สุรินทร์ 1 มี.ค.- “สนธิรัตน์” นำทัพอ้อนขอคะแนนชาวสุรินทร์ กวาด 7 เก้าอี้ ปลดนักการเมืองของเก่า พร้อมนำความเจริญ สร้างความร่ำรวยสู่เมืองช้าง “สุริยะ” เผยเลือก ส.ส.ของพรรคทั้งจังหวัด ขับเคลื่อนนโยบายสะดวก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (1 มี.ค.) นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พร้อมด้วย นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานยุทธศาสตร์ภาคอีสาน นายอนุชา นาคาศัย ประธานยุทธศาสตร์ภาคกลาง นายวิรัช รัตนเศรษฐ แกนนำภาคอีสาน น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ขึ้นปราศรัยหาเสียงช่วยนายอนันต์ ปาลีคุปต์ ผู้สมัคร ส.ส.หมายเลข 8 เขต 1 จ.สุรินทร์ บริเวณลานบริษัทไอคิว สี่แยกสลักได อ.เมือง จ.สุรินทร์
นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า วันนี้เป็นวันสำคัญที่เราได้พบกัน เพราะในชีวิตของคนหนึ่งคน ที่ไม่เคยรู้จักกันแต่มาพบกัน ตนถือเป็นบุญของชีวิต สำหรับ จ.สุรินทร์ มีพร้อมทุกอย่าง
“สุรินทร์มีข้าวหอมมะลิที่ดีที่สุด แต่เดี๋ยวนี้โดนแย่ง สุรินทร์ คือ เมืองช้าง ไม่มีที่ไหนคล้องช้างเก่งเท่า สุรินทร์ ผ้าไหมสุรินทร์ เส้นสวย ทอมาไม่มีใครสู้ได้ การค้าชายแดนบริเวณด่านช่องจอมที่ติดกับชายแดนกัมพูชา เช่นเดียวกับจังหวัดอื่นๆแต่ จังหวัดอื่นๆกลับรวยเอาๆ ในขณะที่ จ.สุรินทร์ ไม่รวยเหมือนอย่างเขา คงเป็นเพราะ จ.สุรินทร์ อาจยังไม่มี ส.ส.ที่ดีๆ มีแต่ ส.ส.ที่กระจัดกระจาย แต่ตนไม่ได้ว่า ส.ส.เก่า เพราะเขาก็ทำมาเต็มที่แล้ว สุรินทร์มี ส.ส.7 คน แต่ยังไม่สามารถทำให้สุรินทร์ดีขึ้นได้ ดังนั้นวันนี้หากคนสุรินทร์ เลือกพรรคเก่าก็จะได้ของเก่า จ.สุรินทร์ ก็จะเหมือนเก่า ดังนั้นขอให้ลองเปลี่ยนมาเลือกคนของพรรคพลังประชารัฐ อย่าง นายอนันต์ ซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ไฟแรง” นายสนธิรัตน์ กล่าว
นายสนธิรัตน์ กล่าวอีกว่า เราไม่ได้มาปากหวาน แต่อยากให้ดูนโยบายของพรรค ว่า วันนี้มีพรรคการเมืองไหนที่นโยบายเข้าไปสู่หัวใจประชาชนเหมือนกับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งเกิดขึ้นจากคนของพรรคพลังประชารัฐ
“บัตรสวัสดิการเแห่งรัฐ ถือเป็นหัวใจหลักของพรรค อย่าให้ใครเอาไป วันนี้พรรคจะทำให้ดีขึ้น เพราะยังมีพี่น้องประชาชนที่สมัครแล้ว หรือมีคุณสมับติเข้าเกณฑ์ แต่ยังไม่ได้อีกจำนวนมาก ดังนั้นหากพรรคพลังประชารัฐได้เข้าไปเป็นรัฐบาล จะตรวจสอบให้ เพราะบัตรนี้ คือสิ่งที่พรรคจะทำให้ดีกว่าเดิม ทำให้ประชาชนมีความสุข พรรคไม่ได้มีแค่นโยบายกินได้ แต่มีออกมาเรื่อย ๆ อย่างนโยบายมารดาประชารัฐที่ให้ความสำคัญตั้งแต่ท้อง คือท้องปั๊บ รับ 3,000 บาท จำนวน 9 เดือน รวม 27,000 บาท จากนั้นเมื่อคลอดก็จะได้รับอีก 10,000 บาท รวมเป็น 37,000 บาท ยังไม่พอ เพราะมีค่าเลี้ยงดูให้อีกเดือนละ 2,000 อีก 6 ปี รวมค่าดูแลทั้งสิ้น 181,000 บาท ขอยืนยันพรรคไม่ได้มาแจกเงิน เราต้องกล้าลงทุน ต้องดูแลคนไทยด้วยกัน พลังประชารัฐมาแบบมีความหวัง หวังในการเปลี่ยนแปลงบ้านเมือง ถ้า จ.สุรินทร์ รักพลังประชารัฐ ก็ต้องเลือก ส.ส.ของพรรค ทั้ง 7 เขต เพราะผมตั้งใจว่า ถ้าพลังประชารัฐเป็นรัฐบาล ผมเป็นรัฐมนตรีจะมารับใช้คนสุรินทร์ อาสามาเป็นคนสุรินทร์ เพื่อพาพี่น้องสุรินทร์สู้จังหวัดใกล้เคียงให้ได้ ดังนั้น 24 มีนาคม เลือกพลังประชารัฐยกจังหวัด” นายสนธิรัตน์ กล่าว
ด้านนายสุริยะ กล่าวว่า ขอให้คนสุรินทร์เลือกพรรคพลังประชารัฐทั้ง 7 เขต ในการเข้าไปสานต่อและผลักดันนโยบายของพรรคเพื่อประชาชน เพราะหาก ได้ ส.ส.เข้าไปน้อย นโยบายที่พรรคนำเสนอจะได้รับการผลักดันอย่างลำบาก เพราะที่ผ่านมา ส.ส.สุรินทร์ยังไม่มีความเป็นปึกแผ่น ทั้งที่เป็นจังหวัดใหญ่ ดังนั้นหากได้รับเลือกทั้งจังหวัด จ.สุรินทร์จะได้รับการพัฒนาอย่างยั่งยืน รวมทั้งเกษตรและชาวนาและผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะได้รับการแก้ปัญหาความยากจนอย่างยั่งยืนแน่นอน
ขณะที่นายอนุชา กล่าวว่า วันนี้เราต้องรักประเทศชาติ รักประชาชน ต้องไม่ยอมให้คนไทยออกมาเดินบนถนนเพื่อเข่นฆ่า หรือ ขัดแย้งกันกันอีก เพราะขัดแย้งมานานแล้วกว่า 10 ปี แต่ช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ประเทศสงบ แม้ปัญหาเศรษฐกิจยังไม่ดี เพราะเป็นผลมาจาความขัดแย้ง แต่รัฐบาลชุดนี้พยายามแก้ปัญหาให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
“ไม่ว่าจะเป็นการออกบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่ตั้งใจให้พี่น้องที่ตกทุกข์ได้ยากมีกำลังใจในการต่อสู้ชีวิต แม้ไม่ได้ทำให้ร่ำรวย แต่ก็ช่วยให้ประชาชนมีเงินใช้จ่าย ขณะเดียวกันเมื่อประเทศชาติสงบ เราก็พบแสงสว่าง เราจึงมารวมตัวกันอยู่ที่พรรคพลังประชารัฐ เพื่อต้องการก้าวข้ามความขัดแย้ง มีนโยบายที่ดีเพื่อตอบสนองคนไทย คนยากคนจน ชาวไร่ ชาวนา ที่ถูกทอดถิ้ง โดยเฉพาะชาวนาคือกระดูกสันหลังของชาติ แต่ปัจจุบันชาวนามีแต่หนี้ ดังนั้นพรรคพลังประชารัฐตั้งใจ ในการจะสร้างประวัติศาสตร์ ทุ่มเททำเพื่อให้คนเหล่านี้ได้ลืมตาอ้าปาก หายจากความยากจนให้สำเร็จให้ได้ พรรคพูดจริง ทำจริง และประชาชนได้ประโยชน์อย่างแน่นอน ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ผมสามารถลง ส.ส.ได้อีกครั้ง หลังถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง ดังนั้นจึงขอประกาศว่า หากผมช่วยเกษตรกร คนยากคนจนให้พ้นจากความยากจน หากพรรคเป็นรัฐบาล ดูแลบริหารบ้านเมืองครบ 4 ปี แล้วความเป็นอยู่ของประชาชนยังไม่ดีขึ้น ก็จะขอเลิกเล่นการเมืองตลอดชีวิต” นายอนุชา กล่าว.-สำนักข่าวไทย