สำนักข่าวไทย 8 มี.ค.-รมว.ศึกษาฯ แนะทุกโรงเรียนและมหาวิทยาลัย ให้ความสำคัญดูแลสุขภาพจิตเด็ก ประสานร่วมมือราชวิทยาลัยจิตแพทย์-ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์
นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการและจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น เปิดเผยว่า ช่วงที่ผ่านมามีเหตุการณ์นักเรียน นักศึกษากระโดดตึกและเสียชีวิตเรื่องนี้ควรให้ความสำคัญที่เรื่องสุขภาพจิต ซึ่งปัญหาสุขภาพจิตเป็นความเจ็บป่วยทางจิต ไม่ใช่เรื่องว่าเครียดหรือไม่เครียดอย่างเดียวและผู้ที่ป่วยโรคซึมเศร้า เมื่อมีอาการจะมาบอกให้เขาคิดดี ๆ คิดบวกไม่ได้ผล เนื่องจากเมื่อมีอาการสารเคมีในสมองหลั่งออกมาเขาก็จะคิดแต่เรื่องลบ ซึ่งจะต้องได้รับการบำบัดรักษาที่ถูกต้อง ซึ่งปัจจุบันเด็กส่วนใหญ่ป่วยโรคซึมเศร้ามากขึ้นและมีความเสี่ยงในเรื่องสุขภาพจิต
ส่วนจำนวนเด็กและเยาวชนที่ป่วยโรคซึมเศร้ามีมากหรือไม่นั้น รมว.ศึกษาฯ กล่าวว่า ตนไม่มีข้อมูล แต่สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากความเครียดในการเรียน ดังนั้นสถานศึกษาทุกระดับตั้งแต่ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานไปจนถึงมหาวิทยาลัย ควรต้องมองใหมาให้ความสำคัญในมิติสุขภาพจิตโดยประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ราชวิทยาลัยจิตแพทย์แห่งประเทศไทย ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย เข้ามาร่วมกันสร้างระบบดูแลสุขภาพจิตเด็กในโรงเรียน
รมว.ศึกษาฯ กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมาพยายามสื่อสารเรื่องนี้ไปยังสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.)แต่ก็ไม่สำเร็จง่ายๆ เพราะเวลาคนมองเรื่องนี้ก็มองว่าเครียดหรือทำไมอ่อนแอ แต่จริงๆเป็นเรื่องที่ต้องมอง ให้ลึกซึ้งในเรื่องสุขภาพจิต เพราะฉะนั้น มหาวิทยาลัยก็ต้องให้ความสนใจเรื่องสุขภาพจิต ครูเองก็ต้องคอยสังเกต เพราะคนที่คิดจะฆ่าตัวตายทุกคน 3 ใน 4 จะบอกคนใกล้ชิด จะแสดงว่าจะทำ หรือทิ้งร่องรอย ดังนั้น ถ้าจับสังเกตคนใกล้ชิดต้องกล้าถามว่า เขามีความคิดนี้หรือไม่ ได้คำตอบก็รีบช่วย
ขณะเดียวกันก็สามารถสังเกตได้จากพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป เช่นเด็กไม่ยอมกินข้าว แยกตัวไม่เข้าสังคม กิจกรรมอะไรก็ไม่ทำให้มีความสุข ถ้าเป็นแบบนี้ต่อเนื่องประมาณ 1สัปดาห์ต้องคอยดูแลหรือถ้าใช้คำพูด เช่นโลกนี้ไม่น่าอยู่ อยากตาย แต่มีการเตรียมตัว เหล่านี้ก็ถือเป็นกลุ่มเสี่ยงทางการแพทย์ก็จะมีกระบวนการ ซึ่งพ่อแม่ หรือคนกว้างๆอาจจะไม่รู้.-สำนักข่าวไทย