กรุงเทพฯ 18 ม.ค. – ม.หอการค้า เผย ดัชนีเชื่อมั่นหอการค้าไทยเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 48.4 จากเดือนก่อนที่ 48.3 แนะรัฐแก้ไขราคาสินค้าตกต่ำ เพิ่มรายได้ กระตุ้นกำลังซื้อประชาชน ด้านปัญหาฝุ่นละออง เบื้องต้นคาดกระทบใช้จ่าย-การท่องเที่ยวประชาชน มูลค่ารวม 5,000 – 10,000 ลบ.
นางเสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยดัชนีหอการค้าไทยและดัชนีภาคบริการในเดือนธันวาคม 2561 ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย อยู่ที่ 48.4 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 48.3 ขณะที่ในอนาคตคาดว่าจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 50.6 สำหรับปัจจัยที่สนับสนุนดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย เช่น การใช้จ่ายและการลงทุนของภาครัฐ การเติบโตต่อเนื่องของการท่องเที่ยว โดยเฉพาะในช่วงปลายปี การส่งออกและนำเข้าที่มีสัญญาณฟื้นตัว การประกาศจัดการเลือกตั้ง และปลดล็อกการดำเนินกิจกรรมทางการเมือง ระดับราคาพลังงานที่ยังอยู่ในระดับต่ำ
สำหรับปัจจัยลบที่มีต่อดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย ประกอบด้วย การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ทำให้ผู้ประกอบการวิตกกังวลเกี่ยวกับต้นทุนที่อาจสูงขึ้น ราคายางและปาล์มที่อยู่ในระดับต่ำ การปรับตัวลดลงของการลงทุนภาคเอกชน การลดลงของภาคการค้าชายแดน ปัญหาความผันผวนของค่าเงินบาท และความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง
นางเสาวณีย์ กล่าวว่า ข้อเสนอแนะต่อภาครัฐ และแนวทางการดำเนินการของภาคเอกชน หลังจากนี้ ต้องการให้ภาครัฐแก้ไขปัญหาสินค้าเกษตรตกต่ำ มาตรการเพิ่มรายได้และกำลังซื้อให้กับประชาชน การส่งเสริมการท่องเที่ยว เช่น การสร้างความเชื่อมั่นการท่องเที่ยวให้กับนักท่องเที่ยว การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน สาธารณูปโภคและคมนาคมในประเทศ โดยเฉพาะบริเวณแนวชายแดน การกระตุ้นและการพัฒนาเศรษฐกิจ การประกาศวันเลือกตั้งเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยว
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ในปี 2562 หากมีการมีเลือกตั้งและมีรัฐบาลใหม่ที่มาจากการเลือกตั้งจะช่วยให้เศรษฐกิจของประเทศดีขึ้น รวมทั้งการกลับมาของนักท่องเที่ยวจีนที่ขณะนี้เริ่มกลับมาแล้วแต่ยังไม่เต็ม 100% และราคาสินค้าเกษตรดีขึ้น โครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกได้รับการสานต่อคาดว่าเศรษฐกิจจะเจริญเติบโตมากกว่า 4% ประกอบกับเศรษฐกิจโลกไม่ได้มีแนวโน้มแย่กว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยเฉพาะกรณี Brexit ที่ไม่ได้กระทบการค้าโลกมากนัก ส่วนการท่องเที่ยวจะฟื้นตัวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จากนักท่องเที่ยวจีนและอินเดียที่ยังเพิ่มสูงขึ้น
ขณะที่ปัญหาฝุ่นละอองที่เกิดขึ้นนั้น มองว่า จะเกิดผลกระทบเพียง 1 เดือนเท่านั้น และในเบื้องต้นประเมินว่า จะกระทบกับการใช้จ่ายในการซื้อสินค้า และประชาชนชะลอการท่องเที่ยวรวมมูลค่า 5,000-10,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจะต้องเร่งแก้ไขในระยะยาวต่อไป ส่วนการเลือกตั้งหากเป็นวันที่ 24 มีนาคม ตามที่ประกาศไว้จริง จะเป็นปัจจัยบวกที่จะทำให้เศรษฐกิจขยายตัวได้ดีตามที่ประมาณการไว้ที่ 4 – 4.5% เพราะยังอยู่ในกรอบที่คาดไว้ . – สำนักข่าวไทย