กทม. 16 ม.ค.-ข่าวสามีทำร้ายร่างกาย ยิงภรรยาและคนใกล้ชิดเสียชีวิตทั้งครอบครัว ปรากฏให้เห็นต่อเนื่อง เรื่องราวสะเทือนใจเกิดขึ้นเพราะอะไร มีวิธีป้องกันตนเองไม่ให้ตกเป็นเหยื่อได้อย่างไร ติดตามจากรายงาน
เมื่อชีวิตคู่ไม่สมหวัง แรงรักเปลี่ยนเป็นแรงแค้น นำไปสู่การทำร้ายร่างกาย และประหัตประหารชีวิต โศกนาฏกรรมความรักมีให้เห็นเป็นรายวัน สาเหตุนอกจากความหึงหวง ความคิดที่ว่าหญิงเป็นสมบัติของชาย ชายเป็นใหญ่ รักต้องครอบครองเป็นเจ้าของแล้ว ความผิดหวังจากการทุ่มเทเงินทอง กายใจ ในการดูแลคนที่รัก แต่อีกฝ่ายกลับแปรเปลี่ยน ปันใจให้ผู้อื่น ถือเป็นปัจจัยสำคัญของปมปัญหา รักต้องทำลาย ทั้งคนที่เคยรักและคนรอบข้าง
รักคือการให้อภัยอาจไม่มีอยู่จริง เมื่อสถิติพิศวาสฆาตกรรมพุ่งสูงต่อเนื่อง เพราะเหยื่อไม่รู้วิธีเอาตัวรอด จากสถิติการนำเสนอข่าว พบปี 61 มีคู่รักฆ่ากันตายกว่าร้อยละ 65.9 ถือว่าเป็นตัวเลขสูงสุดหากเทียบกับปี 59 ที่มีร้อยละ 48.5 ปี 57 ร้อยละ 62.5 และปี 55 ร้อยละ 59.1 นอกจากนี้พบว่าคนที่ลงมือส่วนใหญ่คือสามี โดยกระทำต่อภรรยามากที่สุด ร้อยละ 71.8 รองลงมาคือ คนที่เกี่ยวข้อง ร้อยละ 14.5
อาวุธที่นิยมใช้หนีไม่พ้นปืน ร้อยละ 43.6 และของมีคม 32.7 ความหึงหวงยังเป็นชนวนสำคัญของการฆ่า โดยมีแอลกอฮอล์ และยาเสพติด เป็นตัวกระตุ้น นักวิชาการแนะสัญญาณอันตรายจากคู่รักที่ต้องถอยออกห่าง เช่น เติบโตในครอบครัวที่มีการใช้ความรุนแรง มีประวัติอาชญากรรม พูดคำหยาบคาย โมโหง่าย เกรี้ยวกราด ทุบตีทำร้ายร่างกาย และตั้งสเตตัสเฟซบุ๊กที่แสดงถึงการตัดพ้อ ขู่ หรืออาฆาตแค้น
รักต้องไม่ทำร้าย แต่หากหนีไม่พ้น ไม่ควรกล้ำกลืนฝืนทน รีบขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น โดยเฉพาะตำรวจในพื้นที่ หรือสายด่วน 1300 เพราะความขัดแย้งในครอบครัวไม่ใช่เรื่องส่วนตัว สังคมต้องร่วมช่วยเหลือ เพราะหากเพิกเฉยยอมจำนน อาจต้องสังเวยด้วยชีวิต.-สำนักข่าวไทย