กรุงเทพฯ 3 ก.ค. – กฟผ.ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เตรียมมาตรการรองรับกรณีแหล่งพัฒนาร่วมไทย – มาเลเซีย หยุดจ่ายก๊าซธรรมชาติ 28 ก.ค. – 1 ส.ค. ขอความร่วมมือคนไทยใช้ไฟฟ้าอย่างประหยัด เพื่อรักษาความมั่นคงในระบบไฟฟ้า
นายจรรยง วงศ์จันทร์พงษ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการควบคุมระบบกำลังไฟฟ้า การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า กฟผ.ได้รับการประสานจากบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) แจ้งการหยุดจ่ายก๊าซธรรมชาติจากแหล่งพัฒนาร่วมไทย – มาเลเซีย (JDA – A18) ระหว่างวันที่ 28 กรกฎาคม – 1 สิงหาคม 2561 รวม 5 วัน เพื่อบำรุงรักษาประจำปี ซึ่งจะส่งผลให้โรงไฟฟ้าจะนะ ชุดที่ 1 และ 2 ไม่สามารถเดินเครื่องได้ กฟผ.จึงจัดประชุมเตรียมมาตรการรับมือร่วมกับ ปตท. การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) หน่วยงานภาครัฐ เอกชน และผู้เกี่ยวข้อง
นายจรรยง กล่าวว่า การหยุดจ่ายก๊าซธรรมชาติช่วงดังกล่าว ส่งผลให้ปริมาณก๊าซฯ หายไปจากระบบ 440 ล้านลูกบาศก์ฟุต ทำให้โรงไฟฟ้าจะนะชุดที่ 1 และ 2 กำลังผลิตรวม 1,345 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าหลักของภาคใต้ไม่สามารถเดินเครื่องได้ กฟผ.จึงต้องปรับเปลี่ยนการใช้เชื้อเพลิงจากก๊าซธรรมชาติเป็นน้ำมันดีเซล โดยช่วงที่หยุดจ่ายก๊าซฯ คาดการณ์ปริมาณการใช้น้ำมันดีเซลประมาณ 6.1 ล้านลิตร และน้ำมันเตา 6 ล้านลิตร นอกจากนี้ กฟผ.จะทำการตรวจสอบอุปกรณ์ของโรงไฟฟ้าและระบบส่งไฟฟ้าล่วงหน้าเพื่อให้มีความพร้อมใช้งาน รวมถึงงดบำรุงรักษาโรงไฟฟ้าและระบบส่งไฟฟ้า และหากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินจะประสานซื้อไฟฟ้าจากมาเลเซียผ่านระบบส่งกระแสตรงแรงดันสูง และระบบส่งกระแสสลับแรงดันสูง รวมทั้งเตรียมโรงไฟฟ้ากังหันก๊าซสุราษฎร์ธานีให้พร้อมเดินเครื่องเอาไว้ด้วย
“กฟผ.เตรียมทีมงานติดตามสถานการณ์และประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด พร้อมแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินทันที โดยคาดการณ์ความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดของภาคใต้ช่วงหยุดจ่ายก๊าซธรรมชาติไว้ที่ 2,550 เมกะวัตต์ มีความพร้อมด้านกำลังผลิตจากโรงไฟฟ้าภาคใต้ 2,936 เมกะวัตต์ รวมการส่งไฟฟ้าเชื่อมโยงจากภาคกลาง (Tie Line) อีก 650 เมกะวัตต์ คาดว่าสถานการณ์ไฟฟ้าภาคใต้ช่วง 5 วัน จะผ่านพ้นไปด้วยดี ประชาชนมีไฟฟ้าใช้อย่างเพียงพอ พร้อมกับต้องขอให้พี่น้องประชาชนช่วยกันใช้ไฟฟ้าอย่างประหยัด เพื่อเสริมความมั่นคงในระบบไฟฟ้าอีกทางหนึ่ง” นายจรรยง.-สำนักข่าวไทย