นนทบุรี 27 พ.ย.- แม้จะคดี “ป้าทุบรถ” ที่ศาลสั่งปรับสาวจอดรถขวางหน้าบ้าน 5,000 บาท จำคุก 15 วัน ที่สร้างบรรทัดฐานในการเอาผิดผู้เบียดบังสิทธิจอดรถขวางหน้าบ้านคนอื่น แต่ก็ยังมีความขัดแย้งจากปัญหาเดียวกันนี้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดที่ จ.นนทบุรี
นางพรรณี วิริยาประภากร เจ้าของบ้านในหมู่บ้านพบสุข อ.ปากเกร็ด นนทบุรี เป็นอีกคนที่ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาเพื่อนบ้านจอดรถกีดขวางบนถนนส่วนกลางของหมู่บ้านที่ใช้ร่วมกัน ทำให้เธอไม่สามารถนำรถเข้า-ออกจอดในบ้านของตัวเองได้ แม้จะมีปากเสียงกันมาแล้วนับ 10 ครั้ง แจ้งให้กรรมการหมู่บ้านเข้ามาไกล่เกลี่ย และถึงขั้นแจ้งความดำเนินคดี แต่ปัญหาก็ยังไม่ได้รับการแก้ไข
เช่นเดียวกับนายมานิตย์ โสภาเลิศ เจ้าของบ้าน ใกล้กันอีกหลัง ทนพฤติกรรมเพื่อนบ้านรายเดียวกันนี้ ที่ชอบจอดรถกีดขวางทางเข้า-ออกไม่ไหว ต้องพาครอบครัวย้ายหนีออกจากบ้าน และประกาศขายบ้านหลังดังกล่าวทิ้ง
ในพื้นที่หมู่บ้าน ตลาด และย่านชุมชนเมือง มักเกิดปัญหาการจอดรถกีดขวางการจราจร กีดขวางทางเข้าบ้าน จนนำไปความขัดแย้งอยู่บ่อยครั้ง ทนายรัชพล ศิริสาคร ปธ.ชมรมสนับสนุนการต่อสู้เพื่อความยุติธรรม บอกว่า มีประชาชนเข้ามาขอคำปรึกษาเกี่ยวกับปัญหาเหล่านี้ทุกสัปดาห์ ถกเถียงอ้างเป็นสิทธิว่าตัวเองสามารถทำได้
คำพิพากษาคดีป้าทุบรถ ที่สั่งให้สาวจอดรถขวางบ้านโดนโทษหนักปรับ 5,000 บาท จำคุก 15 วัน จึงเป็นกรณีตัวอย่างที่สร้างบรรทัดฐานให้ไม่ต้องเถียงกันอีกต่อไป ผู้ใดจอดรถกีดขวางการจราจร หรือกระทำการใดๆ อันเป็นการรังแก ข่มเหง คุกคาม ให้ผู้อื่นได้รับความอับอาย หรือเดือดร้อนรำคาญ มีโทษทั้งจำและปรับ ผู้ได้รับความเดือดร้อนเข้าสามารถเข้าแจ้งความดำเนินคดีได้ทันที
ประธานชมรมสนับสนุนการต่อสู้เพื่อความยุติธรรม บอกอีกว่า นอกจากปัญหาการจอดรถกีดขวางการจราจร หรือทางเข้าออกหมู่บ้านแล้ว ปัญหาการใช้เสียงดัง การสร้างมลพิษ และปัญหาอื่นๆ ที่ก่อให้เกิดความรำคาญใจ ผู้เดือดร้อนสามารถเข้าแจ้งความดำเนินคดีได้โดยไม่ต้องใช้ศาลเตี้ยที่เสี่ยงอันตรายอีกต่อไป.-สำนักข่าวไทย