กรุงเทพฯ 9 ส.ค.- ศาลพิพากษาจำคุก “อดีตเณรคำ” 114 ปี ฐานหลอกลวง-ฉ้อโกงประชาชน
ศาลอาญาถนนรัชดาภิเษก นัดฟังคำพิพากษาคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ฟ้องนายวิรพล สุขผล อายุ 39 ปี หรืออดีตพระวิรพล ฉัตตโก หรืออดีตหลวงปู่เณรคำ ที่ทางการสหรัฐส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดน เป็นจำเลยในความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน ฟอกเงิน และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ โดยนายวิรพลถูกเบิกตัวมาจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าจำเลยปาราชิกพ้นจากความเป็นภิกษุสงฆ์ เพราะเสพเมถุน ถือว่าไม่ได้เป็นภิกษุที่ปฎิบัติดี ในช่วงเวลาที่มีการเชิญชวนญาติธรรมให้มาร่วมสร้างพระแก้วมรกตองค์ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งเป็นการหลอกลวง อีกทั้งการก่อสร้างพระแก้วมรกตก็ไม่ได้มีการนำหยกจากประเทศอิตาลีมาก่อสร้างตามที่กล่าวอ้าง แต่กลับใช้อิฐหินปูนมาก่อสร้างแทน อีกทั้งมีพฤติการณ์ใช้เงินบริจาคไปใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือย เช่น ซื้อรถยนต์หรูหลายคัน เช่าเครื่องบินส่วนตัวเดินทาง และใช้สินค้าราคาแพง จึงเป็นการนำเงินบริจาคของญาติธรรมที่มีความศรัทธาไปใช้ส่วนตัว ไม่ได้ทำตามวัตถุประสงค์ของผู้บริจาค จึงถือว่ามีความผิดจริง พิพากษาลงโทษจำคุก 87 ปี ในฐานความผิดฉัอโกงประชาชน ให้จำคุก 24 ปี ความผิดฐานฟอกเงิน /และจำคุก 3 ปี ฐานความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ รวมแล้วให้จำคุก 114 ปี แต่ตามกฎหมายกำหนดให้ลงโทษได้ไม่เกิน 20 ปี คงเหลือให้จำคุก 20 ปี และชดใช้เงินตามจริงให้กับผู้เสียหาย 29 คน
สำหรับคดีนี้เกิดขึ้นระหว่างวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2552 ถึง 27 มิถุนายน 2556 จำเลยอาศัยความเป็นพระภิกษุ ในฐานะประธานสงฆ์วัดป่าขันติธรรม จังหวัดศรีสะเกษ และความศรัทธาของประชาชน ได้บังอาจหลอกลวงว่าจำเลยนิมิตพบองค์อินทร์ ขอให้สร้างพระแก้วมรกตองค์ใหญ่ที่สุดในโลก และสร้างมหาวิหารครอบองค์พระ โดยใช้หยกเขียวแท้จากประเทศอิตาลี และสร้างเครื่องทรงพระแก้ว 3 ฤดูด้วยทองคำแท้ และก่อสร้างเสาวิหารแก้ว 199 ต้น ต้นละ 300,000 บาท รูปหล่อพระทองคำ ซึ่งเป็นรูปเหมือนจำเลย ก่อสร้างวิหารสำหรับประชาชนที่วัดป่าฯ สาขา 1 จังหวัดอุบลราชธานี สร้างวัดที่จังหวัดสุพรรณบุรี รวมทั้งการจัดซื้อเรือจากประเทศสหรัฐ เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม โดยจำเลยประกาศ ชักชวนให้ประชาชนนำเงิน ทองคำ และทรัพย์สินมาบริจาคกับจำเลยที่วัดป่าขันติธรรมโดยจัดตู้บริจาค 8 ตู้
นอกจากนี้ จำเลยยังได้ใช้เว็บไซต์ www.Luangpunenkham.com เผยแพร่ข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับการจัดสร้างสิ่งต่างๆ จนมีผู้เสียหาย 29 ราย หลงเชื่อว่าจำเลยเป็นพระปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ เข้าร่วมบริจาคเงินและทรัพย์สินต่างๆ จำนวนกว่า 28 ล้านบาท แล้วจำเลยโอนเงินกว่า 1 ล้านบาท ที่ได้จากการฉ้อโกงไปซื้อรถยนต์ตู้ 1 คันโดยทุจริต ทั้งที่ความจริงแล้วจำเลยมิได้ก่อสร้างใดๆ เลย.-สำนักข่าวไทย