รมว. เกษตรฯ มอบคูปองลดหย่อนภาษีแก่บริษัทล้อยาง ชี้ราคายางพาราปรับสูงขึ้น 3 บาทกว่า ภายใน 2 สัปดาห์

กรุงเทพฯ 18 ธ.ค. – รมว. เกษตรฯ มอบส่งมอบคูปองลดหย่อนภาษี “โครงการช้อปช่วยชาติ ” พร้อมเปิดตัวผู้แทนจำหน่ายยางล้อที่เข้าร่วมโครงการ ยืนยัน จากการเร่งดำเนินมาตรการเพิ่มปริมาณการใช้ยางพาราในประเทศ ทำให้วันนี้ราคายางพาราปรับตัวสูงขึ้นจากเมื่อต้นเดือนสูงขึ้นกว่า 3 บาทต่อกิโลกรัม


นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานมอบคูปองลดหย่อนภาษีที่จัดสรรให้กับบริษัทผู้ผลิตยางล้อแก่บริษัท IRC , Maxxis ,  N.D Rubber , ดีสโตน และโอตานิ ซึ่งตกลงรับซื้อวัตถุดิบยางจาก กยท. เพื่อนำไปผลิตล้อยางแล้วรวม 1,706,000 กิโลกรัม ซึ่งคูปองลดหย่อนภาษีที่จัดสรรให้แบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ คูปองสำหรับยางล้อรถยนต์ประเภท 4 ล้อ ได้รับคูปองจำนวน 100 ใบต่อการซื้อวัตถุดิบ 1 ตันและคูปองสำหรับยางล้อรถจักรยานยนต์หรือรถจักรยานประเภทรถ 2 ล้อได้รับคูปองจำนวน 500 ใบ ต่อการซื้อวัตถุดิบ 1 ตัน 

นอกจากนี้ยังมีบริษัทผู้ผลิตยางล้อของต่างประเทศซึ่งมีโรงงานในประเทศไทยสนใจเข้าร่วมโครงการเพื่อซื้อยางช่วยชาติเพิ่มเติมอีก แต่ยังไม่สามารถจัดซื้อได้ทันที เนื่องจากต้องประสานงานกับบริษัทแม่ในต่างประเทศเรื่องการทดสอบคุณภาพยางแผ่นและยางแท่งที่จะจัดซื้อจากสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางที่ กยท. จะรวบรวมให้ ทั้งนี้ได้แสดงความจริงใจที่จะร่วมมือโดยการทำสัญญาซื้อขายยางไว้ล่วงหน้า แล้วนำสัญญามาแสดงต่อ กยท.เพื่อรับคูปอง จากนั้นนำคูปองไปกระจายต่อบริษัทหรือร้านค้าที่จำหน่ายยางได้ 


สำหรับประชาชนที่ซื้อล้อยางรถยนต์ที่รับซื้อจากวัตถุดิบในประเทศไทยสามารถนำรายจ่ายมาหักลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 15,000 บาท โดยต้องมีใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปแบบ และคูปองที่ กยท. ออกให้ไว้เป็นหลักฐาน เพื่อใช้หักลดหย่อนภาษีในปีที่ซื้อ หากซื้อช่วงปีไหนก็หักลดหย่อนภาษีปีนั้น โดยเริ่มช้อปสินค้าได้ตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2561 จนถึง 16 มกราคม 2562 รวมระยะเวลา 1 เดือน 

ผู้ประกอบการผลิตล้อยางได้แก่ โอตานิแจ้งว่า มีร้านค้าตัวแทนจำหน่าย 200 สาขา ดีสโตน 800 สาขา แม็กซิส 40 สาขา ส่วนไออาร์ซีมีตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ โดยผู้แทนของโอตานิระบุว่า เดิมซื้อยางพาราจากสหกรณ์ 5 สหกรณ์ที่สามารถผลิตยางแผ่นและยางแท่งได้มาตรฐาน GMP อยู่แล้วซึ่ง อยู่แล้วซึ่งมีค่าความหนืด ความยืดหยุ่น และความสะอาดดีตามที่บริษัทต้องการ ทั้งนี้แม้จะหมดโครงการช้อปช่วยชาติแล้วยินดีจะรับซื้อจากสถาบันเกษตรกรมากขึ้น โดยขอให้ กยท. ร่วมกับกรมส่งเสริมสหกรณ์ส่งเสริมให้สถาบันเกษตรกรผลิตยางให้มีคุณภาพ รวบรวมปริมาณยางได้ตามคำสั่งซื้อ และส่งมอบตรงตามสัญญา

นายกฤษฎา กล่าวว่า ขณะนี้มีสหกรณ์ชาวสวนยางมี 841 สหกรณ์ ใน 59 จังหวัด โดยครม. มีมติเห็นชอบให้กรมส่งเสริมสหกรณ์คัดเลือกสหกรณ์ที่มีศักยภาพขอสินเชื่อจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรได้ 5,000 ล้านบาท ซึ่งรัฐบาลชดเชยดอกเบี้ยให้ 200 ล้านบาท โดยสหกรณ์ที่ได้รับคัดเลือกจะทำหน้าที่รวบรวมยางพาราจากสมาชิกสหกรณ์และเกษตรกรในพื้นที่ นำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ทั้งนี้มี 6 สหกรณ์ที่รวบรวมและแปรรูปได้ ส่วนอีก 12 สหกรณ์มีศักยภาพในการรวบรวม แล้วนำส่งโรงงานแปรรูป ซึ่งกระทรวงเกษตรฯ จะพัฒนาสหกรณ์ชาวสวนยางให้ยกระดับการดำเนินกิจการให้ได้เทียบเท่ากับสหกรณ์อำเภอบ่อทอง จังหวัดชลบุรีซึ่งสามารถแปรรูปยางพาราส่งออกไปยังเมืองชิงเต่า ประเทศจีนซึ่งเป็นตลาดซื้อขายยางพาราที่แห่งใหญ่ได้ด้วย


นายกฤษฎากล่าวเพิ่มเติมถึง โครงการทำถนน 1 หมู่บ้าน 1 กิโลเมตรว่า กำลังประสานกับกระทรวงมหาดไทยขอให้เชิญองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) 7,000 กว่าแห่งมาประชุมเพื่อทำความเข้าใจแบบรายการยางมาตรฐานทำถนนดินซีเมนต์ปรับปรุงคุณภาพด้วยยางพาราซึ่งออกแบบโดยกรมทางหลวงซึ่งได้ปรับจากเดิมที่กำหนดให้ใช้น้ำยางข้นที่ผสมสารเพิ่มจากโรงงานแปรรูปน้ำยางในกรุงเทพฯ 9 แห่งซึ่งทำให้เกษตรกรกังวลว่า ต้องขายน้ำยางแก่คนกลางเพื่อส่งมาแปรรูป แล้วผู้ได้รับประโยชน์คือ คนกลางและโรงงานแปรรูปเท่านั้น ซึ่งกระทรวงเกษตรฯ ได้ประสานไปยังกรมทางหลวงให้ออกแบบรายการยางมาตรฐานใหม่เพื่อให้สามารถผสมสารเพิ่มที่ภาคสนามได้เลย (Mix in Place) แบบนั้นเปิดให้สามารถใช้ได้ทั้งน้ำยางสดและน้ำยางข้น ส่วนราคากลางที่กำหนดโดยกรมบัญชีกลาง ราคาน้ำยางสดอยู่ที่กิโลกรัมละ 39 บาทซึ่งเป็นราคาที่สอดคล้องกับแบบที่ออกโดยกรมทางหลวงเพื่อให้ใช้คำนวณราคากลางสำหรับการก่อสร้างได้ แต่ในวันที่ อปท. รับซื้อจากสถาบันเกษตรกรอาจแตกต่างไปจากราคากลางบ้าง ขอย้ำว่า ราคากลางก่อสร้างถนนอยู่ที่กิโลเมตรละประมาณ 1.2 ล้านบาทในกรณีจ้างเหมา หากท้องถิ่นดำเนินการเองอยู่ที่ 900,000 ถึง 1,000,000 บาท ยืนยันว่า ที่ปรากฏเป็นข่าวว่า ค่าก่อสร้างถนนอยู่ที่ 2.1 ล้านบาทนั้นเป็นราคากลางเดิมที่คำนวณจากการนำน้ำยางมาผสมที่โรงานแปรรูปน้ำยางในกรุงเทพฯ ซึ่งขณะนี้ได้ปรับลดลงแล้ว และผู้ได้รับประโยชน์คือ เกษตรกรโดยตรงที่จะขายน้ำยางแก่ อปท. ผ่านสถาบันเกษตรกร

สำหรับข้อห่วงใยที่ว่า ถนนงานดินซีเมนต์ปรับปรุงคุณภาพด้วยยางพาราจะไม่ได้มาตรฐานนั้น ยืนยันว่า ก่อนที่ อปท. จะรับมอบต้องมีขั้นตอนตรวจสอบโดยต้องขุดดินที่ราดด้วยน้ำยางแล้วใช้รถเกลี่ยจนเป็นเนื้อเดียวกันไปทดสอบในสถาบันอุดมศึกษาที่มีคณะวิศวกรรมศาสตร์ ซึ่งจะต้องได้มาตรฐานความแน่น ความยืดหยุ่น และสมรรถนะการรับน้ำหนักได้ตามที่กรมทางหลวงกำหนด

นายกฤษฎากล่าวว่า การเร่งดำเนินโครงการต่างๆ เพื่อรักษาเสถียรภาพราคายางพาราทำให้ราคาปรับสูงขึ้นแล้ว โดยราคายางแผ่นรมควันวันนี้ (18 ธันวาคม 61) อยู่ที่ 43.19 บาท จากเมื่อวันที่ 1 ธันวาคมอยู่ที่ 39.17 บาท ปรับขึ้นมา 3.40 บาท คิดเป็นร้อยละ 8.5 ในระยะเวลาเพียง 2 สัปดาห์กว่า เชื่อมั่นว่า เมื่อมีการสร้างถนนในหมู่บ้านเกือบ 80,000 แห่งทั่วประเทศราคายางพาราจะปรับสูงขึ้นอีกแน่นอน . – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เก๋งซิ่งแหกโค้งชนเสาเหล็ก ไฟลุกไหม้คลอกคนขับดับสลด

ลพบุรี 6 มิ.ย. – เก๋งหรูซิ่งเสียงดังลั่น หมุนโชว์กลางสี่แยก ก่อนแหกโค้งชนเสาเหล็กป้ายข้างทางไฟลุกไหม้เสียหายทั้งคัน คลอกคนขับดับสลด เมื่อเวลา 03.30 น.ที่ผ่านมา ร.ต.ท.ชาตรี ทรัพย์นิยมพงศ์ ร้อยเวรสอบสวน สภ.เมืองลพบุรี รับแจ้งรถเก๋งชนเสาข้างถนน ไฟลุกไหม้ทั้งคัน บนถนนทางเข้าบ้านหนองน้ำทิพย์ หมู่ 7 ต.เขาพระงาม อ.เมืองลพบุรี พร้อมแจ้งรถน้ำดับเพลิงป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลตำบลเขาพระงาม รุดไปดับไฟ และเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู ร่วมตรวจสอบ จุดเกิดเหตุพบไฟกำลังลุกไหม้โหมทั่วไปทั้งคันรถ สังเกตดูเบื้องต้นคนขับติดอยู่ที่เบาะนั่งสภาพหมดสติ เจ้าหน้าที่เร่งระดมฉีดน้ำใช้เวลาประมาณ 15 นาที เพลิงสงบ จากการตรวจสอบด้านซ้ายรถชนอัดอยู่กับเสาเหล็กป้ายบอกทาง สภาพเหลือแต่ซาก เบื้องต้นพบเป็นรถเก๋งยี่ห้อยี่ห้อบีเอ็มดับเบิลยู ไม่ทราบสี-ทะเบียน ถูกไฟไหม้ เหลืออยู่ครึ่งป้าย ภายในรถพบร่างชายถูกไฟไหม้เกรียม ยังไม่ทราบชื่อว่าเป็นใครมาจากไหน สอบถามนางเล็ก ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองนั่งเฝ้าเครื่องสูบน้ำใกล้จุดเกิดเหตุ ได้ยินเสียงรถเก๋งคันดังกล่าวขับซิ่งมาจากแยกเขาพระงาม มุ่งหน้าไปทางโคกสำโรง เสียงท่ออย่างดังลั่น พอมาถึงสามแยกบ้านหนองน้ำทิพย์ ได้หมุนโชว์กลางแยก 1 รอบ จากนั้นขับไปยูเทิร์นกลับมาอีกรอบ เลี้ยวเข้าทางแยกหนองน้ำทิพย์ได้ประมาณ 300 เมตร […]

ตำรวจเร่งตามหาเจ้าของเงิน 12 ล้าน วางทิ้งข้างถังขยะ

นนทบุรี 6 มิ.ย. – ตำรวจเร่งตามหาเจ้าของเงินสด 12 ล้าน ในกล่องพลาสติก วางทิ้งข้างถังขยะคอนโดฯ ย่านเมืองทองธานี จากกรณีพลเมืองดีพบธนบัตรไทยจำนวนมาก ถูกซุกซ่อนอยู่ภายในกล่องพลาสติก บริเวณคอนโดฯ ย่านเมืองทองธานี จ.นนทบุรี เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบเอกสารเกี่ยวกับหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายและซองจดหมาย ปรากฏชื่อบุคคลและหน่วยงานรัฐในเอกสาร จึงได้ยึดธนบัตรดังกล่าวมาที่ สภ.ปากเกร็ด เพื่อพิสูจน์ว่าเป็นเงินอะไร ได้มาถูกต้องหรือไม่ และใครเป็นเจ้าของที่แท้จริง เบื้องต้นพบเป็นเงินสดจำนวน 12 ล้านบาท และเมื่อเจ้าหน้าที่นำสายรัดของธนบัตรดังกล่าวไปตรวจสอบ พบว่ามีการจ่ายเงินออกมาจำนวนดังกล่าวตั้งแต่ปี 2563    พลเมืองดีเล่าว่า เวลาประมาณ 20.00 น. ของเมื่อวานนี้ (5 มิ.ย.) ตนและเพื่อนเดินไปลิฟต์ที่ชั้น 4 ซึ่งข้างลิฟต์เป็นที่ทิ้งขยะ เห็นกล่องสภาพดีวางอยู่ ก็จะเก็บไปใช้ ซึ่งกล่องถูกเปิดแง้มเอาไว้และมีเสื้อผ้าวางทับด้านบน จึงเปิดดูพบเงินสดฉบับละ 1,000 บาท เป็นมัดๆ จำนวนมาก จึงโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตรวจสอบ ความคืบหน้าในการติดตามหาตัวคนที่นำกล่องเงินมาทิ้ง ตำรวจสืบสวน สภ.ปากเกร็ด ได้ลงพื้นที่ไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณจุดที่พบเพื่อหาเบาะแสคนที่นำกล่องพลาสติกมาทิ้ง เบื้องต้นยังไม่พบผู้ต้องสงสัย นอกจากนี้ยังได้พยายามติดต่อกับ นายทวีวัฒน์ […]

น้ำมันรั่วลงทะเล

สั่งเจ้าท่าระงับเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือ Phoenix Jamnagar

ชลบุรี 6 มิ.ย.- “มนพร” สั่งการกรมเจ้าท่าตั้งศูนย์ประสานงานแก้ไขปัญหาและควบคุมสถานการณ์น้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือ Phoenix Jamnagar บริเวณท่าเรือบริษัทไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ศรีราชา จังหวัดชลบุรี นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม สั่งการให้ นายกริชเพชร ชัยช่วย อธิบดีกรมเจ้าท่า ดำเนินการจัดตั้งศูนย์ประสานงานป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมัน เพื่อ ระงับเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือ Phoenix Jamnagar ซึ่งเป็นเรือบรรทุกน้ำมันดิบสัญชาติสิงคโปร์ หมายเลข IMO 9828962 โดยเหตุเกิดบริเวณทุ่นรับน้ำมันกลางทะเล (SBM2) ของบริษัทไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ในเขตพื้นที่ศรีราชา จังหวัดชลบุรี เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเวลา 00.54 น. โดยมีสาเหตุมาจากท่อส่งน้ำมันที่ชำรุด ส่งผลให้น้ำมันดิบรั่วไหลลงสู่ทะเลในปริมาณประมาณ 20 คิว หรือราว 20 ตัน กรมเจ้าท่าได้ดำเนินการประเมินสถานการณ์โดยเร่งดำเนินการจัดตั้งศูนย์ประสานงานฯ ณ โรงกลั่นน้ำมันของบริษัทไทยออยล์ จังหวัดชลบุรี เพื่อเป็นศูนย์กลางในการควบคุมเหตุการณ์ ทั้งนี้กรมเจ้าท่าในฐานะเลขานุการศูนย์ประสานงาน ได้ประสานกองทัพเรือจัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ในการขจัดคราบน้ำมัน จากการสำรวจพื้นที่ พบว่าลักษณะของคราบน้ำมันเป็นคราบสีดำหรือน้ำตาลบาง ๆ […]

นักศึกษาเจอคอลเซ็นเตอร์ปั่นหัวถือมีดบุกโรงพัก

เชียงใหม่ 5 มิ.ย. – แก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกนักศึกษาเชียงใหม่ สูญกว่า 2 ล้านบาท พ่อแม่เครียดหมดเนื้อหมดตัว บางรายถูกปั่นหัวให้ถือมีดบุกโรงพักเย้ยตำรวจ พบเฉพาะ สภ.ภูพิงค์ฯ มีเหยื่อโดนหลอกลักษณะนี้แล้วกว่า 300 ราย กล้องวงจรปิดบันทึกภาพนักศึกษาสาว ชั้นปีที่ 4 ขี่รถจักรยานยนต์มาจอดภายใน สภ.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ จากนั้นเดินไปเข็นวีลแชร์ที่อยู่ตรงหัวมุมอาคาร แล้วก็เข็นไปเข็นมาอยู่อย่างนั้น ก่อนจะถือมีดไปที่บริเวณห้องรับแจ้งความ และอ้างว่า จะมาขอพบตำรวจนายหนึ่ง แต่ไม่มีชื่อนี้อยู่ที่โรงพัก จึงขอพบ พันตำรวจเอก มนัสชัย อินทร์เถื่อน ผู้กำกับ สภ.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ เพราะไปฆ่าคนตายมา ขณะนั้น ตำรวจสืบสวนสังเกตเห็นว่า นักศึกษาสาวมีท่าทางหวาดระแวงใส่หูฟังเหมือนกับทำตามคำสั่งใครสักคนที่สั่งการจากปลายสาย ด้านตำรวจจึงชวนพูดคุยสอบถามสักพัก จนยอมวางมีดลง จากนั้น ตำรวจจึงขอให้ดึงหูฟังออก ปรากฏว่า นักศึกษาสาวกลับได้สติขึ้นมาว่า ชายที่สั่งการทางโทรศัพท์ไม่ใช่ตำรวจจริง เป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สั่งให้มาป่วนตำรวจ เนื่องจากไม่มีเงินโอนให้ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 มิ.ย. ที่ผ่านมา ตำรวจจึงตรวจสอบพบว่า ในวันเดียวกัน […]

ข่าวแนะนำ

ลอบวางระเบิด 2 จุด กลางตลาดโต้รุ่งเมืองปัตตานี

ปัตตานี 8 มิ.ย. – คนร้ายลอบวางระเบิดกลางตลาดโต้รุ่ง เขตเทศบาลเมืองปัตตานี รถจักรยานยนต์เสียหาย 2 คัน เบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต วันที่ 8 มิ.ย.68 เวลา 20.00 น. เกิดเหตุคนร้ายไม่ทราบกลุ่มจำนวน ลอบวางระเบิดแสวงเครื่อง จำนวน 2 ลูก โดยจุดแรก วางระเบิดในถังขยะ หน้าร้านทอง บริเวณตลาดโต้รุ่ง เขตเทศบาลเมืองปัตตานี เบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต รถจักรยานยนต์ได้รับความเสียหาย จำนวน 2 คัน และจุดที่ 2 วางระเบิดในถังขยะ บริเวณในซอยข้างโรงแรม หลังตลาดโต้รุ่ง เขตเทศบาลเมืองปัตตานี เบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต การก่อเหตุครั้งนี้ คาดว่าเป็นการก่อเหตุเพื่อสร้างสถานการณ์ให้เกิดขึ้นในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ตามข้อมูลข่าวสารที่หน่วย ส.จว.ปัตตานี ได้ออกข่าวแจ้งเตือนไปแล้ว เมื่อวันที่ 26 พ.ค.68 เวลา 15.00 น. ปรากฏข่าวสารว่า นายมะกอเซ็ง หม้าแอ สมาชิก ผกร.ระดับปฏิบัติการ และสมาชิกจำนวน […]

นายกฯ เผยหารือกัมพูชา ตกลงปรับกำลังทหารทั้ง 2 ฝ่าย ลดเผชิญหน้า

ทำเนียบรัฐบาล 8 มิ.ย. – นายกฯ เผยหารือกับรัฐบาลกัมพูชา ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงจะร่วมกันปรับกำลังทหาร จุดที่มีการกระทบกระทั่ง เพื่อลดการเผชิญหน้า เดินหน้าใช้กลไก JBC 14 มิ.ย.นี้ นำพาความสัมพันธ์เข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็ว น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ระบุว่า ความพยายามคลี่คลายสถานการณ์ความขัดแย้งตามแนวชายแดน โดยการปฏิบัติงานของทั้งระดับนโยบาย โดยรัฐบาล ฝ่ายความมั่นคง กองทัพ กระทรวงการต่างประเทศ และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีพัฒนาการในทางที่ดีขึ้นเป็นลำดับค่ะ ดิฉันได้หารือกับรัฐบาลกัมพูชา มีข้อสรุปที่ส่งผลดีต่อสถานการณ์ โดยทั้ง 2 ฝ่ายตกลงจะร่วมกันปรับกำลังทหาร ณ จุดที่มีการกระทบกระทั่ง เพื่อลดบรรยากาศการเผชิญหน้า และจะพัฒนาความร่วมมือโดยใช้กลไก JBC ในวันที่ 14 มิถุนายนนี้ และจะมีการพูดคุยกันในทุกระดับ เพื่อนำพาความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ประเทศเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็วค่ะ ขอให้พี่น้องประชาชนติดตามสถานการณ์และข้อเท็จจริงจากรัฐบาล พร้อมทั้งเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานจนประสบผลสำเร็จต่อไป สุดท้ายนี้ ขอให้พี่น้องประชาชนได้โปรดคลายความกังวล และมีความมั่นใจในการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลว่า จะไม่มีเหตุกระทบกระทั่งที่รุนแรงเกิดขึ้นแน่นอนค่ะ.-316-สำนักข่าวไทย

โฆษก ทบ. ยันทหารกัมพูชายอมถอนกำลัง-กลบคูเลต ลดตึงเครียด

8 มิ.ย. – โฆษก ทบ. ยืนยันทหารกัมพูชายอมถอนกำลังกลับไปอยู่จุดเดิม พร้อมกลบคูเลตให้คืนสู่สภาพเดิม หลังบรรลุข้อตกลงการหารือ เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ในพื้นที่พิพาทบริเวณช่องบก ลดความตึงเครียด วันนี้ (8 มิ.ย.68)​ พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า ฝ่ายกัมพูชา นำโดย พล.ท.สรัย ดึก รองผู้บัญชาการทหารบก และผู้บัญชาการกองพลสนับสนุนที่ 3 ได้เชิญฝ่ายทหารไทย โดย พล.ต.สมภพ ภาระเวช ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี เข้าร่วมหารือ เพื่อเจรจาเกี่ยวกับกรณีปัญหาการรุกล้ำดินแดนในพื้นที่พิพาทบริเวณช่องบก จากการหารือเบื้องต้น ทั้งสองฝ่ายได้บรรลุข้อตกลงในประเด็นสำคัญ คือ ฝ่ายทหารกัมพูชายินยอมถอนกำลังกลับไปยังจุดที่เคยประจำการอยู่เดิม ซึ่งอยู่ห่างจากบริเวณที่เกิดเหตุปะทะ หรือแนวต้นพญาสัตบรรณ ลึกเข้าไปในเขตแดนของประเทศกัมพูชา จุดดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่ฝ่ายกัมพูชาเคยใช้เป็นแนววางกำลังฐานมาโดยตลอดในอดีต นอกจากนี้ ฝ่ายกัมพูชายังแสดงความยินยอมที่จะดำเนินการกลบคูเลตให้กลับคืนสู่สภาพธรรมชาติตามเดิม ตามข้อเสนอของฝ่ายไทย เพื่อเป็นการลดความตึงเครียด และสร้างบรรยากาศแห่งความร่วมมือ ภายหลังจากนี้ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องร่วมกันที่จะใช้กลไกระดับคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่น เป็นช่องทางในการหารือแนวทางบริหารจัดการพื้นที่อย่างเหมาะสมและยั่งยืนต่อไป.-313-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 สั่งกองกำลังสุรนารี ปรับเวลาเปิด-ปิด จุดผ่านแดนกัมพูชา 

8 มิ.ย.- เกาะติดสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา แม่ทัพภาค 2 ลงนามคำสั่งให้อำนาจผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี พิจารณาปรับเวลาเปิด-ปิด ด่านถาวรและจุดผ่อนปรนการค้า 4 ด่าน มีผลทันทีเมื่อคืนนี้ กองทัพภาคที่ 2 ออกหนังสือคำสั่ง การควบคุมการเปิด-ปิดจุดผ่านแดนทุกประเภทตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ในพื้นที่รับผิดชอบของกองกำลังสุรนารี ตามคำสั่งกองทัพบก เพื่อความปลอดภัยของประชาชน ให้กองทัพภาคที่ 2 โดยกองกำลังกำลังสุรนารีมีอำนาจการควบคุมการเปิด-ปิดจุดผ่านแดนทุกประเภทตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาในพื้นที่รับผิดชอบของกองกำลังสุรนารี วิธีการและเงื่อนไขหรือเงื่อนเวลา ที่จำเป็นเหมาะสม ในพื้นที่รับผิดชอบของกองกำลังสุรนารี ดังนี้