ศธ.ยันผลิตแพทย์ 3 พันคนต่อปี

ก.ศึกษาฯ 25 มิ.ย.-รมช.ศึกษาฯ ยืนยันผลิตแพทย์ 3,000 คนต่อไป แม้ต่างจังหวัดจะขาดแคลน เหตุหากเพิ่มผลิต ปี2580 แพทย์จะล้นเกินจำเป็น แนะ สธ.ดูแลสุขภาพประชาชน และลดแพทย์ไหลไปรพ.เอกชน หนุนเพิ่มค่าปรับผิดสัญญา 5 ล้านบาทจากเดิม 4 แสนบาท


นพ.อุดม คชินทร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยภายหลังการประชุมหารือโครงการผลิตแพทย์เพิ่มแห่งประเทศไทย พ.ศ.2561-2562 โดยมีนพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเป็นประธานว่า ที่ประชุมได้ข้อสรุปใน 2 เรื่อง คือ ปริมาณของนักเรียนแพทย์และงบประมาณในผลิตแพทย์ 


โดยเรื่องปริมาณแต่ละปีมีนักเรียนแพทย์ที่จบกว่า3,000 คน โดยก่อนหน้านี้กระทรวงศึกษาธิการร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขในการทำวิจัยเรื่องปริมาณแพทย์ในเบื้องต้น พบว่า แพทย์ 1 คนเหมาะกับการดูแลประชากร 1,200 คน ซึ่งไทยตั้งมาตรฐานนี้ไว้ ซึ่งหลายปีที่ผ่านมาก็ไม่ถึง เพราะมีแพทย์ในโรงพยาบาลเอกชนจำนวนมาก โดยเฉพาะในกรุงเทพมหานคร แพทย์ 1 คนดูแลประชากร 800 คน แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าในต่างจังหวัดแพทย์ 1 คนต้องดูแลถึง 2,000-2,500 คน 


ประกอบกับยังมีความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงการรักษา อีกทั้งต้องดูว่าประชากรมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นไม่ ซึ่งเบื้องต้นหากมองในสภาพปัจจุบัน แพทย์ 3,000 คนไม่เพียงพออย่างแน่นอน แต่ยังขอยืนยันที่จะผลิตแพทย์ 3,000 คนต่อไปก่อน เพราะเมื่อมองไปปีพ.ศ. 2580 แพทย์จะมีจำนวนเพียงพอ หากเพิ่มตอนนี้ แพทย์จะมีเกินความจำเป็นอย่างมาก และรัฐจะสูญงบประมาณ ซึ่งวางกรอบว่าตั้งแต่ปีนี้จนถึงปีพ.ศ.2570 จะผลิตแพทย์ 3,000 คนตามเดิม แต่ขณะเดียวกันกระทรวงสาธารณสุขต้องไปปรับการดูแลรักษาคนไข้ใหม่ เน้นส่งเสริมสุขภาพชุมชน การทำเวชศาสตร์ชุมชน คนไทยต้องสุขภาพดีขึ้น หรือการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เข้าช่วยในการดูแลรักษาผู้ป่วย ก็จะทำให้การใช้แพทย์ลดลง

 

ส่วนเรื่องที่จะทำอย่างไรไม่ให้ไหลทำงานโรงพยาบาลเอกชนนั้น ซึ่งจากเดิมกรณีแพทย์ไม่ใช้ทุน เสียค่าปรับแค่ 4 แสนบาท แต่หากมองถึงบประมาณที่รัฐใช้ผลิตแพทย์อยู่ที่ 4.7 ล้านต่อคน จึงมีการเสนอให้ปรับค่าผิดสัญญา 5 ล้านบาท แต่ค่าปรับทั้งหมดจะถูกส่งคืนสำนักงบประมาณกลางไม่ใช่เข้ามหาวิทยาลัยแต่อย่างใด

นพ.อุดม กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องงบประมาณที่แบ่งเป็น2ส่วน คืองบฯ ในการดำเนินการ 3แสนบาทต่อคนต่อปี และงบลงทุน 2 ล้านบาท ซึ่งหลายฝ่ายติงว่างบลงทุนนี้จะซ้ำซ้อนหรือไม่ เพราะนำงบไปซื้อคุรุภัณฑ์ ซึ่งความเป็นจริงคุรุภัณฑ์หรืออุปกรณ์รักษาพยาบาลต่างๆ ใช้ได้นานหลายปี ไม่จำเป็นต้องเบิกทุกปีและมีข้อเสนอให้ไปเทียบการใช้งานของอุปกรณ์ต่างๆกับเกณฑ์มาตรฐานกลาง ของกรมบัญชีกลาง ซึ่งหลังจาก กสพท.นำไปเปรียบเทียบแล้วพบว่าตัวเลขงบประมาณก็อยู่ที่กว่า 2 ล้านบาท ไม่ต่างจากงบเดิมซึ่งไม่เกินจริง สำนักงบประมาณจึงพอใจในตัวเลขนี้ ขณะเดียวกันจะมีการเปลี่ยนชื่องบ จากเดิมเป็นงบลงทุนที่อาจจะตีความได้กว้าง เปลี่ยนเป็นงบจัดหาอุปกรณ์และคุรุภัณฑ์พื้นฐานสำหรับการเรียนการสอนแทน 

ขณะที่หลังจากได้ข้อตกลงทั้ง2 ในวันนี้แล้ว จะเตรียมเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีภายในวันที่ 3 ก.ค.นี้ เพื่อให้ทันในปีงบ 61-62และใช้ต่อระหว่างปี 63-70  เพราะถือว่าปี 61นั้นล่าช้าเกินไปแล้วหลังถกเถียงกันอย่างยาวนาน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

ล้มล้างการปกครอง

ศาล รธน.มีมติเสียงข้างมากไม่รับคำร้อง “ทักษิณ-พท.” ล้มล้างการปกครอง

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมากไม่รับคำร้องของนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ขอให้ศาลวินิจฉัยว่า “ทักษิณ-พรรคเพื่อไทย” ล้มล้างการปกครอง

คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญถกคำร้อง “ทักษิณ-เพื่อไทย” ล้มล้างฯ

จับตา ศาลรัฐธรรมนูญ “รับ/ไม่รับ” คำร้องปม “ทักษิณ-พรรคเพื่อไทย” ใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองหรือไม่

อุตุฯ เผยเหนือ-อีสาน อากาศเย็นในตอนเช้า ภาคใต้ฝนตกหนักบางแห่ง

กรมอุตุฯ เผยภาคเหนือ ภาคอีสาน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลง ส่วนภาคใต้ มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ