สมุทรสาคร 30 ม.ค.-ผู้ว่าฯ สมุทรสาคร ยังไม่ประกาศให้สมุทรสาครเป็นพื้นที่ควบคุม จากปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 เหตุหวั่นเกิดความตื่นตระหนกมากขึ้น ยันไม่นิ่งเฉยเร่งดำเนินมาตรการฉีดน้ำ-ล้างถนน-ตรวจควันดำ
นายสมคิด จันทมฤก ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการสาธารณสุข เพื่อการแก้ปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 เกินมาตรฐาน โดยมีผู้แทนจากทั้งภาคส่วนราชการ ภาคเอกชน และภาคประชาชนเข้าร่วม หารือกันถึงการแก้ไขปัญหาทั้งในระดับจังหวัด ระดับท้องถิ่น มาตรการเข้มที่จะดำเนินการเพื่อการลดฝุ่นละออง และประเด็นสำคัญ คือ ความเหมาะสมในการประกาศให้จังหวัดสมุทรสาครเป็นเขตควบคุมเหตุรำคาญ ตามพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ.2535 ซึ่งได้พิจารณาอย่างหลากหลายมิติ ก็มีข้อกังวลกันว่าข้อมูลบางอย่างอาจจะยังไม่ได้บ่งชี้ชัดเจน 100% จึงมีความเห็นว่าการออกประกาศเป็นพื้นที่ควบคุมน่าจะยังไม่มีความจำเป็น เนื่องจากข้อมูลไม่เพียงพอต่อการออกประกาศเป็นพื้นที่ควบคุมอาจจะก่อให้เกิดความตื่นตระหนกมากขึ้น
นายสมคิด กล่าวว่า ถ้าออกประกาศเขตควบคุมก็ต้องให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจในการออกประกาศโดยตรงนั้น ต้องออกประกาศทั้งหมด 37 องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และแต่ละองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ก็มีรายละเอียดแตกต่างกัน ดังนั้นคณะกรรมการสาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร จึงมีความเห็นว่าในระยะนี้มาตรการเร่งด่วนประการแรก ก็คือ ใช้มาตรการที่ดำเนินการมาทั้งหมดอย่างเข้มข้นต่อไป ในเรื่องของการลดผลกระทบหรือบรรเทาผลกระทบด้วยการสเปรย์น้ำ ล้างถนน บวกกับการประชาสัมพันธ์เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้รับทราบข้อมูล และการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง , ในส่วนที่สองก็คือ เรื่องของการลดแหล่งกำเนิดมลพิษ โดยมีชุดทำงานที่จะคอยตรวจสอบต้นกำเนิดแหล่งมลพิษทุกประเภท เช่น การจราจรและการตรวจควันดำ ขณะที่โรงงานอุตสาหกรรมก็จะมีชุดปฏิบัติการออกไปดำเนินการ
นายสมคิด กล่าวว่า มาตรการเพิ่มเติม คือ ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้ดำเนินการอย่างเข้มข้นเพิ่มมากขึ้น แม้จะยังไม่ได้ประกาศเป็นพื้นที่ควบคุม แต่ก็ให้ไปดำเนินการในพื้นที่โดยให้ตรวจสอบหาแหล่งที่เป็นต้นกำเนิดฝุ่นพิษทุกประเภท ทั้งในอุตสาหกรรมที่ใช้เชื้อเพลิงน้ำมันเตากับถ่านหินเป็นหลัก หรือ การเผาในที่โล่งแจ้ง หากพบว่ากระทำผิดก็ดำเนินการตามกฎหมายทันทีและให้รายงานให้คณะกรรมการทราบ ซึ่งทางคณะกรรมการจะมีการประชุมประเมินทุกๆวัน เพื่อดูว่าหากพื้นที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใดมีความจำเป็นที่จะต้องยกระดับให้ประกาศเป็นพื้นที่ควบคุมฯ ก็ให้พิจารณาเสนอขึ้นมา แล้วทางคณะกรรมการจะพิจารณาในเรื่องของการประกาศต่อไป นอกจากนี้ก็จะเข้มข้นในเรื่องของการให้ความรู้ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเกิดความมั่นใจในการปฏิบัติงานตามหน้าที่ ที่ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการชุดนี้อีกด้วย.-สำนักข่าวไทย