นายกฯ หวังช่วยทีมหมูป่าอีก 5 คน สำเร็จวันนี้

ทำเนียบฯ 10 ก.ค.- นายกฯ หวังการช่วยเหลือทีมหมูป่าอีก 5 คนที่เหลือ จะสำเร็จในวันนี้ ซึ่งการปฏิบัติการที่ผ่านมาถือเป็นความร่วมมือจากทุกฝ่าย ทั้งคนไทยและต่างชาติ แจงไม่มีการวางยาสลบทีมหมูป่าระหว่างช่วยออกจากถ้ำหลวงฯ  เป็นเพียงการให้ยาคลายเครียด 


ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงการช่วยเหลือทีมหมูป่า จากถ้ำหลวง  ขุนน้ำนางนอน จ.เชียงราย ว่า ในวันนี้จะนำเด็ก ๆ และโค้ช ที่ยังเหลืออีก 5 คนออกจากถ้ำหลวงฯ เชื่อว่าจะสำเร็จเรียบร้อย และคาดว่าอาจใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมง ซึ่งน้อยกว่าการปฏิบัติการที่ผ่านมา แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องดูสภาพแวดล้อมภายในถ้ำ เพราะฝนยังตกลงมา และต้องดูปริมาณน้ำด้วย ซึ่งความสำเร็จในครั้งนี้เป็นความร่วมมือจากทุกคนทุกฝ่าย ทั้งคนไทยและต่างประเทศ 

“เมื่อวานที่ผมไปเมื่อเจอคนออกมาแล้ว ผมจะต้องไปแสดงตัวเป็นพระเอก ไม่ใช่ ผมต้องการไปขอบคุณคนที่ทำงาน  ผมมีโอกาสพบซีลทุกคนที่ออกมานอกถ้ำ และพบผู้ว่าฯ และทีมงาน ทุกคนได้ถ่ายรูปด้วยกัน แม้การทำงานจะไม่เสร็จสิ้น แต่คาดหวังว่าวันนี้จะเสร็จเรียบร้อยได้ จากที่เหลืออยู่ 5 คน บวกกับซีล 4 คนที่ต้องเป็นคนนำออกมา” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว 


นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการถ่ายทอดองค์ความรู้ของนักดำน้ำชาวต่างชาติ ว่าได้ดำเนินการทุกวัน มีการประชุมร่วมกัน และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ความคิดเห็นตลอดเวลา และหาแนวทางปฏิบัติที่เหมาะสม มาปรับปรุงสอดคล้องกับสถานการณ์จริง และตามสภาพแวดล้อมภายในถ้ำหลวง ขุนน้ำนางนอน  ซึ่งถ้ำนี้มีความแตกต่างจากของต่างประเทศ เพราะเมื่อถึงฤดูฝน ถ้ำนี้จะเป็นทางผ่านของน้ำด้วย ซึ่งนักดำน้ำต่างชาติ ยอมรับว่าไม่เคยพบถ้ำในลักษณะนี้มาก่อน และมีช่องทางที่ยากลำบากพอสมควร   นักดำน้ำต่างชาติชื่นชมนักดำน้ำไทยว่ามีประสิทธิภาพ หน่วยซีลของไทยมีความเข้มแข็ง และไม่อยากให้วิพากษ์วิจารณ์ ว่าใครพบเด็กเป็นกลุ่มแรก เพราะการทำงานในการค้นหาก็ทำงานร่วมกันทุกคน ไม่อยากให้มองว่าใครเก่งกว่าใครและต่างชาติยอมรับในฝีมือของไทย 

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ได้ให้กระทรวงการต่างประเทศ ทำหนังสือขอบคุณในนามนายกรัฐมนตรี ไปยังผู้นำแต่ละประเทศ และมอบประกาศนียบัตรให้แต่ละบุคคลที่เข้ามาช่วยเหลือ และหลังเสร็จสิ้นภารกิจได้มอบหมายกระทรวงการต่างประเทศ อำนวยความสะดวกในการเดินทางและการท่องเที่ยวในประเทศด้วย เพราะทุกคนที่มาช่วยไม่ได้ต้องการเรื่องค่าตอบแทนใด ๆ 

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การทำงานต่างๆ ตนไม่จำเป็นต้องลงไปสั่งการเอง เพราะไม่ใช่เป็นเรื่องใหญ่โตระดับประเทศ เช่นเหตุการณ์สึนามิ เพราะเป็นเคส ๆ หนึ่งเท่านั้น ซึ่งตนสามารถมอบหมายกระทรวงมหาดไทยดำเนินการได้ และมีอำนาจสามารถส่งเจ้าหน้าที่ลงไปช่วยเหลือได้ 


พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงแนวทางการฟื้นฟูถ้ำหลวง ว่าจะต้องปรับปรุงถ้ำให้เกิดความปลอดภัย เพราะอนาคตถ้ำหลวงจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง จึงจำเป็นต้องหามาตรการ ทั้งเรื่องการเข้า ออก การแจ้งเตือนต่าง ๆ ต้องมีการติดตั้งระบบไฟฟ้า ระบบคบเพลิง การดูแลความปลอดภัยต่าง ๆ ได้ย้ำเตือนไปกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง  

ส่วนการพบกับนายอีลอน มัสก์ ผู้ก่อตั้งและผู้บริหารบริษัทเทสลา ที่เข้ามาสนับสนุนอุปกรณ์การช่วยเหลือนั้น นายกรัฐมตรี กล่าว ชื่นชมและขอบคุณที่มีการเสนอตัวเข้ามาช่วยเหลือ ซึ่งนายอีลอน ถือเป็นคนหนุ่มที่ประสบความสำเร็จ ในด้านกิจการดาวเทียมและอวกาศ รวมถึงการขุดเจาะ และเมื่อคืนที่ผ่านมาได้พบกับนายอีลอน มัสก์ ที่สนามบินจ.เชียงราย ซึ่งตนได้เล่าถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยนายอีลอน มัสก์ ได้เข้าไปในพื้นที่จริงและยอมรับว่าไม่เคยพบเห็นถ้ำในลักษณะนี้มาก่อน และเรือดำน้ำจิ๋วที่นำมาสนับสนุน ถือว่ามีประโยชน์ที่จะช่วยเหลือคนที่ติดในถ้ำและลำน้ำต่าง ๆ ได้ ซึ่งเครื่องมือนี้เป็นประโยชน์กับไทยมาก เพราะต้องมองเรื่องภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตด้วย 

พล.อ.ประยุทธ์ ได้ฝากให้นายอีรอน มัสก์ ช่วยคิดค้นเครื่องมือช่วยเหลือผู้ประสบภัยและการกู้ภัย ซึ่งอาจเป็นเครื่องมือที่นำไปช่วยเหลือในกลุ่มประเทศอาเซียนได้ด้วย พร้อมกันนี้ได้เชิญนายอีรอน มัสก์ มาลงทุนในไทย ซึ่งไทยพร้อมให้การสนับสนุน โดยเฉพาะการลงทุนในอีอีซี นวัตกรรมและดิจิทัล การพัฒนาด้านดาวเทียม เพราะไทยมีแนวคิดสร้างดาวเทียมในอนาคต  และอยากให้นายอีรอน มัสก์ มองว่าไทยเป็นบ้านหลังที่สอง

ส่วนแนวคิดการทำบุญประเทศ  นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทุกส่วนราชการทำบุญมาโดยตลอด โดยเฉพาะการสวดมนต์ที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานให้มีการจัดงานสวดมนต์เป็นประจำทุกเดือน และส่วนตัวได้กราบสักการะพระพรหม สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบรัฐบาล ศาลหลักเมือง และวัดพระศรีรัตนศาสดาราม พระสยามเทวาธิราช  ขอพรให้การทำงานครั้งนี้ประสบผลสำเร็จ และที่สำคัญคือพระบารมีปกเกล้าจากสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  ซึ่งพระองค์ได้ติดตามการทำงานต่าง ๆ และพระราชทานกำลังใจให้ผู้ปฏิบัติหน้าที่ นอกจากนี้ขอฝากให้ทุกคนทุ่มเทแรงกายแรงใจ แรงศรัทธา ให้ผู้ที่ทำหน้าที่ประสบผลสำเร็จ

นายกรัฐมนตรี ยังชี้แจงถึงการช่วยเหลือเด็กออกจากถ้ำว่า ไม่มีการใช้ยาสลบ ตามที่มีการแชร์ในโซเซียล เพราะทุกคนจะต้องเข้าใจว่า การทำงานในทางการแพทย์ ที่จะทำไม่ให้เด็กมีอาการวิตก กังวล หวาดกลัว  หรืออาการ Panic จำเป็นต้องใช้ยาคลายเครียด ซึ่งเป็นยาที่หลายคนใช้อยู่ ซึ่งตามข้อเท็จจริงแล้ว หากมีการวางยาสลบ ไม่สามารถที่จะนำเด็กออกมาได้   ซึ่งทางทหารก็ใช้ในบางกรณี เช่นการยิงปืน ที่ไม่ทำให้ตื่นเต้น เป็นต้น  

“ในการช่วยเหลือนั้น เด็กทุกคนมีสติสัมปชัญญะครบถ้วน และเมื่อคืนนี้ ผมได้เข้าเยี่ยมทั้ง 8 คน ซึ่ง 4 คนแรก สามารถเข้าพบได้ ขณะที่ 4 คนที่ออกมารอบสอง  ยังอยู่ในขั้นตอนการดูแลของแพทย์ เด็กทุกคนยกมือทักทาย และรับปากกับผมว่าจะเป็นคนดี และเป็นนักฟุตบอลทีมชาติให้ได้  ขณะที่ผู้ปกครองต่างดีใจ  ดังนั้นในวันนี้ต้องให้กำลังใจทุกคน อย่าจับผิดว่าใครดี ไม่ดี เก่งหรือไม่เก่ง แต่ควรเตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ ในอนาคตดีกว่า” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว .-สำนักข่าวไทย                  

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ปะทะแล้ว บริเวณปราสาทตาเมือน หลังฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิง

สุรินทร์ 24 ก.ค.-ทบ.รายงานเหตุการณ์ปะทะบริเวณพื้นที่ปราสาทตาเมือน อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ หลังฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิง เมื่อเช้าวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 วันที่ 24 กรกฎาคม 2568 เวลา 07.35 น. หน่วยเฉพาะกิจที่ดูแลพื้นที่ปราสาทตาเมือนรายงานว่า ได้ยินเสียงอากาศยานไร้คนขับ (UAV) ของฝ่ายกัมพูชาบินวนอยู่บริเวณหน้าปราสาทตาเมือนธม แม้ไม่สามารถตรวจพบตัวอากาศยานได้ด้วยสายตา แต่สามารถได้ยินเสียงอย่างชัดเจน ต่อมาฝ่ายกัมพูชาได้นำอาวุธเข้าสู่ที่ตั้งบริเวณด้านหน้าแนวลวดหนาม และพบกำลังพลกัมพูชาจำนวน 6 นาย พร้อมอาวุธครบมือรวมทั้ง RPG เดินเข้ามาใกล้แนวลวดหนามบริเวณด้านหน้าฐานปฏิบัติการของไทย ฝ่ายไทยได้ใช้การตะโกนเจรจาเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งและยกระดับสถานการณ์ โดยฝ่ายไทยเฝ้าระวังตลอดแนวชายแดนเพื่อเตรียมรับสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาประมาณ 08.20 น. ฝ่ายกัมพูชาได้เปิดฉากยิงเข้ามาบริเวณตรงข้ามฐานปฏิบัติการทางทิศตะวันออกของปราสาทตาเมือน ในระยะประมาณ 200 เมตร ขณะนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกองทัพบกกำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากมีข้อมูลเพิ่มเติมจะรายงานความคืบหน้าให้ทราบต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ปะทะทหารไทย-เขมร ลาม 6 พื้นที่ กำลังพลเจ็บ 2 นาย

กทม. 24 ก.ค.-ด่วน! เหตุปะทะทหารไทย-เขมร ลาม 6 พื้นที่ ทบ. เผยทหารกัมพูชา เปิดแนวรบเพิ่มที่ ผามออีแดง เขาพระวิหาร ส่วนทหารไทยงัดปืนใหญ่ตอบโต้ กำลังพลเจ็บ 2 นาย เมื่อวันที่ 24 ก.ค.68 ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก ระบุเพิ่มเติมว่า เวลา 0920 น. กองทัพบกพบการปะทะเพิ่มเติมตลอดแนวพื้นที่ผามออีแดง ปราสาทเขาพระวิหาร พบฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากใช้อาวุธทุกชนิดและ BM21 ส่วนฝ่ายไทยเข้าปะทะตามแผนพร้อมตอบโต้ปืนใหญ่สนาม 09.20 น. เจ้าหน้าที่ทหารบาดเจ็บ 2 นาย จากอาวุธยิงสนับสนุน ในพื้นที่บริเวณกลุ่มปราสาทตาเมือน จ.สุรินทร์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับพื้นที่ที่มีการปะทะจำนวน 6 พื้นที่ ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาควาย ช่องบก เขาพระวิหาร(ห้วยตามาเรีย/ภูมะเขือ) ช่องอ่านม้า ช่องจอม.-313.-สำนักข่าวไทย

ผบ.ทบ.นำคณะลงช่องอานม้า พรุ่งนี้ จ่อใช้แผนจักรพงษ์ภูวนาถ

23 ก.ค.- “ผบ.ทบ.” สั่ง ทภ.2-ทภ.1 เตรียมพร้อม “แผนจักรพงษ์ภูวนาถ” รับมือชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมยกคณะลงพื้นที่บัญชาการ วันที่ 23 ก.ค.68 พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผข.ทบ.) ได้สั่งการไปยังกองทัพภาคที่ 2 และกองทัพภาคที่1 รับผิดชอบพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชา เตรียมใช้แผนจักรพงษ์ภูวนาถ แก้ไขปัญหาพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชาหลัง กำลังพลของกองทัพบกไทยจากชุดลาดตระเวน พัน.ร.14 ประสบเหตุเหยียบกับระเบิดบริเวณห้วยบอน ช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี พิกัด VA 950911 ซึ่งเป็นพื้นที่ปฏิบัติการตามแนวชายแดน โดยส่งผลให้ จ่าสิบเอกพิชิตชัย บุญโคราช ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการสูญเสียขาขวา และอยู่ระหว่างการส่งตัวรักษาต่อ ณ โรงพยาบาลน้ำยืน โดยให้พร้อมปฏิบัติหน้าที่ทันที เมื่อสั่งการ ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (24 ก.ค.) พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก พลโท ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ รองเสธ ทบ. พลโทบุญสินพาดกลาง มทภ.2 […]

“บิ๊กต่าย” อยากเคลียร์ใจครอบครัว “น้องเมย” ปมคู่กรณีได้เป็น ตร.

ตร. 23 ก.ค. – ผบ.ตร. อยากเคลียร์ใจครอบครัว “น้องเมย” ปมคู่กรณีได้เป็นตำรวจใต้บังคับบัญชาหลังเกิดเหตุ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ศาลมณฑลทหารบกที่ 12 จังหวัดปราจีนบุรี อ่านคำพิพากษากรณีที่ ภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือ น้องเมย นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 เสียชีวิตปริศนา หลังจากถูกธำรงวินัยโดยรุ่นพี่ทหาร 2 นาย ภายในโรงเรียนเตรียมทหาร เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2560 ซึ่งหนึ่งในรุ่นพี่ที่เป็นจำเลย ปัจจุบันรับราชการตำรวจในภาคอีสาน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ระบุว่า ตนได้รับรายงานเรื่องนี้แล้ว สิ่งที่อยากจะสื่อสารในประเด็นที่ 1 ตนอยากพบพ่อและแม่ของน้องเมยเป็นการส่วนตัว เพื่อจะได้พูดคุยให้เข้าใจในการปฏิบัติของตำรวจ ซึ่งเป็นประเด็นที่ 2 กรณีที่คู่กรณีเป็นตำรวจ เราต้องมองย้อนไปในขณะที่เกิดเหตุ มองถอยหลังกลับไป คู่กรณีรายดังกล่าวไม่ได้อยู่ในสถานะตำรวจ ฉะนั้นแล้วตามกฎหมาย พ.ร.บ.ตำรวจ ปี 2565 การดำเนินการทางวินัยจะดำเนินได้เฉพาะกับผู้ที่อยู่ในสถานะตำรวจ ซึ่งขณะนั้นคู่กรณีถือว่าอยู่ภายใต้กองบัญชาการกองทัพไทย ส่วนการพิจารณาทางวินัยตำรวจของคู่กรณี ตนได้สั่งให้จเรตำรวจแห่งชาติ นำไปประกอบการพิจารณา เนื่องจากวินัยและอาญาจะสามารถเชื่อมกันได้ในข้อเท็จจริงบางส่วน […]

ข่าวแนะนำ

กองทัพบกประณามกัมพูชา โจมตีเป้าหมายพลเรือนในเขตไทย

กทม. 24 ก.ค.-กองทัพบก ประณามการกระทำของฝ่ายกัมพูชา กรณีใช้อาวุธโจมตีเป้าหมายพลเรือนในเขตแดนไทย กองทัพบกขอประณามการกระทำอันรุนแรงและไร้มนุษยธรรมของฝ่ายกัมพูชา จากกรณีที่มีการใช้อาวุธจรวด BM-21 จำนวน 2 นัด ยิงเข้ามาในพื้นที่ชุมชนภายในศูนย์พัฒนาพื้นที่ชายแดน อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ เมื่อเวลา 09.40 น. วันนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ราษฎรได้รับบาดเจ็บ 3 ราย ซึ่งฝ่ายไทยได้ดำเนินการอพยพประชาชนออกจากพื้นที่โดยทันที เพื่อความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สิน ขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกองทัพบกกำลังเฝ้าติดตามและประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งเตรียมมาตรการรองรับอย่างรอบด้าน ทั้งนี้ หากมีความคืบหน้าเพิ่มเติม จะได้รายงานให้ทราบต่อไปโดยเร็วที่สุด.-313.-สำนักข่าวไทย

น่าน จมมาบาดาลเกือบทั้งเมืองแล้ว

น่าน 24 ก.ค.-น้ำท่วมตัวเมืองน่านวิกฤติหนัก หลังน้ำยังเพิ่มสูงบางจุดท่วมมิดชั้น 2 แล้ว และขยายวงกว้างออกไปในรัศมีเกือบ 10 กม. รวมทั้ง รพ.น่าน ที่ต้องย้ายผู้ป่วยไปที่สนามบิน น้ำท่วมตัวเมืองน่านเรียกว่าสาหัสสากรรจ์จริงๆ ตอนนี้เมืองน่านจมมาบาดาลเกือบทั้งเมืองแล้ว จากที่ประเมินเท่ากับน้ำท่วมใหญ่ปี 49 ซึ่งเป็นน้ำท่วมใหญ่รอบร้อยปี แต่ตอนนี้น่าจะหนักเกินแล้ว น้ำท่วมถึงชุมชนสวนตาล ซึ่งอยู่ห่างจากริมน้ำน่าน 4 กิโลเมตร แม้จะเห็นว่าระดับไม่สูง แต่ด้านในสูงถึงคอแล้ว การเข้าออกต้องใช้เรือเพียงอย่างเดียว และน้ำยังเพิ่มขึ้น ชาวบ้านยังเร่งอพยพข้าวของออกมา เขตเศรษฐกิจเมืองน่านไม่ต้องพูดถึงจมน้ำสูงกว่า 1 เมตร วัดวาอารามหลายแห่งถูกน้ำท่วม และยิ่งชุมชนใกล้น้ำน่านบ้านเรือนหลายพันหลังถูกน้ำท่วมสูง บางจุดน้ำท่วมถึงชั้น 2 ของบ้าน อย่างเจ้าของบ้านรายนี้ถ่ายภาพจากชั้น 2 ของบ้านย่านชุมชนบ้านพระเกิด ไม่ไกลจากโรงพยาบาลน่าน ส่งมาให้ทีมข่าว จะเห็นว่าน้ำท่วมสูงเกินรั้วบ้านและกำลังจะขึ้นชั้นสอง และมีชาวบ้านที่ติดอยู่ในบ้านกลางน้ำท่วมสูงอีกจำนวนมาก เจ้าหน้าที่พยายามจะเข้าไปช่วยแต่เรือมีจำกัดและน้ำยังไหลเชี่ยว ทำให้บางจุดยังไม่สามารถเข้าไปได้ ชาวบ้านบางส่วนต้องเดินฝ่าน้ำท่วมสูงถึงคอออกมาด้านนอก เพื่อหาอาหารและน้ำดื่ม รวมทั้งโรงพยาบาลน่านที่ถูกน้ำท่วมตั้งแต่เมื่อคืน เจ้าหน้าที่เพิ่งออกมาจากโรงพยาบาลบอกว่า ตอนนี้น้ำท่วมสูงมาก ตึกอาคารเก่าน้ำท่วมถึงหน้าอก แต่ผู้ป่วยในราว 3 ร้อยคนอยู่บนตึกใหม่ตั้งแต่ชั้น 2 ปลอดภัยดี […]

เปิดแผน “จักรพงษ์ภูวนารถ” ป้องกันประเทศจากภัยคุกคาม

กทม. 24 ก.ค.-เปิดแผน “จักรพงษ์ภูวนารถ” ป้องกันประเทศจากภัยคุกคามฝ่ายตรงข้าม โฆษก ทบ. ชี้ชัดเจนแล้ว กัมพูชา เป็นฝ่ายที่บีบบังคับเรา ซัดเราคงไม่ปล่อยให้ใครเอาเปรียบ หรือลอบทำร้าย จากนี้จำเป็นต้องทำในสิ่งที่พยายามหลีกเลี่ยงมาตลอด ลั่นขณะนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้! ขอให้พี่น้องคนไทย เชื่อมั่นในศักยภาพของกองทัพไทย พลตรีวินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ระบุถึงแผนจักรพงษ์ภูวนารถ ที่เราเปิดปฏิบัติการ ว่าคือ แผนป้องกันประเทศ ที่กำหนดหน้าที่ของแต่ละหน่วย และกำลังทางทหาร และให้เตรียมความพร้อม เมื่อมีคำสั่ง เป็นแผนที่ได้ถูกกลั่นกรอง โดยประเมินจากสถานการณ์ และสภาพแวดล้อมในกิจการป้องกันประเทศ ในกรอบของกองทัพบก ที่ผ่านมา ในศึกเขาพระวิหาร ที่ใช้แผนนี้ ปัจจุบันขีดความสามารถกำลังรบเราเป็นอย่างไร โฆษก ทบ. ระบุพัฒนามาตามลำดับ และพิจารณาให้เหมาะสมกับภัยคุกคาม และขีดความสามารถของฝ่ายตรงข้าม ป้องกันภัยคุกคามจากฝ่ายตรงข้าม ส่วนแผนหลักๆ เป็นการป้องกัน หรือรุกคืบ โฆษก ทบ. ระบุ อาจจะพูดไม่ได้ แต่โดยปกติ อันดับแรกต้องครอบคลุมอธิปไตยของเราก่อน ส่วนเป็นการซีลชายแดนหรือไม่ โฆษก ทบ. ระบุพูดง่ายๆ แผนนี้ […]

ปะทะแล้ว บริเวณปราสาทตาเมือน หลังฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิง

สุรินทร์ 24 ก.ค.-ทบ.รายงานเหตุการณ์ปะทะบริเวณพื้นที่ปราสาทตาเมือน อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ หลังฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิง เมื่อเช้าวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 วันที่ 24 กรกฎาคม 2568 เวลา 07.35 น. หน่วยเฉพาะกิจที่ดูแลพื้นที่ปราสาทตาเมือนรายงานว่า ได้ยินเสียงอากาศยานไร้คนขับ (UAV) ของฝ่ายกัมพูชาบินวนอยู่บริเวณหน้าปราสาทตาเมือนธม แม้ไม่สามารถตรวจพบตัวอากาศยานได้ด้วยสายตา แต่สามารถได้ยินเสียงอย่างชัดเจน ต่อมาฝ่ายกัมพูชาได้นำอาวุธเข้าสู่ที่ตั้งบริเวณด้านหน้าแนวลวดหนาม และพบกำลังพลกัมพูชาจำนวน 6 นาย พร้อมอาวุธครบมือรวมทั้ง RPG เดินเข้ามาใกล้แนวลวดหนามบริเวณด้านหน้าฐานปฏิบัติการของไทย ฝ่ายไทยได้ใช้การตะโกนเจรจาเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งและยกระดับสถานการณ์ โดยฝ่ายไทยเฝ้าระวังตลอดแนวชายแดนเพื่อเตรียมรับสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาประมาณ 08.20 น. ฝ่ายกัมพูชาได้เปิดฉากยิงเข้ามาบริเวณตรงข้ามฐานปฏิบัติการทางทิศตะวันออกของปราสาทตาเมือน ในระยะประมาณ 200 เมตร ขณะนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกองทัพบกกำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากมีข้อมูลเพิ่มเติมจะรายงานความคืบหน้าให้ทราบต่อไป.-สำนักข่าวไทย