บาทแข็งค่าสุดรอบ 7 ปี ดันราคาสินค้าส่งออกพุ่งสูง

กทม. 8 ม.ค. – เงินบาทแข็งค่าสุดรอบ 7 ปี ดันสินค้าส่งออกแพงขึ้น เช่นเดียวกับน้ำมันขายปลีก เริ่มขยับราคาตามตลาดโลก


เริ่มต้นปี มีตัวเลขเศรษฐกิจมาคุยกันหลากหลายเรื่อง เริ่มด้วยข่าวร้ายราคาน้ำมันเริ่มขยับขึ้นเป็นครั้งแรกของปี ในขณะที่บาทแข็งค่าสุดในรอบ 7 เดือน แม้ต้นทุนนำเข้าลดลง แต่สินค้าส่งออกจะแพงขึ้น ผู้ส่งออกก็หวังว่าแบงก์ชาติจะเข้ามาดูแล


ใครใช้รถก็แวะปั๊มน้ำมันด่วน ผู้ค้าน้ำมันทุกรายประกาศขึ้นราคา โดยล่าสุด ปตท. โดยบริษัท ในเครือ คือ พีทีทีโออาร์ และบางจาก ขึ้นราคาน้ำมัน ดีเซล 40 สตางค์ต่อลิตร และขึ้นราคาเบนซินและแก๊สโซฮอล์ 50 สตางค์ต่อลิตรมีผลพรุ่งนี้ ในขณะที่เชลล์ได้ขึ้นราคามีผลตั้งแต่เมื่อเช้าที่ผ่านมา ทุกผลิตภัณฑ์ 50 สตางค์ต่อลิตร ก็เป็นผลมาจากราคาน้ำมันตลาดโลกที่พุ่งขึ้นเพราะกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันจับมือลดกำลังผลิตที่คาดว่าจะจริงจังมากขึ้น


โดยเช้านี้เงินบาท แข็งค่าขึ้นถึงระดับ 31.95 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าสุดในรอบ 7 เดือน  นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไทยว่า รู้สึกวิตกกังวลให้กับผู้ส่งออก โดยเฉพาะผู้ส่งออกข้าว เพราะการสั่งซื้อข้าวเดือนกุมภาพันธ์การคิดราคาช่วงเงินบาทแข็งค่า ทำให้ข้าวไทยสูงขึ้นและอาจทำให้หลายประเทศสั่งซื้อข้าวจากประเทศอื่นแทน จึงขอฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะธนาคารแห่งประเทศ กำกับดูแลไม่ให้เงินบาทแข็งค่าเกินกว่าประเทศอื่นมากเกินไป เพราะอาจทำให้การแข่งขันข้าวไทยในตลาดโลกประสบปัญหา

อย่างไรก็ตาม ปี 2562 การส่งออกข้าวภาคเอกชน และภาครัฐ ประเมินแตกต่างกัน โดยเอกชนมองว่า น่าจะส่งออกไม่เกิน 10 ล้านตัน เพราะว่าหากเปรียบเทียบราคาข้าวประเทศคู่แข่ง เช่น เวียดนาม อินเดีย ข้าวขาว 5% ต่างกันถึง 15-20 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน หลายประเทศหันไปสนใจสั่งซื้อข้าวเวียดนามและอินเดียแทนประเทศไทย รวมทั้งกระแสข่าวอินโดนีเซียเตรียมประกาศลดปริมาณสั่งซื้อข้าวจากทั่วโลก เดิมเคยนำเข้า 3 ล้านตัน ลดเหลือ 2 ล้านตัน

โดยกรมการค้าต่างประเทศ ประเมินว่า การส่งออก ข้าวจะไม่ต่ำกว่า 10 ล้านตัน เพราะมีแผนที่จะส่งเสริมและผลักดันการส่งออกข้าวคุณภาพดี ลักษณะพิเศษ เช่น ข้าวหอมมะลิ, ข้าวสี, ข้าวออร์แกนิก, ข้าว กข43  รวมถึงผลิตภัณฑ์นวัตกรรมจากข้าว ซึ่งสามารถทำราคาได้ดี ส่วนข้าวที่ต้องแข่งขันกับคู่แข่ง อย่างข้าวเจ้า ก็มั่นใจว่าจะทำตลาดสู้ได้ เพราะข้าวไทยมีคุณภาพดีกว่า ผู้ซื้อให้การยอมรับ

สำหรับยอดส่งออกข้าวปีที่แล้วนั้นมีปริมาณ 11.13 ล้านตัน มูลค่า 180,000 ล้านบาท เพราะได้ระบายสตอกภาครัฐหมดแล้วรวม 16.84 ล้านตัน มูลค่า 1.45 แสนล้านบาท ให้ไม่มีแรงกดดันกำจัดอุปทานส่วนเกิน ตลาดข้าวเข้าสู่ภาวะกลไกตลาดตามปกติ เรียกคืนความเชื่อมั่นจากผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ และยุติการนำข้ออ้างเรื่องสตอกข้าวของรัฐไปกดราคาข้าวฤดูกาลผลิตใหม่ที่เกษตรกรควรจะได้รับได้อย่างแท้จริง

อีกส่วนหนึ่งของความเห็น ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินแนวโน้มค่าเงินบาทปีนี้ คาดว่ามีโอกาสแข็งค่ากรอบการเคลื่อนไหว 31.50-32.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากเงินดอลลาร์สหรัฐมีแนวโน้มอ่อนค่า สาเหตุสำคัญคือ ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ ที่ออกมาอ่อนแอกว่าที่คาด เช่น ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการบริการสหรัฐ ที่ออกมาต่ำกว่าคาดเพิ่มแรงกดดันต่อค่าเงินดอลลาร์ฯ และทำให้การคาดการณ์เกี่ยวกับจังหวะการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีความไม่แน่นอนมากขึ้น และต้องจับตาการเจรจา การค้าระหว่างสหรัฐและจีนซึ่งขณะนี้กำลังพูดคุยกันอยู่ ซึ่งมีการวิเคราะห์กันว่าถ้าทั้งคู่เจรจามีแนวโน้มดีขึ้นอีก อาจยิ่งหนุนให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นต่อได้อีก อย่างไรก็ตาม จากที่ประเทศไทยยังมีการเกินดุลบัญชีเดินสะพัด ประมาณ 3,000-4,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปีนี้ และนักลงทุนยังคงมองประเทศไทยเป็นประเทศที่ปลอดภัยสำหรับการลงทุน (Safe Heaven) จะมีเงินทุนไหลเข้าหนุนให้ค่าเงินบาทแข็งค่ามากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ศูนย์ข้อมูลเศรษฐกิจไทยพาณิชย์หรืออีไอซีได้ปรับลดเศรษฐกิจไทยปี 2562 ขยายตัวร้อยละ 3.8 ลดลงจากเดิมที่คาดว่าจะเติบโตร้อยละ 4 และชะลอตัวจากปีก่อนที่เติบโตร้อยละ 4.2 ประกอบกับผลกระทบจากสงครามการค้าที่ชัดเจนขึ้น ส่งผลให้ปริมาณการส่งออกของไทยชะลอลงในปีนี้ขยายตัวร้อยละ 3.4 จากเดิมคาดโตร้อยละ 7 

ด้าน สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย หรือ สภาผู้ส่งออก ประเมินการส่งออกในปีนี้คาดขยายตัวร้อยละ 5 บนสมมติฐานค่าเงินบาทอยู่ที่ 33.0 (หรือบวก/ลบ 0.5) บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งห่างไกลจากปัจจุบันที่เงินบาท อยู่ที่ 31.95 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสภาผู้ส่งออกจับตามองสงครามการค้าสหรัฐและจีนที่กำลังเจรจากันอยู่หากยืดเยื้อ จะเริ่มส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยและความเชื่อมั่นต่อการลงทุน  โดยที่จีนได้ประกาศนโยบายเริ่มลดภาษีสินค้านำเข้า-ส่งออกกว่า 700 รายการ ในวันที่ 1 ม.ค. 62 เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับการนำเข้าสินค้าอื่นทดแทนสินค้าที่ต้องนำเข้าจากสหรัฐ และเป็นการอัดฉีดสภาพคล่องครั้งใหญ่ และอาจทำให้สินค้าไทยอาจถูกแย่งส่วนแบ่งตลาดในจีน โดยปีที่แล้วอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องจากผลกระทบสงครามการค้า ก็ทำให้การส่งออกชะลอตัว เช่น กลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ และกลุ่มยานยนต์ ชิ้นส่วนยานยนต์ ทำให้สภาการส่งออกคาดปีที่แล้วการส่งออกขยายตัวในกรอบร้อยละ 7-7.3 ต่ำกว่าเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้ตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ร้อยละ 9 .- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เตือนฝนตกหนักบางแห่ง-กทม.ฟ้าคะนอง 60%

กรุงเทพฯ 15 ก.ค. – กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักบางแห่งบริเวณ จ.เชียงราย พะเยา น่าน หนองคาย บึงกาฬ อุดรธานี สกลนคร นครพนม และตราด ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนัก อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ส่วนกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 60% และฝนตกหนักบางแห่ง กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าว โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน หนองคาย บึงกาฬ อุดรธานี สกลนคร นครพนม และตราด ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้ เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังค่อนข้างแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง คลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่าง มีคลื่นสูงประมาณ […]

ป.ป.ช.ตั้งองค์คณะไต่สวนจริยธรรมร้ายแรง “แพทองธาร” คลิปคุย “ฮุนเซน”

กทม. 14 ก.ค. – ป.ป.ช. มติเอกฉันท์ตั้งองค์คณะไต่สวนจริยธรรมร้ายแรงต่อ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ปมคลิปเสียงคุยกับ “ฮุน เซน” ที่สำนักงาน ป.ป.ช. วันนี้มีรายงานว่าคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)ได้ประชุม และมีมติเป็นเอกฉันท์ให้แต่งตั้งองค์คณะไต่สวน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กรณีปรากฏคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งบริเวณแนวชายแดน ไทย-กัมพูชา โดยนายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข ประธานกรรมการ ป.ป.ช. และนายประภาศ คงเอียด กรรมการ ป.ป.ช. ร่วมเป็นองค์คณะไต่สวน การตั้งองค์คณะไต่สวนครั้งนี้ เป็นไปตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา51 ซึ่งเปิดช่องให้ ป.ป.ช. ตั้งกรรมการไม่น้อยกว่า 2 คนไต่สวนได้ในกรณีที่เกี่ยวข้องกับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองระดับสูงมีผลกระทบต่อสาธารณะอย่างกว้างขวางหรือเกี่ยวพันกับองค์กรตุลาการ ก่อนหน้านี้ ป.ป.ช. มีมติรับเรื่องไว้พิจารณาเบื้องต้น และมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงภายใน 10 วัน โดยให้มีการถอดเทปคำสนทนาและจัดทำคำแปลจากภาษาต่างประเทศอย่างถูกต้อง ครอบคลุมการสอบพยาน และการศึกษา คดีเปรียบเทียบ เช่น […]

เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ลาสิกขา ปมโอน 13 ล้าน

พระนครศรีอยุธยา 14 ก.ค. – เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ สมัครใจลาสิกขา หลังโอนเงินกว่า 13 ล้าน ให้ “สีกากอล์ฟ” ยืนยันไม่มีสัมพันธ์เชิงชู้สาว แต่ยอมรับว่า “อ่อนต่อโลก” พระเทพพัชราภรณ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดชูจิตธรรมาราม อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ทำพิธีลาสิกขาด้วยความสมัครใจในวันนี้ ภายหลังจากเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) และกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) ลงพื้นที่ตรวจสอบเส้นทางการเงินของวัด พร้อมสอบปากคำพระเทพพัชราภรณ์ อดีตเจ้าอาวาสฯ นานเกือบ 3 ชั่วโมง พันตำรวจโท สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้ช่วยเลขาธิการ ป.ป.ท. เปิดเผยว่า อดีตเจ้าอาวาสฯ เต็มใจลาสิกขา เข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย เพราะจากการตรวจสอบเส้นทางการเงินของสีกากอล์ฟ พบว่า เส้นเงินถูกโอนจากบัญชีส่วนตัวของอดีตเจ้าอาวาสฯ ซึ่งเจ้าตัวยอมรับว่า เป็นเงินที่ได้มาจากการรับกิจนิมนต์และสอนหนังสือ โดยโอนไปให้สีกากอล์ฟ รวม 12.8 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีเงินจากบัญชีวัดอีก 3.8 แสนบาท ซึ่งมีทั้งโอนผ่านโทรศัพพ์และให้เป็นเงินสด เริ่มโอนตั้งแต่เดือนมกราคมไปจนถึงเดือนกรกฎาคม 2567 ซึ่งในเดือนเดียวกันพบว่าโอนให้สีกากอล์ฟ […]

แก๊งจีนดำลวงเพื่อนร่วมชาติเรียกค่าไถ่ สังหารโหด

เชียงราย 14 ก.ค. – ตำรวจเร่งคลี่คลายคดีแก๊งจีนดำฆ่าจีนเทา หลอกเพื่อนร่วมชาติมาเรียกค่าไถ่ที่เชียงใหม่ สังหารโหด และนำศพทิ้งกลางป่า ตำรวจพบศพนายหยาง อายุ 24 ปี สัญชาติจีน ถูกห่อด้วยถุงดำ และผ้าปูที่นอน แล้วใช้ผ้ายางพลาสติกห่อทับอีกชั้น ถูกนำมาทิ้งไว้ที่ป่าละเมาะข้างทางริมถนน ใกล้กับหมู่บ้านป่าเหว ตำบลแม่แรม อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ โดยก่อนหน้านี้ ได้รับการร้องขอความช่วยเหลือจากพี่สาวของนายหยางให้ช่วยติดตามตัวน้องชาย หลังข้ามชายแดนมาจากเขตเศรษฐกิจพิเศษคิงส์โรมัน ในฝั่งลาว ผ่าน ตม.สบรวก อำเภอเชียงแสน ที่ จ.เชียงราย มาพร้อมกับนายฮูกัง เพื่อนชาวจีนอีกคนหนึ่ง โดยจ้างแท็กซี่เดินทางมายังเชียงใหม่ เมื่อ 8 กรกฎาคมที่ผ่านมาและหายตัวไป ก่อนถูกเรียกค่าไถ่ 3 ล้านบาท เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม ที่ผ่านมา พลตำรวจโทกฤตธาพล ยี่สาคร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 เปิดเผยว่า พบตัวนายฮูกัง เพื่อนชาวจีนที่เดินทางมากับนายหยาง และอ้างว่า ถูกนายซาง เบนซิน และนายหวังซวง นัดหมายให้พานายหยาง […]