กทม. 19 ส.ค.-แพทย์ออกเตือนเรื่องของการร้อยไหมที่ยังไม่มีผลการศึกษาทางการแพทย์ที่ชัดเจนถึงประสิทธิภาพ อาจทำให้เสียโฉมหน้าเบี้ยวได้
นายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวว่าเทคนิคการร้อยไหม โดยใช้ไหมละลายมาร้อย เป็นโครงข่ายบริเวณใต้ผิวหนังเพื่อกระตุ้นให้เกิดการอักเสบ สร้างเส้นเลือดใหม่ กระตุ้นเซลล์ให้เกิดการดึงรั้งผิวหน้า เป็นที่นิยมกันมาก แต่วิธีนี้แม้ไม่ต้องดมยา ก็จะต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เพราะอาจเกิดผลกระทบจนเกิดความพิการ หน้าไม่สมมาตรหรือผิดส่วน ปากเบี้ยว เกิดแผลเป็นนูนหรือคีลอยด์ อักเสบติดเชื้อเป็นหนองหรือตาบอดได้
ที่สำคัญยังไม่มีผลศึกษาทางการแพทย์ที่แน่ชัดถึงประสิทธิภาพและความปลอดภัยในระยะยาวจึงขอให้การเสริมความงามด้วยเทคนิคนี้ หรือเทคนิคอื่น ต้องเลือกรับบริการจากแพทย์ และสถานพยาบาลที่ถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น ซึ่งหากมีผู้ฝ่าฝืน จะมีความผิดทั้งข้อหาเปิดคลินิกเถื่อน เป็นหมอเถื่อน จำคุกไม่เกิน 3 ถึง 5 ปีปรับไม่เกิน 30,000 ถึง 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ตัวอย่างผู้ที่ไปทำศัลยกรรมความงามมาแล้วเกิดปัญหามีมาเป็นระยะเช่นที่จังหวัดตรัง ผู้เสียหายสาวประเภทสอง เข้าร้องกับผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไทย ว่าได้ฉีดฟิลเลอร์ที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว หลังฉีดประมาณ 4-5 ชั่วโมงก็มีอาการตาบวมปากบวมหน้าบิดเบี้ยวผิดรูป จึงมั่นใจว่าตนเกิดอาการแพ้ เมื่อสอบถามหมอที่ทำการฉีดฟิลเลอร์ให้ก็ตอบว่าปกติ ตนได้หาข้อมูลและสอบถามหมอคนอื่นก็ยืนยันว่าตนเองมีอาการแพ้และเกิดภาวะติดเชื้อ ซึ่งผ่านมาหนึ่งปีต้องฉีดและกินยา เกิดผลกระทบความดันสูง ค่าเม็ดเลือดขาวขึ้น ซึ่งหมอที่รักษายังปฏิเสธความรับผิดชอบ จึงอยากฝากเตือนผู้ที่จะทำศัลยกรรม ให้ศึกษาอย่างถี่ถ้วน ส่วนตัวจะเดินหน้าฟ้อง สคบ. เพื่อทวงความเป็นธรรมต่อไป.-สำนักข่าวไทย