เปิดสถิติ 7 เดือน ความรุนแรงในครอบครัวพุ่งสูง

รัชดาภิเษก 23 ส.ค.- เปิดสถิติความรุนแรงในครอบครัว เพียง 7 เดือนปีนี้ ทั้งฆ่ากันตาย ทำร้ายสาหัส พุ่งสูงถึงเกือบ 400 ข่าว ชี้กระทรวงพัฒนาสังคมฯ ต้องทำงานเชิงรุกมากขึ้น พลเมืองดีต้องไม่เงียบ


ในเวทีเสวนา ‘จับสัญญาณอันตรายความตายความรุนแรงในครอบครัว 2018’จัดโดยมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) น.ส.อังคณา อินทสา หัวหน้าฝ่ายส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศ มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล กล่าวว่าการเก็บสถิติ ข่าวความรุนแรงในครอบครัว ช่วงเดือน ม.ค.-ก.ค.2561 เกิดข่าว 367 ข่าว เป็นข่าวฆ่ากันตาย 242 ข่าว,คิดเป็นร้อยละ 65.9 รองลงมาเป็นข่าวทำร้ายร่างกาย 84ข่าว คิดเป็นร้อยละ 22.9 และข่าวฆ่าตัวตาย 41 ข่าว คิดเป็นร้อยละ11.2 โดยหากเปรียบเทียบข่าวฆ่ากันตายย้อนหลัง 3 ปี พบว่าปี 2561 สถิติสูงสุดกว่าทุกปีและหากวิเคราะห์เชิงลึกในรอบ 4 เดือนเฉพาะข่าวฆ่ากันตายเฉลี่ยเดือนละ 20 ข่าว 


ด้านนายจะเด็จ เชาวน์วิไล ผู้อำนวยการมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล กล่าวว่าสาเหตุความรุนแรงส่วนใหญ่ ยังเป็นเพราะผู้ชายมีวิธีคิดและทัศนคติ แบบชายเป็นใหญ่ไม่เปลี่ยนแปลง วิธีคิดแสดงออกผ่านพฤติกรรม หึงหวงบันดาลโทสะ ทำให้การทะเลาะวิวาทในครอบครัว กลายเป็นเรื่องส่วนตัวเป็นเรื่องลิ้นกับฟัน ส่งผลคนในสังคมไม่อยากเข้าไปช่วยเหลือ ทำให้ทวีความรุนแรงมากขึ้น ซึ่งในเรื่องนี้มูลนิธิฯ เห็นว่ากระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.)ซึ่งมีทั้งสายด่วน 1300 มีเจ้าหน้าที่อยู่ทุกจังหวัดทั่วประเทศ ควรทำงานเชิงรุกเร่งสร้างเครือข่ายการเฝ้าระวัง ไม่ให้เกิดความรุนแรงในครอบครัว ทั้งหญิงกับชายหรือพ่อแม่กับลูก โดยมูลนิธิฯ และผู้เกี่ยวข้องเตรียมจะยื่นข้อเสนอต่อ พม. เร็วๆนี้ โดยเฉพาะการเข้าช่วยเหลือของผู้พบเห็นเพราะมีข้อมูลเผยว่าร้อยละ 94 ของผู้พบเห็นปฏิเสธการเข้าช่วยเหลือ 


ในเวทีเสวนายังนำตัวอย่างผู้เคยประสบปัญหาความรุนแรงในครอบครัว คือภรรยาที่ถูกสามี ทุบตี ล่ามโซ่ นับ10 ครั้ง ต้องร้องเรียนผ่านมูนิธิจึงได้รับความช่วยเหลือ เคยแจ้งความกับตำรวจแล้วแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ 

ด้านพลเมืองดีที่เคยเข้าไปช่วยเหลือผู้หญิงที่ถูกแฟนสาวทอมซ้อม  กล่าวว่าอยากให้ เป็นบทเรียนกับสังคมว่าให้ช่วยกันเป็นหูเป็นตาไม่นิ่งเฉย อย่าฝังใจว่าเป็นเรื่องของสามีภรรยา หรือมองว่าการทำร้ายร่างกายเป็นเรื่องปกติ เสนอแนะให้บทลงโทษต้องเข้มงวดจริงจัง.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้นหาร่างใต้ตึกถล่ม

คาดไม่เกิน 1 สัปดาห์ ทราบชัดมีผู้ติดค้างในซากอาคาร สตง.หรือไม่

คาดไม่เกิน 1 สัปดาห์ จะทราบชัดมีผู้ติดค้างในซากอาคาร สตง. หรือไม่ ปัจจุบันการทำงานบริเวณทางเชื่อมด้านอาคารจอดรถด้านหลังยังลงไปไม่ถึงพื้นของชั้นใต้ดิน

ผบ.ตร. สั่งเร่งตรวจสอบ ตร.พาผู้ต้องหาลอบนำข้อสอบฯ ออกจากโรงพัก

ผบ.ตร. สั่งเร่งตรวจสอบกรณีมีตำรวจพาผู้ต้องหาลักลอบนำข้อสอบฯ ออกจากโรงพัก ทั้งที่การสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ย้ำใครผิดว่าไปตามผิด

รวบมือปาหิน

รวบแล้วมือปาหินใส่รถ ย่านบางนา-ตราด อ้างขาดสติเพราะดื่มเหล้า

รวบแล้วมือปาหินใส่รถประชาชน ย่านบางนา-ตราด อ้างขาดสติเพราะดื่มเหล้า พบประวัติเคยถูกจับมาแล้ว 12 ครั้ง ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 13

แจ้งความผู้ว่าสตง.

2 พิธีกรดังเข้าแจ้งความกล่าวโทษผู้ว่าฯ สตง. เหตุตึก สตง.ถล่ม

สองพิธีกรชื่อดัง เข้าแจ้งความกล่าวโทษ ผู้ว่าฯ สตง. และอดีตผู้ว่าฯ สตง. เหตุตึก สตง.แห่งใหม่ถล่ม แต่ไม่มีใครรับผิดชอบ มองอาจไม่ชอบมาพากล หวั่นเวลาผ่านไปเอาผิดใครไม่ได้

ข่าวแนะนำ

หนีแตนตกเหว

หนุ่มขี่มอเตอร์ไซค์วิบาก หนีฝูงแตนตกเหวตาย

หนุ่มขี่มอเตอร์ไซค์วิบาก หนีฝูงแตนไล่ต่อย พลัดหลงกับก๊วน หายไปตั้งแต่ 1 พ.ค. เพื่อนช่วยกันออกตามหา แต่ไร้วี่แวว ล่าสุดพบร่างตกเหว เขาห้วยผีหลอก

Trump uses AI generated himself as Pope

วิจารณ์ยับ “ทรัมป์” โพสต์ภาพเอไอเป็นโป๊ป

เวสต์ปาล์มบีช 4 พ.ค.- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ โพสต์ภาพที่สร้างขึ้นด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์หรือเอไอ (AI) เป็นภาพเขาเป็นสมเด็จพระสันตะปาปาหรือโป๊ป จุดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในโลกอินเทอร์เน็ต นายทรัมป์ วัย 78 ปี ไม่ใช่คริสตชนคาทอลิกและไม่ได้เข้าโบสถ์อย่างสม่ำเสมอ เขาโพสต์ภาพดังกล่าวลงในบัญชีทรูธโซเชียล ซึ่งเป็นสื่อสังคมออนไลน์ของเขาเมื่อค่ำวันที่ 2 พฤษภาคมตามเวลาท้องถิ่น จากนั้นได้โพสต์ซ้ำหรือรีโพสต์ในบัญชีเอ็กซ์ หลังจากที่เขาได้ไปร่วมพิธีปลงพระศพโป๊ปฟรังซิสที่สำนักวาติกันได้ไม่ถึง 1 สัปดาห์ เมื่อวันที่ 26 เมษายน ขณะที่ทำเนียบขาวก็รีโพสต์ภาพดังกล่าวในบัญชีเอ็กซ์เช่นกัน ภาพที่สร้างขึ้นจากเอไอเป็นภาพทรัมป์หน้านิ่ง สวมชุดโป๊ปสีขาว นั่งบนเก้าอี้ และชูนิ้วชี้ข้างขวา โฆษกสำนักวาติกันไม่แสดงความเห็นใด ๆ ขณะที่คนในโลกอินเทอร์เน็ตพากันวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก รวมถึงกลุ่มสมาชิกพรรครีพับลิกันต่อต้านทรัมป์ที่ระบุว่า เป็นการดูหมิ่นชาวคาทอลิกอย่างร้ายแรง และล้อเลียนความศรัทธาของพวกเขา ขณะที่นายมัตเตโอ เรนซี อดีตนายกรัฐมนตรีอิตาลีโพสต์เอ็กซ์ว่า เป็นภาพที่ดูหมิ่นผู้ศรัทธาและสถาบัน และเป็นการแสดงให้เห็นว่าผู้นำโลกผู้นี้สนุกกับการเป็นตัวตลก ในขณะที่เศรษฐกิจอเมริกันเสี่ยงถดถอยและดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า ก่อนหน้านี้เมื่อวันอังคารผู้นำสหรัฐเพิ่งกล่าวติดตลกว่า ต้องการเป็นตัวเลือกลำดับแรกในการเลือกโป๊ปองค์ใหม่ ก่อนกล่าวว่า พระคาร์ดินัลทิโมธี โดแลน อาร์ชบิชอป หรืออัครมุขนายกแห่งนิวยอร์ เป็นตัวเลือกที่ดีมากรูปหนึ่ง รอยเตอร์รายงานเพิ่มเติมว่า พระคาร์ดินัลโดแลนไม่ได้อยู่ในรายชื่อผู้มีโอกาสได้รับเลือก แต่พระคาร์ดินัลโจเซฟ โทบิน อาร์ชบิชอปแห่งนวร์ก […]