กทม. 12 พ.ย.-คับข่าวมีของ ช่วงออกพรรษา มีพิธีกรรมหนึ่งที่สำคัญสำหรับชาวพุทธ นั่นคือการทอดกฐิน และกฐินพระราชทานไม่ได้มีแค่ในไทย แต่ยังขยายไปวัดพุทธในต่างประเทศด้วย
ประเพณีทอดกฐิน เป็นพิธีที่พุทธศาสนิกชนปฏิบัติมาช้านาน ที่ทำเฉพาะในช่วงกฐินกาล คือหลังออกพรรษา 1 เดือน นับแต่วันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 ไปจนถึงวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 หรือวันลอยกระทง เพื่อถวายเครื่องบริวารให้พระสงฆ์ที่จำพรรษาตลอดช่วง จะมีทั้งพิธีหลวงและพิธีราษฎร์ โดยการถวายผ้าพระกฐินของพระมหากษัตริย์ไทยนั้นจัดเป็นพระราชพิธีที่สำคัญมาตั้งแต่โบราณ
โครงการเชิญผ้าพระกฐินพระราชทานไปทอดถวายที่วัดพุทธในต่างประเทศนั้น มีตั้งแต่ปี 2538 ปัจจุบันมี 13 ประเทศ คือ กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา เวียดนาม มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย จีน ศรีลังกา อินเดีย เนปาล บังกลาเทศและภูฏาน ที่ริเริ่มโดย ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ขณะนั้น ที่ต้องการวางรากฐานร่วมทางวัฒนธรรมของไทยและมิตรประเทศ ตลอดจนเผยแพร่พระกียรติคุณของสถาบันพระมาหากษัตริย์ไทยที่ทรงอุปถัมภ์ค้ำชูพระพุทธศาสนา จึงถือเป็นพิธีสำคัญที่จัดต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี
ในปีนี้ราชอาณาจักรภูฏาน เป็นประเทศแรกที่ไทย เชิญผ้ากฐินพระราชทานสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไปทอดถวาย ณ วัดคิชู ลาคัง เมืองพาโร โดยมีนายวีระศักดิ์ ฟูตระกูล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธาน พร้อมด้วยผู้แทนฝ่ายไทยและฝ่ายภูฏาน รวมทั้งพุทธศาสนิกชนทั้งสองประเทศ
วัดคิชู ลาคัง เป็นวัดพุทธมหายานที่เก่าแก่ที่สุดในภูฏานและเป็นวัดพุทธแห่งแรก มีประวัติศาสตร์ยาวนานถึง 1,200 ปี สร้างเมื่อศตวรรษที่ 7 โดยกษัตริย์ซ็องเซน กัมโป แห่งทิเบตภายในประดิษฐานโจโว ศากยมุนี พระพุทธปฎิมาศักดิ์สิทธิ์ อันเป็นที่เคารพสูงสุดของที่นี่ โดยภายในวัดโอบล้อมด้วยภูเขา และเต็มไปด้วยวงล้อมนตราที่เหล่าพุทธศาสนิกชนต่างมาหมุนเพื่อให้ได้รับพรและการคุ้มครองอีกทั้งยังช่วยทำสมาธิ
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงความสำคัญของกฐินพระราชทาน ในประเทศที่นับถือศาสนาพุทธเหมือนกัน ว่าเป็นการสร้างความแน่นแฟ้น ทั้งในระดับประเทศและประชาชนให้มากยิ่งขึ้น ด้วยการใช้วัฒนธรรมเป็นสื่อกลางเชื่อมความสัมพันธ์
อย่างไรก็ตาม แม้จะนับถือศาสนาพุทธเหมือนกัน แต่ก็มีหลากหลายนิกาย พิธีกรรมจึงไม่เหมือนกัน อย่างเช่น ภูฏานจะไม่มีการกรวดน้ำเหมือนไทยที่ความสำคัญกับพิธีกรรมนี้ หรือไทยจะใช้เทียนไข 1 คู่ ส่วนภูฏานจะใช้เทียนที่ทำจากเนยหลายสิบอันอีกทั้งจะต้องมีพานผลไม้วางถวายเสมอแต่ไทยมีเพียงดอกไม้ รวมถึงการกราบพระพุทธรูป ชาวภูฏานจะไหว้อย่างอ่อนน้อมถ่อมตน แบบอัษฎางคประดิษฐ์ โดยนอนราบให้อวัยวะส่วนสำคัญสัมผัสกับพื้นทั้ง 8 ส่วน ซึ่งแม้ว่าพิธีกรรมจะต่างกันอย่างไร แต่ก็มิใช่อุปสรรคต่อการทำนุบำรุงศาสนาของพุทธศาสนิกชนระหว่างมิตรประเทศ ที่สามารถหลอมหลวมใจชาวพุทธให้เป็นหนึ่งเดียวกันได้.-สำนักข่าวไทย