อุดรธานี 28 ส.ค.-เจ้าหนี้ “นกน้อย อุไรพร” ยื่นหนังสือขอให้ตำรวจช่วยไกล่เกลี่ยขอโฉนดที่ดินคืน ยืนยันไม่ได้ร่วมลงทุน แต่ให้คู่กรณียืมโฉนดไปจำนองเพื่อกู้เงิน มาเปิดวงเดินสายแสดง
ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.อุดรธานี วันนี้เวลา 13.45 น. นางสุดารัตน์ ภูผานี นักธุรกิจ ที่แจ้งความกล่าวหา “นกน้อย อุไรพร” ว่าฉ้อโกง พร้อมนายพีระนัทธ์ วงศ์สวัสดิ์ ทนายความ และญาติของนางสุดารัตน์ เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ภูมิวิทย์ และ พ.ต.ท.ผลิตอรัญ บุญมาตุ่น รอง ผกก.สอบสวน เจ้าของคดี เพื่อยื่นหนังสือร้องขอให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ความเป็นธรรม ต้องการได้โฉนดที่ดินคืน หลังจากที่ นกน้อย อุไรพร เปิดบ้านแถลงข่าว ว่าไม่ได้เป็นการยืมเงิน แต่เป็นการร่วมลงทุนด้วยกัน ซึ่งการแถลงข่าวของ นกน้อย อุไรพร ไม่เป็นความจริง เกรงจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และความเสียหาย
ตำรวจอุดรฯ เร่งสอบคดี “นกน้อย อุไรพร” ยันเป็นธรรมทุกฝ่าย
นายพีระนัทธ์ วงศ์สวัสดิ์ ทนายความ เปิดเผยว่า ที่ผ่านมานางสุดารัตน์ ได้เข้าร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรม จ.อุดรธานี ตามนโยบายของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องเกี่ยวกับการกู้ยืมเงินนอกระบบ และขอความเป็นธรรม เพื่อจะเอาโฉนดที่ดินคืนมา ซึ่งที่ผ่านมาทางนางสุดารัตน์ ได้ให้ข้อเท็จจริงกับทางศูนย์ดำรงธรรม จนมาถึงชั้นพนักงานสอบสวน ที่ สภ.เมืองอุดรธานี และได้ให้ปากคำข้อเท็จจริงไปแล้ว แต่ปรากฏว่าทางฝ่ายนกน้อย ออกมาโต้แย้งว่า ไม่เคยได้รับเงิน หรือเป็นการร่วมลงทุนการทำธุรกิจ ทางเราจึงมายื่นหนังสือขอความเป็นธรรม เพื่อให้ทางพนักงานสอบสวนช่วยไกล่เกลี่ย
“หรือหากไกล่เกลี่ยไม่ได้ ก็ขอให้สอบประเด็นเพิ่มเติม เกี่ยวกับที่ทางนกน้อย อ้างว่าเป็นการร่วมลงทุน เงิน 3.8 ล้านบาท ที่อ้างว่าร่วมลงทุน ได้มีการแบ่งผลประโยชน์ให้นางสุดารัตน์ จริงหรือไม่ หรือหากไม่เคยแบ่งเงิน จะอ้างว่าเป็นการร่วมลงทุนได้อย่างไร โดยที่ผานมาทางเรามีหลักฐานที่มอบให้พนักงานสอบสวนไปแล้วว่า เงิน 3.8 ล้านบาท หรือการจ่ายดอกเบี้ยต่างๆ ว่าใครเป็นคนรับ หรือ ใครเป็นคนจ่าย ส่วนข้อเท็จจริงในเรื่องของคดีความ อยากให้พนักงานสอบสวนสรุปสำนวน เพื่อไกล่เกลี่ยให้ เพราะอยากได้ที่ดินที่เป็นสมบัติของพ่อแม่คุณสุดารัตน์ ไม่อยากให้เป็นคดีความ เพราะต้องเดินทางกลับอเมริกาในเดือนกันยายน นี้”
ส่วนนางสุดารัตน์ ภูผานี นักธุรกิจที่แจ้งความ นกน้อย อุไรพร ฉ้อโกง เปิดเผยว่า รู้จักกับแม่นกน้อย ผ่านทางหลวงพ่อรูปหนึ่ง ที่ตนนับถือเป็นพ่อ โดยตนส่งให้หลวงพ่อเรียนจบปริญญาเอก ส่วนตนจบเพียงแค่ชั้น ป.6 เท่านั้น ซึ่งหลวงพ่อพูดอะไร เราก็ต้องฟัง ตอนนั้นท่านมาขอให้ตนช่วยแม่นกน้อย ที่ตนก็รู้จักมานานเกือบ 20 ปี โดยตนเคยขึ้นไปมอบดอกไม้ให้แม่นกน้อย บนเวที หลังจากนั้นเราก็ไม่ค่อยได้ติดต่อกัน จนประมาณ 4 ปีที่ผ่านมา ตอนนั้นตนเดินทางกลับไทย หลวงพ่อท่านบอกให้ตนช่วยแม่นกน้อยด้วย ถ้าตนไม่ช่วยตอนนั้น แม่นกน้อย
“ตอนนั้นแม่นกน้อย ติดหนี้ติดสินมากมาย ค่าข้าวก็ติดหนี้เป็นแสน ฉันจึงคิดว่า ถ้าเราไม่ช่วยลูกวงกว่า 200 ชีวิต จะอยู่กันอย่างไร ภาระเขามี ครอบครัวเขามี จึงตัดสินใจ นำที่ดินแปลงนี้มาช่วย โดยหลวงพ่อท่านเป็นผู้รับรองให้ โดยตอนทำแรกๆ ไม่ได้ทำสัญญาอะไร คือ เรารักหลวงพ่อ เราจึงต้องเชื่อคำของหลวงพ่อ จึงต้องทำตามที่หลวงพ่อขอให้ช่วย โดยตอนนั้นเราเข้าช่วยเมื่อประมาณ 4 ปี ที่ผ่านมา ซึ่งทางแม่นกน้อย บอกว่า 2 เดือน เขาจะเอาโฉนดมาคืนให้ จนถึงวันนี้ที่มีการทวงอยู่ตลอด ก็บอกปัดว่า สปอนเซอร์ยังไม่ให้เงิน”
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า ทางทนายความของแม่นกน้อย บอกพร้อมไกล่เกลี่ยเรี่องที่เกิดขึ้น นางสุดารัตน์ ตอบว่า ตนพร้อมและยอมที่จะไกล่เกลี่ย เรายินดีมาที่จะมาเจรจา เพียงแต่ขอแค่โฉนดที่ดินคืนเท่านั้น เรื่องก็จบกัน และจะไม่ติดใจอะไรทั้งนั้น เราอยากได้โฉนดคืนมา เพื่อนำมาแบ่งขาย ซึ่งยอมรับว่าตอนนี้ตนเองลำบากมาก ธุรกิจที่ทำต้องลงทุนเพิ่ม จึงอยากได้ที่ดินคืน เพื่อนำมาแบ่งขายไปลงทุนของเราที่อเมริกา ที่ทำธุรกิจร้านอาหาร ร้านกาแฟ และหวยลอตโต้ ตนยอมที่จะเจรจาทั้งหมด เพียงขอโฉนดคือมาเท่านั้นเอง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทำไมถึงไม่ฟ้องทางแพ่ง แต่มาฟ้องอาญาเรื่องฉ้อโกง นางสุดารัตน์ ตอบว่า คือเราก็ไม่ได้ฟ้องเรื่องฉ้อโกง เพียงแต่เราตามทวงโฉนดที่ดิน ที่ทวงมาถึง 4 ปี แล้วก็ถูกตอบปัดมาตลอด บางครั้งเราโทรศัพท์จากอเมริกากลับมาหา ซึ่งเวลาที่นั่นก็ไม่ตรงกัน เพราะเราเป็นกลางวัน ทางไทยก็เป็นกลางคืน จนทำให้เราไม่ได้หลับได้นอน เพราะโทรมาแล้วก็ไม่รับโทรศัพท์เราเลย มาไทยเที่ยวนี้ทางเขาก็โทรบอกให้เราบินกลับมา ตั้งแต่วันที่ 29 พฤษภาคม ว่าจะไถ่โฉนดคืนให้ โดยเขาบอกว่าจะได้เงินวันที่ 30 พฤษภาคม พอเรามาถึงก็บอกว่าเงินถูกขโมย แล้วก็บอกว่ารอเปิดบริษัทใหม่ แล้วก็บอกว่าสปอนเซอร์ที่จะเขียนเช็คให้ไม่อยู่ไปเมืองนอก และส่วนมากเทื่อเราโทรหาก็แทบจะไม่ยอมรับสายเลย น้อยมากที่เขาจะยอมรับสายเรา จนเราต้องเข้าไปที่บ้านเขาเอง วันเว้นวันเลย ตั้งแต่วันที่ 30 พฤษภาคม เป็นต้นมา
“ถ้าแม่นกน้อย จะไกล่เกลี่ย ให้ไปไถ่คืนโฉนดมาเลย เราขอแค่โฉนดคืนเท่านั้น ไม่ขอรับเงินสด ทั้งนี้ตอนนำโฉนดไปจำนอง ฉันเป็นคนทำสัญญา ที่เราต้องเป็นผู้เซนต์ชื่อเอง ถ้าเราจะมอบอำนาจทางนายทุนเขาไม่ยอมอยู่แล้ว แต่ตอนที่ไปขอเงินจากนายทุนตอนนั้น ทางแม่นกน้อยก็เข้าไปด้วยกัน และมีอีกหลายคนที่เข้าไปในตอนนั้น และยืนยันว่าตนถึงวันนี้จะไม่มีการฟ้องอะไรเพิ่มอีก เราแค่ต้องการเจรจากัน ขอโฉนดคืนเท่านั้น และจะไม่ติดใจอะไรทั้งนั้น เพราะตอนที่เขาลำบาก เราก็ยื่นมือเข้าช่วย แต่มาถึงตอนนี้เราลำบาก เราขอความเห็นใจบ้าง ขอความเป็นธรรมกับเราบ้าง”
ผู้สื่อข่าวถามว่า ยังจะขอท้าไปสาบานกับเจ้าปู่ศรีสุทโธ ที่คำชะโนดอีกหรือไม่ นางสุดารัตน์ ตอบว่า ถ้าเขามาเจรจาก็คงไม่ต้องไปสาบาน คือการสาบานมันอยู่ที่จิตใจของเรา หากเราบริสุทธิ์ใจ คำที่เราพูดมาเป็นความจริง เจ้าปู่ศรีสุทโธเราก็นับถือตั้งแต่เราเกิดมา คืออยู่ที่จิตใจเราที่บริสุทธิ์ใจ ถึงท้าสาบาน ทั้งนี้ตั้งแต่มีข่าวเรื่องนี้ ตนกับทางแม่นกน้อยก็ยังไม่เคยได้เจอกัน มีเมื่อบ่ายโมงวันพุธ สัปดาห์ก่อน ทางแม่นกน้อยเขาโทรมาหา บอกว่า รอโทรศัพท์แม่นะ แม่จะเอาโฉนดมาคืนลูก เราก็บอกว่า ค่ะแม่ กี่วันคะ เขาก็บอกว่า 3-4 วัน เราบอกว่า คะแม่หนูจะรอ แต่พอมาวันเสาร์ กลับเปิดแถลงข่าว ซึ่งเป็นคนละอย่างกันเลย
พ.ต.อ.ภูมิวิทย์ เวชกามา ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี เปิดเผยว่า เมื่อทั้งสองฝ่ายพร้อมเจรจาไกล่เกลี่ย ตำรวจขอเวลาสอบสวนปากคำเพิ่มเติมอีกเล็กน้อย และจะนัดทั้งสองฝ่ายมาเจรจาไกล่เกลี่ย หากทั้งสองฝ่ายไกล่เกลี่ยกันได้ ก็จะถือว่าคดีสิ้นสุด แต่ถ้าเจรจาไกล่เกลี่ยกันไม่ได้ ก็ต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งจะนัดเจรจาให้เสร็จก่อนวันที่ 13 กันยายน ซึ่งเป็นวันที่นางสุดารัตน์ ต้องเดินทางกลับอเมริกา.-สำนักข่าวไทย