสอบภายในรถพบคนไทย 4 คน […]

พบหลุมจรวด BM-21 ที่ยังไม่ระเบิด ใกล้ศูนย์เด็กเล็ก

อุบลราชธานี 24 ส.ค. – พบหลุมจรวด BM-21 ที่ยังไม่ระเบิด ใน อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี อยู่ริมสระน้ำใกล้ศูนย์เด็กเล็ก เพียง 100 เมตร จากกรณีที่กัมพูชา ยิงจรวด BM–21 เข้าใส่ชุมชน บ้านเรือนประชาชน ในฝั่งไทย จนนำไปสู่การสูญเสียชีวิต และทรัพย์สิน ของประชาชนคนไทย เมื่อช่วงปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งปัจจุบันผลกระทบจากจรวด BM–21 ต่อประชาชน คนไทย ยังคงมีอยู่ ภาพจากกล้องวงจรปิดที่บันทึกไว้ได้จากบ้านหลังหนึ่ง ในอำเภอน้ำยืน จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ซึ่งขณะนั้นกัมพูชาได้ยิงจรวด BM-21 เข้ามาตกในเขตชุมชนฝั่งไทย โดยเหตุการณ์ครั้งนั้น มีจรวด BM-21 ตกมาทั้งหมด 11 ลูก 2 ใน 11 ลูก ตกใส่บ้านประชาชน จนบ้านพังเสียหายทั้งหมด 2 หลัง และมี 1 […]

ทบ. ตรวจสอบสาเหตุพลทหารเสียชีวิตที่ปราสาทตาเมือนธม

24 ส.ค. – กองทัพบกได้รับรายงานการเสียชีวิตของกำลังพลบริเวณปราสาทตาเมือนธม ปัจจุบันอยู่ระหว่างการตรวจสอบสาเหตุ พร้อมให้การช่วยเหลือเยียวยาตามสิทธิอย่างครบถ้วน กองทัพบกขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวของ พลทหาร พิทยุตท์ โสดา กำลังพลสังกัด กองพันทหารราบที่ 21 หน่วยเฉพาะกิจที่ 2 ซึ่งเสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ชายแดนไทย – กัมพูชา เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2568 เวลา 18.15 น. โดยพบร่างผู้เสียชีวิตภายในห้องสุขา บริเวณหน้าปราสาทตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ พลทหารพิทยุตท์ โสดา อายุ 20 ปี เป็นทหารกองประจำการ รุ่นปี 1/67 จากการสมัครใจเข้ามารับราชการในโครงการพลทหารออนไลน์ ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่ง พลปืนเล็ก หมู่ปืนเล็กที่ 2 หมวดปืนเล็กที่ 1 สังกัด กองร้อยทหารราบที่ 211 กองพันทหารราบที่ 21 หน่วยเฉพาะกิจที่ 2 จากการตรวจสอบเบื้องต้น ผู้เสียชีวิตไม่มีโรคประจำตัว ไม่มีประวัติเสพยาเสพติด ไม่มีภาวะความเครียด […]