เว็บไซต์ปชป.แจงนโยบายหาเสียงและแหล่งเงิน

พรรคประชาธิปัตย์ 1 มี.ค.- เวปไซต์ ปชป. แจงละเอียดยิบที่มารายได้นโยบายหาเสียง 13 เรื่อง 5 ด้าน รวมใช้เงินเกือบ 4 แสนล้านต่อปี ยันคุ้มค่า ไม่ทำชาติเสียหาย ระบุ 6 แหล่งเงิน เล็ง ตัด งบฉุกเฉิน – สำนักนายกฯ “อภิสิทธิ์” ชวน ทุกพรรค เดินหน้า ปชต. ทำตาม พ.ร.ป.พรรคการเมือง ม.57 ให้ ปชช.เป็นใหญ่ ร่วมตรวจสอบนโยบายทำได้จริงหรือไม่ แทนบังคับ ปชช. เลือกข้าง นำการเมืองสู่การเผชิญหน้า-ขัดแย้งเพิ่ม 


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเวปไซต์พรรคประชาธิปัตย์ ได้ลงรายละเอียดเกี่ยวกับที่มาของรายได้ ความคุ้มค่า และผลกระทบความเสี่ยงในการดำเนินนโยบายที่หาเสียงไว้ในเวปไซต์ โดยระบุว่า เป็นการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 มาตรา 57 ที่บัญญัติว่า การกำหนดนโยบายของพรรคการเมืองที่ใช้ในการประกาศโฆษณาให้คำนึงถึงความเห็นของสาขาพรรคการเมืองและตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด นโยบายใดที่ต้องใช้จ่ายเงิน การประกาศโฆษณานโยบายนั้น อย่างน้อยต้องมีรายการ ดังต่อไปนี้

1) วงเงินที่ต้องใช้ และที่มาของเงินที่จะใช้ในการดำเนินการ 2) ความคุ้มค่าและประโยชน์ในการดำเนินนโยบาย และ 3) ผลกระทบและความเสี่ยงในการดำเนินนโยบาย โดยทางพรรคระบุที่มาของรายได้ที่จะใช้ดำเนินโครงการตามนโยบายที่หาเสียงจาก 6 แหล่ง ประกอบด้วย 1 ปรับลดงบประมาณบางรายการ เช่น งบกลาง รายการสำรองจ่ายฉุกเฉิน สำนักนายกรัฐมนตรี การลดงบประมาณโครงการเดิมที่มีวัตถุประสงค์เดียวกัน เป็นต้น 2 ภาษีใหม่ที่เพิ่มขึ้นจากกลุ่มผู้มีรายได้สูง 3 เงินกู้ชดเชยการขาดดุลงบประมาณ 4 การเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษี 5 รายได้ที่เพิ่มขึ้นจากการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ และ 6 เงินร่วมทุนจากเอกชนในโครงการโครงสร้างพื้นฐานและบริการสาธารณะ


สำหรับการดำเนินโครงการตามนโยบายหาเสียงพรรคประชาธิปัตย์ ได้แบ่งออกเป็น 5 ด้าน รวมใช้งบประมาณทั้งหมด 392,015 ล้านบาท มีรายละเอียดดังนี้ การศึกษา 62,348 ล้านบาท สวัสดิการสังคม 148,928 ล้านบาท เกษตรคุณภาพ 130,000 ล้านบาท แรงงาน 50,000 ล้านบาท สาธารณสุข 739 ล้านบาท นอกจากนี้ยังระบุรายละเอียดเกี่ยวกับงบประมาณที่ใช้ ประโยชน์ความคุ้มค่า เป็นรายนโยบายทั้ง 13 เรื่องด้วย โดยทุกนโยบายยืนยันว่าไร้ผลกระทบและความเสี่ยงในการดำเนินนโยบาย

แต่มีบางนโยบายที่งบประมาณจะเพิ่มสูงขึ้น อาทิ ประกันรายได้แรงงานขั้นต่ำ ใช้งบประมาณ 5 หมื่นล้านบาท ช่วยเพิ่มรายได้ให้ผู้เข้าร่วมโครงการประมาณ 2.66 ล้านคน หลุดพ้นจากความยากจน ได้รับค่าจ้างขั้นต่ำต่อวันทำงานเพิ่มขึ้น โดยไม่ทำให้รายจ่ายของรัฐบาลเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญอีกทั้งไม่เป็นภาระเพิ่มขึ้นของนายจ้าง ผู้ประกอบการ ซึ่งรัฐบาลอาจต้องรับภาระมากขึ้น หากแรงงานไหลเข้าระบบมากขึ้น และเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดใช้งบประมาณ 17,832 ล้านบาท เพื่อให้เด็กไทยทุกคนได้รับสิทธิค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูทุกเดือนจำนวน 1,000 บาทต่อเดือน แบบถ้วนหน้า ตั้งแต่แรกเกิดจนอายุ 8 ขวบ โดยเดือนแรกจะได้รับ 5 พันบาท ซึ่งเมื่อดำเนินโครงการครบ 8 ปี รัฐบาลจะต้องใช้เงินเพิ่มเป็นประมาณ 59,000 ล้านบาทต่อปี

การประกันรายได้พืชผลเกษตรใช้งบประมาณ 1 แสนล้านบาท เพื่อให้เกษตรกรที่มีอาชีพสวนยางพารา ปาล์น้ำมัน ข้าว ข้าวโพด และมันสำปะหลัง มีหลักประกันในอาชีพเกษตรกรรม มีรายได้ที่มั่นคง แต่หากพืชผลเกษตรตามโครงการนี้มีราคาตกต่ำที่สุดพร้อมกันในรอบปี รัฐบาลจะต้องใช้งบประมาณ 350,000 ล้านบาทต่อปี เป็นต้น


นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการให้รายละเอียดเกี่ยวกับแหล่งที่มาของรายได้ที่จะใช้ในนโยบายหาเสียง รวมถึงรายละเอียดวงเงินงบประมาณแต่ละโครงการว่า เป็นการพิสูจน์ว่าพรรคดำเนินการทุกอย่างโดยยึดกฎหมายบนพื้นฐานความรับผิดชอบทางการเมือง ซึ่งเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ทุกนโยบายของพรรคที่ผ่านมาไม่เคย สร้างความเสียหายให้กับประเทศ และขอเรียกร้องให้ทุกพรรคการเมืองปฏิบัติตามกฎหมายพรรคการเมือง มาตรา 57 

แสดงที่มารายได้และเงินทั้งหมดที่ต้องใช้จากนโยบายหาเสียง ซึ่งเป็นแนวทางตามหลักประชาธิปไตย ให้ประชาชนเป็นใหญ่มีส่วนร่วมตรวจสอบความเป็นไปได้ของนโยบาย ไม่ให้ซ้ำรอยประชานิยมในอดีตที่ทำให้ประเทศชาติเกิดความเสียหายและยังเป็นการแสดงออกถึงความรับผิดชอบของพรรคการเมืองที่มีต่อประเทศชาติด้วย นอกจากนี้ยังทำให้การหาเสียงกลับมาสู่เรื่องของนโยบาย แทนที่จะใช้วิธีบังคับให้ประชาชนเลือกข้าง ซึ่งจะทำให้เกิดการเผชิญหน้าและความขัดแย้งเพิ่มขึ้น ไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อการแก้ปัญหาปากท้องของประชาชน จึงอยากให้ทุกฝ่ายใช้การเลือกตั้งครั้งนี้เดินหน้าประชาธิปไตยที่เป็นทางออกให้บ้านเมือง.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผู้กำกับโจ้เสียชีวิต

ราชทัณฑ์ แจงชัดเหตุ “ผู้กำกับโจ้” เสียชีวิตในเรือนจำ

ราชทัณฑ์ ออกเอกสารชี้แจงกรณี “ผู้กำกับโจ้” เสียชีวิตในเรือนจำกลางคลองเปรม ด้าน จนท.พิสูจน์หลักฐาน เตรียมเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ

ธ.ก.ส. ออก “สินเชื่อเกษตรวิวัฒน์” หนุนคนใกล้เกษียณทำเกษตร

กรุงเทพฯ 6 มี.ค.- ธ.ก.ส. เปิดตัว “สินเชื่อเกษตรวิวัฒน์” ให้กู้เพื่อซื้อที่ดินทำการเกษตรคู่ขนาน รองรับการเข้าสู่ Aging Society สูงสุด 8 ล้านบาท ธ.ก.ส. จัดสินเชื่อเกษตรวิวัฒน์ ส่งเสริมการดึงคนกลับเข้าสู่ภาคการเกษตร กรอบวงเงินรวม 3.75 หมื่นล้านบาท สานฝันบุคลากรภาครัฐและเอกชนที่มีรายได้ประจำอายุ 50 – 59 ปี สร้างรายได้คู่ขนานจากการทำการเกษตร และกิจกรรมที่เกี่ยวเนื่อง รวมถึงการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาพัฒนาสินค้าเกษตรไปสู่เกษตร มูลค่าสูง วงเงินกู้สูงสุดรายละไม่เกิน 8 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยต่ำ 5 ปีแรก MRR – 2 และปีที่ 6 เป็นต้นไป เท่ากับ MRR แจ้งความประสงค์ได้แล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กล่าวว่า เพื่อเป็นการส่งเสริมให้ผู้มีรายได้ประจำเป็นรายเดือน สามารถวางแผนการสร้างรายได้คู่ขนานจากการประกอบอาชีพเกษตรกรรม หรืออาชีพที่เกี่ยวกับการเกษตรในวัยก่อนและหลังเกษียณ รองรับการก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) เพิ่มการเกษตรที่มีการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม […]

ข่าวแนะนำ

ชายแดนตึงเครียด ทหารเมียนมา-KNLA ยังปะทะเดือด

สถานการณ์ชายแดนไทย-เมียนมา ยังตึงเครียด ทหารเมียนมากับกะเหรี่ยงเคเอ็นแอลเอ ยิงปะทะดุเดือด ขณะที่ชาวเมียนมา อพยพเข้าไทยอีกครั้งแล้วหลายร้อยคน

รู้ตัวกลุ่มผู้ก่อเหตุคาร์บอมบ์-ยิงถล่มที่ว่าการอำเภอสุไหงโก-ลก

รู้ตัวกลุ่มผู้ก่อเหตุคาร์บอมบ์-ยิงถล่มที่ว่าการอำเภอสุไหงโก-ลก คาดฝีมือ นายอับดุลเลาะ บูละ แกนนำระดับสั่งการ ฝึกรบจากต่างประเทศ พบบางส่วนหนีขึ้นเขาตะเว บางส่วนข้ามชายแดนแล้ว

“หมอพรทิพย์” เผย แผลศพบอกได้ ฆาตกรรม หรือ ฆ่าตัวตาย

“หมอพรทิพย์” อดีต ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เผยบาดแผลที่ศพ “ผกก.โจ้” จะบ่งชี้ได้ว่า ถูกฆาตกรรม หรือฆ่าตัวตาย

ผลผ่าพิสูจน์ “ผกก.โจ้” ขาดอากาศหายใจ

ผลผ่าพิสูจน์ “ผกก.โจ้” ขาดอากาศหายใจ จากการทำร้ายตัวเอง ไม่พบรอยช้ำที่เนื้อเยื่อ และกล้ามเนื้อลำคอ ญาติพอใจ แต่ขอส่งศพผ่ารอบสองที่นิติเวช จุฬาฯ เปรียบเทียบผล ส่วนประเด็นผ้าที่ใช้ผูก เข้าได้กับรอยที่คอที่มีขนาดกว้างกว่าเชือก