อุตตมระบุ ไทยพร้อมแล้วที่จะปรับสู่ยุค 4.0

กรุงเทพฯ 12 พ.ย.- “อุตตม” ฟันธงประเทศไทยพร้อมและโอกาสมาถึงแล้วในการปรับเปลี่ยนประเทศตามยุทธศาสตร์ประเทศไทย 4.0 เพื่อนำพาประเทศก้าวสู่เศรษฐกิจที่แข่งขันได้ ยืนหยัดได้ในเวทีโลก มีความสามารถในการสร้างสรรค์สินค้าใหม่ๆ คนไทยต้องใช้โอกาสเหล่านี้ ในการสร้างพันธมิตรหุ้นส่วนการค้าการลงทุนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ


นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวในการสัมมนา TRANSFORM  เศรษฐกิจไทย ก้าวไกลสู่อนาคต จัดโดย บมจ.มติชน ว่า ตามที่ประเทศไทยมีนโยบายประเทศไทย 4.0 เพื่อปรับเปลี่ยนประเทศนั้น ขณะนี้ประเทศไทย มีความพร้อมและเริ่มต้นแล้วที่จะปรับเปลี่ยนประเทศและโอกาสได้มาถึงแล้ว แต่ต้องมียุทธศาสตร์ที่ชัดเจน  โดยเฉพาะการปรับเปลี่ยนด้านเศรษฐกิจ ที่เริ่มต้นผ่านความร่วมมือแบบเป็นหุ้นส่วนที่แท้จริง ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคสังคม ประชาสังคมและภาคสถาบันการศึกษา โดยร่วมกันจัดทำแผนขับเคลื่อนยุทธศาสตร์อย่างจริงจัง  โดยคาดหวังได้ว่า การปรับเปลี่ยนเศรษฐกิจ จะนำไปสู่การเป็นเศรษฐกิจ ที่สามารถสร้างความเข้มแข็ง สามารถสร้างความมั่งคั่งได้อย่างกระจายและครอบคลุม เกิดความยั่งยืนและช่วยแก้ไขปัญหาเดิมๆที่สั่งสมอยู่ได้ เช่น ปัญหาความเหลื่อมล้ำและการเข้าถึงโอกาส เป็นต้น


นายอุตตม เชื่อว่า เศรษฐกิจที่ต้องการจะเห็นจากการปรับเปลี่ยนครั้งนี้ คือ ประเทศไทยจะมีเศรษฐกิจที่แข่งขันได้ สามารถยืนหยัดได้ในเวทีโลก และมีความสามารถในการสร้างสรรค์สินค้าใหม่ๆ ขณะเดียวกันก็เป็นเศรษฐกิจที่เปิดโอกาส ให้คนไทยสร้างอาชีพได้ ตั้งแต่กลุ่มสตาร์อัพ ที่เกิดขึ้นใหม่ และคนที่ต้องการเปลี่ยนอาชีพ ขณะที่กำลังคนจะต้องมีความพร้อมในการขับเคลื่อนเปลี่ยนแปลงของภาคอุตสาหกรรม อีกส่วนคือ บทบาทประเทศไทยในเวทีโลกเวทีภูมิภาค ต้องเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่ง ของยุทธศาสตร์การเปลี่ยนแปลงประเทศ ซึ่งขณะนี้ประเทศไทยมีจุดเด่นหลายด้านในเวทีโลก ไม่ว่าจะเป็นที่ตั้งประเทศ ทรัพยากรและกำลังคนที่มี ดังนั้นต้องใช้โอกาสเหล่านี้ ในการสร้างพันธมิตรหุ้นส่วนการค้าการลงทุนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศตามความเหมาะสมมาเป็นอีกส่วนหนึ่ง วันนี้คนไทยจะต้องร่วมมือกัน

“วันนี้ประเทศไทยมีความพร้อมและโอกาสมาถึง โดยไทยมีความพร้อมจากเศรษฐกิจเข้มแข็งพอในการปรับเปลี่ยนได้ แต่ยังมีจุดที่ต้องดำเนินการต่อจากปัญหาสะสมมาแต่เดิม โอกาสของประเทศมีเพราะไทยมีความโดดเด่นทั้งในเวทีระดับภูมิภาคและเวทีโลก ยุโรปเห็นว่า ประเทศไทยได้รับการจับตามองที่จะร่วมมือกัน โดยหลังการเมืองเดินหน้าปีหน้า ยุโรปสนใจเพราะประเทศไทย มีบทบาทเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค จึงต้องการมีความสัมพันธ์ที่ปกติกับประเทศไทย และยินดีที่ประเทศไทยเริ่มการปรับเปลี่ยนประเทศ ดังนั้น จึงขึ้นอยู่กับการใช้โอกาสอย่างพลาดไม่ได้ เพื่อที่จะสร้างหุ้นส่วนประโยชน์ร่วมกันกับประเทศต่าง ๆ ให้ได้มากที่สุด” นายอุตตม กล่าว

การที่ประเทศไทยมียุทธศาสตร์ ประเทศไทย 4.0 ในการปรับเปลี่ยนประเทศ โดยปรับเปลี่ยนสังคม  และเศรษฐกิจ ด้านเศรษฐกิจ ประเด็นแรก คือ มุ่งเศรฐษกิจเสริมแกร่งโครงสร้างเดิมที่มีอยู่ ซึ่งใช้ส่งออกเป็นหัวใจหลัก จะเน้นเรื่องความเข้มแข็งภายในประเทศให้มากขึ้น เพราะจะส่งผลต่อการส่งออกที่ดีตามมา และที่สำคัญเมื่อเศรษฐกิจเข้มแข็งจากภายในจะสามารถแก้ไขปัญหาสะสมได้ เช่นปัญหาความเหลื่อมล้ำ การเข้าถึงโอกาส และก้าวให้พ้นการรับจ้างผลิตสินค้า แต่ใช้นวัตกรรมสร้างสรรสิ่งใหม่ ๆ ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดได้


การปรับเปลี่ยนจะเป็นการเสริมแกร่งโดยปรับเปลี่ยนในมิติหลัก ๆ ได้แก่ เกษตรกรรมที่เป็นจุดเด่นของประเทศ เพราะมีความหลากหลายทางชีวะภาพ มีพืชผลเด่น ๆ หลายประเทศไม่มี แต่ต้องบริหารจัดการโดยใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย และล้างปัญหาเดิม ๆ สินค้าล้นตลาดเกษตรกรรายได้ไม่เพียงพอ เป็นสิ่งที่ต้องแก้ไข โดยยกระดับขีดความสามารถด้านการเกษตรขึ้นมา เช่น เกษตรต้องก้าวสู่เกษตรชาญฉลาดใช้เทคโนโลยีเหมาะสมกับสิ่งที่มีอยู่และช่วยกันยกระดับอย่างครบวงจร ตั้งแต่ตลาดมาถึงการผลิต การแปรรูป การเพิ่มมูลค่า และถอยมาถึงเรื่องการปลูกที่เหมาะสม รวมถึงการทำวิจัย โดยดำเนินการอย่างเป็นระบบ และการก้าวสู่อุตสาหกรรมชีวภาพ ที่เป็นการต่อยอดอุตสาหกรรมการเกษตร จากอาหารกระป๋อง ให้สามารถใช้เกษตรต้นทางไปสร้างสรรสินค้าที่มีมูลค่าสูงขึ้นไปอีก วันนี้กำลังส่งเสริมให้เกิดจริงจัง

อีกภาคคือ ภาคการผลิต ภาคอุตสาหกรรม จะเน้นการนำเทคโนโลยี การวิจัยและพัฒนาเข้ามาข่วยอย่างเหมาะสม เช่น ใช้เทคโนโลยีหุ่นยนต์เข้ามาช่วย ซึ่งผู้ประกอบการอย่ากลัวแต่ต้องมีแผนมีเป้าหมายอย่างชัดเจน หากไม่นำมาใช้จะไม่สามารถแข่งขันได้ 

เรื่องสำคัญที่สุดคือ “คน” จะต้องพัฒนาร่วมกัน มี 2 เรื่องสำคัญ เติมเต็มศักยภาพสร้างโอกาสและเตรียมความพร้อมกำลังคนเพื่อเข้าสู่เศรษฐกิจรูปแบบใหม่ที่กำลังเกิดขึ้นในอนาคต โดยต้องมีนโยบายเศรษฐกิจที่จะบ่มเพาะคนรุ่นใหม่ เน้นธุรกิจสตาร์อัพ วิสาหกิจรายใหม่ โดยจะต้องเติมเต็มเพิ่มเติบโตต่อไป ในโรงงานสามารถใช้ 5G เติมเต็มศักยภาพคนไทยทุกกลุ่มอายุ 

เตรียมความพร้อมคนไทยในอุตสาหกรรมเดิมและอุตสาหกรรมใหม่ ๆ เตรียมความพร้อมโดยเฉพาะรายกลางและรายเล็ก ปัจจุบันประเทศไทยมีเอสเอ็มอีประมาณ 5 ล้านราย แต่ขึ้นทะเบียนกับหน่วยงานรัฐเพียง 600,000 รายเท่านั้น ที่เหลือจึงไม่ทราบความพร้อม

วันนี้กระทรวงการคลังกำลังส่งเสริมให้ภาคธุรกิจมีบัญชีเดียว ทำให้กลุ่มคนเหล่านี้ได้รับประโยชน์จากการช่วยเหลือต่างจากภาครัฐได้ โดยกระทรวงอุตสาหกรรมเริ่มช่วยเหลือตั้งแต่ เอ็มเอสเอ็มอี คนตัวเล็ก ผู้ประกอบการใหม่สตาร์ทอัพ โดยจัดตั้งศูนย์ปฏิรูปอุตสาหกรรม 4.0 (Industry Transformation Center: ITC 4.0) ขณะนี้มี 13 แห่งทั่วประเทศช่วยเหลือในการพัฒนาตัวเอง อีกส่วนคือ เอสเอ็มอีที่ล้ม แต่ยังมีศักยภาพ จะไม่ทอดทิ้งแต่จะช่วยให้สามารถลุกขึ้นมาได้อีกครั้ง โดยช่วยเตรียมความพร้อมเข้าสู่โลกสมัยใหม่

อีกเรื่องที่สำคัญมากคือ การลงทุน เช่น โครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานซึ่งจำเป็นรองรับเศรษฐกิจที่จะขยายตัว โดยแต่ละโครงการยึดโยง และลงทุนตามยุทธศาสตร์ให้เกิดพลังขับเคลื่อน เช่น โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกหรืออีอีซี เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในอนาคต ซึ่งถูกออกแบบให้ยึดโยงกิจกรรมทางเศรษฐกิจออกไปทั่วประเทศไม่เฉพาะ 3 จังหวัดที่เป็นเขตอีอีซี เท่านั้น

นายอุตตม ย้ำว่า วันนี้ความพร้อมมี โอกาสมาประเทศ ไทยมีความพร้อมมีจุดเด่นในเวทีโลก ภูมิภาค ต้องสร้างหุ้นส่วนให้เต็มที่ ให้เวทีโลกเห็นการขับเคลื่อนของไทย ปีหน้าไทยเป็นประธานอาเซียน นายกรัฐมนตรีเตรียมการไว้แล้ว รัฐบาลไหนมาก็ใช้ประโยชน์ได้. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

กระดูกเทียมไทเทเนียม นวัตกรรมไทยช่วยทหารกล้าชายแดน

กรุงเทพฯ 16 ส.ค.-สินค้า IP ไทยสุดเลิศ ผลิตกระดูกเทียมและอุปกรณ์ช่วยผ่าตัด ช่วยเหลือทหารแนวหน้าที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ต่อยอดส่งออกสร้างรายได้ให้กับประเทศไทยในระยะยาว นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กรมทรัพย์สินทางปัญญา ร่วมกับบริษัท เมติคูลี่ จำกัด ผู้ผลิตกระดูกเทียมและอุปกรณ์ช่วยผู้ป่วยผ่าตัด ช่วยเหลือทหารแนวหน้าที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จำนวน 4 ราย ซึ่งรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี และโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าตามลำดับ เพื่อให้ทหารกล้าของไทยฟื้นฟูสภาพร่างกายให้กลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีโดยเร็ว “ความร่วมมือครั้งนี้ เริ่มจากกระทรวงพาณิชย์ลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานีเยี่ยมผู้ประสบภัย ชายแดนไทย–กัมพูชา เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2568 จากนั้นได้ประสานกับ เมติคูลี่ ซึ่งได้รับเลือกจากกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ ให้เป็น IP Champion ในสาขาสิทธิบัตรการประดิษฐ์ประจำปีนี้ มอบแผ่นปิดกะโหลกเทียมไทเทเนียมออกแบบเฉพาะบุคคล และกระดูก มือเทียมไทเทเนียมเฉพาะบุคคลให้ทางโรงพยาบาลเพื่อให้นายทหารที่ผ่านการผ่าตัดเปิดกะโหลกศีรษะ 3 ราย และผ่าตัดข้อมือ 1 ราย ได้รับการรักษาที่มีความแม่นยำสูง ด้วยการออกแบบกระดูกที่มีขนาดจำเพาะกับสรีระผู้ป่วย ทำให้ผู้ป่วยฟื้นฟูร่างกายได้ดีขึ้น และสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้อย่างปกติ โดยกระทรวงฯ ได้รับความร่วมมืออย่างดีจากกองบัญชาการกองทัพภาคที่ 2” […]

“นราธิวาส” จับยาไอซ์ลอตใหญ่ 900 กก. ซุกรถขนผัก

กทม.16 ส.ค.-“ภูมิธรรม” เผย “นราธิวาส” จับยาไอซ์ลอตใหญ่ 900 กก. ซุกรถขนผัก สั่งการเร่งขยายผลต่อเนื่อง พร้อมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากว่าที่ร้อยตรี ตระกูล โทธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ว่าจากการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาล ที่มุ่งปราบปรามยาเสพติดอย่างเด็ดขาด ในวันนี้ทางจังหวัดนราธิวาสร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ได้มีการแกะรอย และตรวจค้นรถกระบะที่มีการลักลอบขนส่งยาเสพติด บริเวณอำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส สามารถตรวจจับยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) ซุกซ่อนอยู่ในรถกระบะขนผัก จำนวน 30 กระสอบ น้ำหนักรวมประมาณ 900 กิโลกรัม และได้ทำการควบคุมตัวตัวผู้ต้องหาไว้ได้แล้ว นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า ตนได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม และนายเดชอิศม์ ขาวทอง รมช.มหาดไทย ลงพื้นที่จังหวัดนราธิวาส เพื่อติดตามการดำเนินงานและร่วมแถลงผลการจับกุมในวันที่ 16 ส.ค.นอกจากนี้ยังได้ให้กำลังใจผ่านผู้ว่าราชการจังหวัด ไปยังเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทุกท่านที่ทำหน้าที่อย่างเข้มข้น ตั้งใจ จนสามารถจับกุมกรณีการลักลอบขนส่งยาเสพติดล็อตใหญ่นี้ได้ และได้ให้ติดตามเพื่อขยายผลการจับกุมต่อไป.-319.-สำนักข่าวไทย

รัฐบาลย้ำเกษตรกรเร่งขึ้นทะเบียน-ปรับปรุงข้อมูลทางทะเบียน รับเงินช่วยเหลือ

ทำเนียบฯ 16 ส.ค. – รัฐบาลย้ำเกษตรกรเร่งขึ้นทะเบียนและปรับปรุงข้อมูลทางทะเบียนปีการผลิต 2568/69 พร้อมรอรับเงินช่วยเหลือตามนโยบายรัฐบาล นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) เห็นชอบโครงการพัฒนาศักยภาพการผลิตข้าวของเกษตรกรปลูกข้าวปีการผลิต 2568/69 และนาปรังปีการผลิต 2568 โดยจะจ่ายเงินช่วยเหลือชาวนา ไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 10 ไร่ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากปัญหาต้นทุนการผลิตสูงและราคาข้าวที่ตกต่ำ ซึ่งเกษตรกรที่ทำนาปรังและนาปี จะได้รับเงินหลังจากลงทะเบียนและตรวจสอบสิทธิแล้วเสร็จ ทั้งนี้ คาดว่าจะเกษตรกรที่ทำนาปรังจะได้รับเงินเร็วที่สุดภายในเดือนกันยายน 2568 ส่วนเกษตรกรที่ทำนาปี จะได้รับในช่วงปลายปีนี้ หรือต้นปีงบประมาณ 2569 รัฐบาลโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขอเชิญชวนเกษตรกรทั่วประเทศ เร่งดำเนินการขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร ประจำปีการผลิต 2568/69 โดยเกษตรกรสามารถขึ้นทะเบียนเกษตรกรผ่านช่องทางการบริการของรัฐโดยไม่มีค่าใช้จ่ายดังนี้ วิธีที่ 1 แจ้งกับเจ้าหน้าที่ สำหรับเกษตรกรรายเดิม แปลงเดิม สามารถแจ้งข้อมูลได้ที่สำนักงานเกษตรอำเภอทุกแห่ง หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีความพร้อม และร่วมเป็นหน่วยสนับสนุนที่เกษตรกรมีพื้นที่การเกษตรอยู่ รวมถึงแจ้งข้อมูลผ่านผู้นำชุมชนหรือตัวแทนอาสาสมัครเกษตรหมู่บ้าน (อกม.) หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย ส่วน เกษตรกรรายใหม่ และรายเดิม แต่เพิ่มแปลงใหม่ […]

“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท

รัฐสภา 15 ส.ค.-“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง ผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท ตั้งคำถามหลายรัฐวิสาหกิจมีผลกำไรดี จะมาตั้งของบอีกทำไม นายวีระ ธีระภัทรานนท์ ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ในเรื่องของรัฐวิสาหกิจ ว่า ในเอกสารงบประมาณที่เป็นงบประมาณรายจ่าย มาตรา 29 มีรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งของบประมาณรวมกันทั้งสิ้น 79,298 ล้านบาท แต่ค่าใช้จ่ายของรัฐวิสาหกิจทั้งหมด 1.43 แสนล้านบาท ซึ่งในรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งที่ของบประมาณมาตนไม่ค่อยติดใจ เพราะมีรัฐวิสาหกิจจำนวนหนึ่งไม่มีรายได้ อีกส่วนเป็นรัฐวิสาหกิจมีรายจ่ายมากกว่ารายได้ บางรัฐวิสาหกิจมีหนี้สินจำนวนมาก เช่น ขสมก. การรถไฟแห่งประเทศไทย นายวีระ ฝากไปถึงคนที่ต้องจัดการรัฐวิสาหกิจว่า รัฐวิสาหกิจที่มีปัญหารัฐบาลต้องตัดสินใจให้เด็ดขาดว่า รัฐวิสาหกิจเหล่านั้นคงอยู่ต่อไปในสภาพแบบนั้น หรือ จะดำเนินการแปรรูปให้เอกชนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เพื่อไม่ให้เกิดภาระการคลังในอนาคตอย่างที่เป็นอยู่ปัจจุบัน สำหรับกรณี บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งประสบความสำเร็จในการฟื้นฟูกิจการ โดยที่รัฐบาลยังถือหุ้นใหญ่อยู่ประมาณ 40% แต่ไม่มีสถานะภาพเป็นรัฐวิสาหกิจอีกต่อไป […]

ข่าวแนะนำ

เตือนฝนฟ้าคะนองทั่วไทย – 6 จังหวัดตะวันออกหนักสุด

กทม. 17 ส.ค.- กรมอุตุฯ เผยฝนฟ้าคะนองทั่วไทย เตือน 6 จังหวัดภาคตะวันออก แม่ฮ่องสอน ตาก พิษณุโลก เพชรบูรณ์ จันทบุรี ตราด รับมือฝนถล่ม อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนอยู่ในเกณฑ์กระจายถึงเกือบทั่วไปและมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน ตาก พิษณุโลก เพชรบูรณ์ จันทบุรี และตราด ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือเข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังค่อนข้างแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง สำหรับเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันตอนบนควรงดออกจากฝั่งจนถึงวันที่ 17 ส.ค. นี้ไว้ด้วย – สำนักข่าวไทย

ทุ่นระเบิดใหม่ตอกย้ำกัมพูชาละเมิดกติกาสากล

ศรีสะเกษ 16 ส.ค. – วันนี้ รมว.ต่างประเทศ นำคณะทูตภาคีอนุสัญญาออตตาวา ลงพื้นที่ดูปฏิบัติการเก็บกู้ทุ่นระเบิด บนภูมะเขือ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ พร้อมเรียกร้องให้ตัดงบช่วยเหลือกัมพูชา หลังใช้เงินผิดวัตถุประสงค์ผู้บริจาค ขณะที่เจ้าหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ ยืนยันเป็นทุ่นระเบิดใหม่ที่เพิ่งพบช่วงเหตุปะทะล่าสุด.-สำนักข่าวไทย

ผลถก RBC กัมพูชาเมินกู้ทุ่นระเบิด-ปราบสแกมเมอร์

ตราด 16 ส.ค. – กัมพูชายังไม่ให้ความร่วมมือเก็บกู้ทุ่นระเบิด หลังฝ่ายไทยผลักดันในเวที “RBC ไทย-กัมพูชา” พื้นที่ชายแดนจันทบุรี-ตราด พร้อมการแก้ไขปัญหาสแกมเมอร์ แขวนไว้หารือในการประชุมครั้งต่อไป พลเรือตรี ปารัช รัตนไชยพันธ์ รองโฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยว่า วันนี้ (16 สิงหาคม 2568) พลเรือโท อภิชาติ ทรัพย์ประเสริฐ ผู้บัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด และพลตรี อุย เฮียง ผู้บัญชาการภูมิภาคทหารที่ 3 ของกองทัพบกกัมพูชา ตลอดจนคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคของทั้งสองฝ่าย จัดให้มีการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ (Regional Border Committee) หรือ RBC ณ ประเทศไทย ที่บ้านทะเลภูรีสอร์ท อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด เพื่อร่วมกันหารือในการแก้ไขปัญหาต่างๆ เพื่อความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ และการดำเนินชีวิตของประชาชนทั้งสองประเทศด้วยสันติวิธี โดยได้ลงนามใน “บันทึกความตกลงการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) สมัยวิสามัญ ระหว่างกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ราชอาณาจักรไทย กับภูมิภาคที่ 3 […]

วัดเครือวัลย์ ตั้งโต๊ะแจงดำเนินคดีอดีตไวยาวัจกร ยักยอกเงินวัด 56 ล้านบาท

กทม. 16 ส.ค.-ไวยาวัจกรฝ่ายกฎหมายวัดเครือวัลย์ ตั้งโต๊ะชี้แจงการดำเนินคดีกับอดีตไวยาวัจกร ยักยอกเงินวัด 56 ล้านบาท ตรวจสอบประวัติย้อนหลัง 10 ปี พบปลอมลายมือชื่อเจ้าอาวาส 240 ครั้ง ด้านเจ้าอาวาสยอมรับเสียใจ ผิดหวังที่ไว้ใจคนใกล้ตัว ไวยาวัจกรวัดฝ่ายกฎหมาย ตั้งโต๊ะชี้แจง กรณีที่มีบุคคลภายในวัดปลอมลายมือชื่อเจ้าอาวาสวัดเครือวัลย์วรวิหาร ไปถอนเงินออกจากบัญชีวัดกว่า 240 ครั้ง ยักยอกเงินกว่า 56 ล้านบาท ตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายน ปี 67 ที่ผ่านมา ในส่วนการดำเนินการขณะนี้แบ่งเป็น 3 คดี คดีแรก พบการกระทำความผิดคือเมื่อเดือนเมษายน 2567 ทางวัดได้รับบริจาคจากกองทัพเรือเป็นแคชเชียร์เช็ค 1.5 ล้านบาท ลงวันที่ 10 เมษายน 2567 โดยในแคชเชียร์เช็คระบุว่ามอบให้ทางวัด จึงต้องเอาเข้าบัญชีวัด ทางเจ้าอาวาสจึงมีการมอบให้นายกฤษณ์ ที่เป็นไวยาวัจกรวัดในตอนนั้น เอาแคชเชียร์เช็คดังกล่าวไปขึ้นเงินและเอาเข้ายังบัญชีของวัด ต่อมาทางเจ้าอาวาสได้ทวงถามไปยังนายกฤษณ์ เพราะในขณะนั้นจำเป็นจะต้องบูรณะศาสนสถาน แต่นายกฤษณ์ อ้างว่าไม่ว่าง และได้มอบหมายให้นายชัยณรงค์ ซึ่งเป็นผู้ช่วยไวยาวัจกรในตอนนั้นนำเงินไปเข้าธนาคาร ทางเจ้าอาวาสเลยมีการติดต่อไปยังนายชัยณรงค์ เพื่อทวงถามเรื่องเงิน แต่ก็บ่ายเบี่ยงมาโดยตลอด […]