กทม. 26 มิ.ย. -นายกรัฐมนตรี พอใจผลการเยือนฝรั่งเศสที่ประสบความสำเร็จ เห็นชอบการค้าการลงทุนที่มีร่วมกันด้วยการขับเคลื่อนของภาคเอกชน โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทยรายงาน
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เสร็จสิ้นภารกิจการเดินทางเยือนสาธารณรัฐฝรั่งเศส ระหว่างวันที่ 22-25 มิถุนายน และเดินทางกลับถึงไทยเวลา 12.30 น. โดยภารกิจสุดท้าย นายกรัฐมนตรีได้เข้าเยี่ยมคารวะและหารือกับนายเอมานูว์แอล มาครง ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างมิตรไมตรี และเป็นไปอย่างอบอุ่น
นายกรัฐมนตรีชื่นชมประธานาธิบดีฝรั่งเศสในฐานะเป็นผู้นำรุ่นใหม่ มีการปฏิรูปประเทศ และเป็นตัวอย่างของกลุ่มความร่วมมือระดับภูมิภาค และเป็นแบบอย่างในเรื่องของกฎหมาย กฎหมายระเบียบ การค้าการลงทุน รวมทั้งได้ขอบคุณฝรั่งเศสที่ช่วยผลักดันให้มีการยกเลิกข้อมติสภาพยุโรป ทำให้ทั้งสองฝ่ายกลับมาติดต่อทางการเมืองระดับสูงระหว่างกันได้ และยินดีที่ภาคเอกชนของฝรั่งเศสสนใจที่จะมาร่วมลงทุนในไทยมากขึ้น โดยเฉพาะการลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC)
โครงการต่างๆ ของไทย จะเป็นสะพานเชื่อมเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงและอาเซียน ทั้งนี้ ยังหวังว่าฝรั่งเศสจะช่วยผลักดันให้มีการรื้อฟื้นการเจรจาความตกลงการค้าเสรี (FTA) ระหว่างไทยกับฝรั่งเศส และสหภาพยุโรปกับอาเซียน ซึ่งทั้งสองฝ่ายเห็นในความมือที่มีร่วมกัน
ขณะที่การพัฒนาการทางการเมืองของไทย รัฐบาลได้ปฏิรูปประเทศในทุกด้านอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างประชาธิปไตยที่เข้มแข็งและเป็นไปตามโรดแมปที่วางไว้ การพูดคุยในครั้งนี้ไม่ได้มีการกดดันทางการเมืองแต่อย่างใด ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้เชิญให้ประธานาธิบดีสาธารณรัฐฝรั่งเศสเดินทางเยือนประเทศไทยในช่วงที่ไทยเป็นประธานอาเซียนในปี 2562 ซึ่งประธานาธิบดีได้ตอบรับโดยทันที ขณะเดียวกัน ทางฝรั่งเศสก็ได้เชิญให้มาร่วมงานรำลึกสงครามโลกครั้งที่ 1 ซึ่งไทยก็ตอบรับเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม การเดินทางเยือนสหราชอาณาจักร และสาธารณรัฐฝรั่งเศสในครั้งนี้ ถือว่าประสบความสำเร็จในการเริ่มต้นการพบปะผู้นำระดับสูง ที่ห่างหายไประยะหนึ่ง ครั้งนี้ จึงเป็นการปูพื้นฐานเพื่อให้มีการเเยือนในระดับอื่นๆ ต่อไป
ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีและประธานาธิบดีฝรั่งเศสได้ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีแลกเปลี่ยนความตกลงสัญญากรอบการร่วมทุนระหว่างบริษัทการบินไทย กับบริษัท แอร์บัส และสัญญาซื้อขายดาวเทียมธีออส 2 ระหว่างสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) กับบริษัท Airbus Defence & Space SAS . – สำนักข่าวไทย