‘วาโย’ ฉะงบ ‘สธ.’ มากไปหรือไม่ หลังตัวชี้วัดสวนทางงบประมาณ

รัฐสภา 30 พ.ค.- ‘วาโย’ ฉะงบ ก.สาธารณสุข มากไปหรือไม่ หลังตัวชี้วัดสวนทางงบประมาณ ฝาก กมธ. หาคำตอบ ถาม ‘สมศักดิ์ ทำไมต้องสร้างศูนย์อาคารแพทย์แผนไทย ที่จังหวัดบ้านเกิดตัวเอง


ในการประชุมเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ. 2569 นายวาโย อัศวรุ่งเรือง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อภิปรายว่า งบประมาณแผ่นดินเพิ่มมาจากปีที่แล้วแค่ 0.7% แทบจะไม่ได้เพิ่มเลย แต่สำหรับกระทรวงสาธารณสุข แม้งบประมาณแผ่นดินจะเพิ่มมาแค่นี้ แต่กระทรวงสาธารณสุขเพิ่มมา 3.3% และหักส่วนของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เข้าไปด้วยเพิ่มมาเพิ่มมาเกือบ 20 เท่า

นายวาโย ระบุว่า วันนี้เมื่อปีที่แล้วรัฐมนตรีเข้าไปแถลงนโยบายที่กระทรวงสาธารณสุขกับพี่น้องชาวสาธารณสุขผ่านมาแล้ว 1 ปี โดยนโยบายกระทงของพรรคเพื่อไทยคือเรื่อง 30 บาท รักษาทุกโรค ที่จะยกระดับ 30 บาทรักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว ต้องฝากถามไปถึงพี่น้องประชาชนว่าใช้ได้จริงหรือไม่ ซึ่งในปีนี้ได้ยกเลิก และตัดทิ้ง เป็นเพราะทำสำเร็จแล้ว หรือเพราะทำไม่ได้ ซึ่งพยายามลงทุนทำเชื่อมต่อระบบข้อมูล บริการสุขภาพดิจิทัล Thailand Health Atlas หรือแผนที่สุขภาพประเทศไทย โดยการเชื่อมต่อระบบข้อมูล เพื่อให้สามารถส่งตัวแบบไร้รอยต่อ ซึ่งในปีนี้ได้เพิ่มงบประมาณระยะที่ 2 เข้าไป


การสร้างเสริมคนให้มีสุขภาพที่ดี งบประมาณ 7 หมื่นกว่าล้าน ส่งเสริมการผลิตแพทย์พยาบาลบุคลากรสาธารณสุขไม่น้อยกว่า 42,400 คน โดยมีการของบประมาณในปีนี้ 15,000 ล้านบาท ซึ่งมีการแบ่ง 8,000 ล้านบาทเอาไปสร้างตึก ตนเองไม่ได้บอกว่าไม่ดี แต่อีก 4,000 ล้านบาทคือการซื้อของ และที่เหลือถึงจะได้เริ่มไปลงทุน

นายวาโย ระบุว่า มีการเพิ่มการเข้าถึงบริการสุขภาพ ซึ่งญาติของตนเองที่เข้าไปผ่าตัดตาในครั้งที่ผ่านมา ก็ต้องใช้เวลาตลอดทั้งวัน เพื่อทำเรื่องส่งตัว นี่คือการลงทุนงบประมาณในการทำ Smart Hospital ซึ่งมองว่าไม่ได้ประโยชน์ ทั้งยังไม่มีการลงทุนเพิ่ม นั่นแปลว่าทำเสร็จไปแล้วหรือไม่ การให้เข้าถึงโครงการ 30 บาท รักษาทุกโรค ตั้งเป้าไว้เกือบ 20 ล้านคน โดยปัจจุบันมีการทำไปแล้ว 12 ล้านคน ซึ่งเมื่อดูจากตัวเลข มีการนับรวมยอดรับยาที่ร้านยา โดยแม้จะเป็นแค่ยาพาราเซตามอนก็ตาม และในปี 69 ก็ตั้งเป้าไว้กือบ 18 ล้านคน

ส่วนผู้ที่มีภาวะพึ่งพิงในชุมชนที่ตั้งเป้าไว้เกือบ 600,000 คนโดยในปี 68 ทำได้แค่ 250,000 คน จึงมีการลดจำนวนลงมาในปี 69 เหลือแค่ประมาณ 500,000 กว่าคนเท่านั้น


งบสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เป็นหน่วยงานที่ได้รับงบเพิ่มสูงมาก เพิ่มขึ้น 15.18% เราคาดหวังว่าจะทำอะไรให้มันเกิดการเปลี่ยนแปลง แต่การกำหนดตัวชี้วัดกลับเท่าเดิม และไม่มีรายงานว่าได้ตรงตามเป้าหรือไม่

ส่วนคลินิกชุมชน โรงพยาบาลเอกชน ที่เข้ามาร่วมบริการกับรัฐ ก็ถูกเบี้ยวหนี้ หลายโรงพยาบาลถอนตัวออกไปเพราะ สปสช. ถังแตก โดยเงินสดคงเหลือต้นงวดของ ปี 69 เหลือ 200 ล้านบาท

ส่วนที่บอกว่าจะแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างบูรณาการ พัฒนามินิธัญญารัตน์ Patient journey ทบทวนเชิงกฎหมาย และการที่บอกว่าการบำบัดคือเรื่องปลายน้ำ ตนเองมองว่า การบำบัดไม่ใช่เรื่องปลายน้ำ แต่การระบุตัวตน ว่าไม่ใช่ผู้ค้า และนำไปบำบัด จะเป็นการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ได้ ซึ่งต้องเพิ่ม Health Literacy ฝากทางกรมอนามัยด้วย ส่วนที่มีการจะยึดทรัพย์สำหรับผู้ที่มียาเสพติดนั้น แปลว่ามีการสันนิษฐานว่าเป็นผู้ค้าทั้งหมด เริ่มต้นตั้งแต่ 1 เม็ด แบบนั้นไม่ได้

ส่วนที่บอกว่าจะยกระดับเศรษฐกิจสุขภาพ ต่อยอดภูมิปัญญาไทย ซึ่งมีการออกนโยบายตั้งเงินรางวัลให้เบิกจ่ายยาสมุนไพร ซึ่งตั้งในโรงพยาบาลแพทย์แผนปัจจุบัน ตนเองไม่ได้บอกว่ายาสมุนไพรไม่ดี แต่มันต้องถูกที่ และถูกทาง โดยบอกว่าถึงขนาดให้ตัวชี้วัดเพียงแต่เป็นทางเลือก แต่กลับมีงบอุดหนุนเพิ่มให้กับโรงพยาบาลที่สามารถจ่ายยาสมุนไพรได้เยอะ ซึ่งถือเป็นการบีบให้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน

กรมการแพทย์แผนไทยได้งบเพิ่มขึ้น 30% เพื่อมีเป้าหมายเพิ่มมูลค่าตลาดสมุนไพร ทำให้ตลาดโตขึ้น ตนเองไม่อยากไปตั้งคำถามว่าท่านรัฐมนตรีมีญาติที่นามสกุลเดียวกัน เป็นเจ้าของร้านสมุนไพรหรือไม่ แต่การกระทำเหล่านี้ เขาก็ได้ประโยชน์อยู่ดีซึ่งก็ต้องอธิบายให้ได้ ไม่ใช่มากล่าวหาแบบนี้

ส่วนงบประมาณในการเรื่องซอฟต์พาวเวอร์ไทย มีการนำงบประมาณดังกล่าว ไปจัดอีเวนท์ นึกว่าจะนำไปทำซีรี่ส์ หรือละครให้ดูจับต้องได้ ศูนย์อาคารสาธารณสุขเกี่ยวกับเรื่องการแพทย์แผนไทยและการทางเลือก ตั้งงบประมาณปี 2569 ให้แล้วเสร็จภายในปี 2570 ซึ่งมีการสร้างที่จังหวัดสุโขทัย โดยเป็นจังหวัดบ้านเกิดของท่านรัฐมนตรี จึงอยากให้มีการตอบและชี้แจงในเรื่องนี้

ส่วนการสร้างขวัญและกำลังใจบุคลากร และ อสม. สวัสดิการค่าตอบแทน ลดหนี้สินบุคลากร สื่อสารสร้างสัมพันธ์ โดยมีโครงการนับคาร์บ เพราะมีผู้ป่วยในโรคประเภท NCDs เยอะ เมื่อมีผู้ป่วยลดลง งานแพทย์ก็จะลดลง ซึ่งมีการตั้งงบประมาณปี 69 กว่า 1,200 ล้านบาท และอยากให้มีการมาเล่าให้ฟังว่านำงบประมาณดังกล่าวไปทำอะไรบ้าง

การตั้งเป้ากระจายแพทย์ไปสู่ชนบทไม่น้อยกว่า 1,000 คนต่อปีซึ่งเปรียบเทียบกับคนที่เรียนจบภาคมีเพียงปีละ 3,000 – 3,500 คนตั้งเป้าแบบนี้ไม่จำเป็นก็ได้เพราะมันทำได้อยู่แล้ว และการตั้งเป้าให้หมอลาออกหลังจบไม่เกิน 5%

ส่วน World Expo เป็นการจัดอีเวนท์ที่แพงมาก ตนเองคัดค้านเรื่องนี้มาตลอด ซึ่งในปี 69 มีการตั้งงบ 200 กว่าล้าน ในการรื้อถอนโครงการดังกล่าว จึงตั้งคำถามว่ามากไปหรือไม่.-312 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

“บิ๊กเล็ก” ชี้บรรลุข้อตกลงเบื้องต้นถือว่าดีมากแล้ว เรื่องกับระเบิด จะคุยจนกว่ายอมรับ

ทำเนียบ 8 ส.ค.-“บิ๊กเล็ก” มอบความสำเร็จให้ทีมเจรจา GBC พร้อมขอบคุณประชาชน 4 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชาที่อดทน ให้ผู้ว่าฯ ประสานหน่วยงานด้านความมั่นคงอนุญาตประชาชนกลับบ้าน ชี้กัมพูชาเมินข้อตกลงเก็บกู้ระเบิด เพื่อใช้เป็นเครื่องป้องกันกำลังตนเอง ย้ำจะนำไปคุยใน GBC และจนกว่าจะยอมรับ จ่อตั้งทีมที่ปรึกษาส่วนตัวดูข้อกฎหมายรอบด้าน พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ย้ำผลสำเร็จการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย – กัมพูชา หรือ GBC ว่า ขอบคุณทีมคณะเลขานุการ GBC ดำเนินการพูดคุยจนบรรลุข้อตกลง 13 ประเด็น โดยผลสำเร็จที่สำคัญ คือ เป็นการตกลงแบบทวิภาคี ระหว่างไทย – กัมพูชา ซึ่งอาเซียนได้ปล่อยให้ทั้งสองประเทศพูดคุยกัน โดยไม่เข้ามาแทรกแซง ทำหน้าที่เพียงเป็นผู้สังเกตการณ์ ขณะที่ในการพูดคุยมีผู้สังเกตการณ์จากสหรัฐสหรัฐอเมริกา และจีน ก็ได้ปล่อยให้อาเซียนบริหารจัดการกันเอง โดยไม่เข้ามาแทรกแซงเช่นกัน ถือว่าได้รับคำมั่นจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และมาเลเซียก็ตอบรับคำขอไทย ที่พยายามจะรักษาการพูดคุยระหว่างสองประเทศ เพื่อให้กลไกทวิภาคีดำเนินการต่อไปได้ และสิ่งที่ไทยประสบผลสำเร็จอีกหนึ่งประการ คือ เป็นอีกครั้งที่กัมพูชายอมพูดคุยทวิภาคี หลังจากที่ปฏิเสธมาตลอด ส่วนการจะเชื่อใจกัมพูชาได้อย่างไรนั้น พลเอกณัฐพล ย้ำว่า จะใช้แนวทางเดิม […]

ศบ.ทก. เปิดตัว “บุ๋ม ปนัดดา” นั่งโฆษกฯ จิตอาสา

ทำเนียบ 8 ส.ค.-ศบ.ทก. เปิดตัว “บุ๋ม ปนัดดา” นั่งโฆษกฯ จิตอาสา ปะทะ “พลโทหญิงมาลี” มั่นใจสวยกว่าการันตีตำแหน่งนางสาวไทย เจ้าตัวลั่นไม่กลัวเฟคนิวส์ พร้อมยืนยันเคียงข้างประชาชน ให้ข้อเท็จจริง พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดตัวโฆษก ศบ.ทก. จิตอาสาคนใหม่ คือ นางสาวปนัดดา วงษ์ผู้ดี เพื่อทำหน้าที่ปะทะกับพลโทหญิงมาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ซึ่งอย่างน้อยสิ่งที่เราได้เปรียบ ที่ตนเองมั่นใจ คือ ความสวย ที่สวยกว่าแน่นอน เพราะโฆษก ศบ.ทก.เป็นนางสาวไทย แต่โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชาไม่ใช่นางสาวกัมพูชา ซึ่งการทำงานของนางสาวปนัดดา เนื่องจากมีงานมากมาย ปัจจุบันทำงานอยู่ในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้ให้นางสาวปนัดดาช่วยตอบโต้ผ่านสื่อออนไลน์ ซึ่งตนเองและทีมงานจะสนับสนุนข้อมูลในการแถลงข่าว ด้าน นางสาวปนัดดา ระบุว่า ที่ตกลงมาทำหน้าที่โฆษก ศบ.ทก. จิตอาสาในครั้งนี้ เป็นเพราะตนเองอยู่ในพื้นที่มานานและเห็นความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน เห็นความอดทนของทหาร ในฐานะที่เป็นจิตอาสา จึงอยากเป็นสื่อกลางที่ชัดเจน ที่สามารถคุยกับสื่อมวลชนและประชาชน รวมถึงฝ่ายทหารให้ได้ข้อมูลที่ตรงกับความเป็นจริง และบอกกับต่างชาติว่าเกิดอะไรขึ้นในประเทศไทยของเราบ้าง ซึ่งก่อนหน้านี้ทางทหารได้มีการประชุมกัน […]

ศาลอาญาฯ อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท”

กรุงเทพฯ 7 ส.ค. – ศาลอาญาพระโขนง อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท” ตีราคาประกัน 100,000 บาท หลังตำรวจนำตัวฝากขัง คดียาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาพระโขนง ฝากขังครั้งที่ 1 นายธนัตถ์ หรือ ไฮโซลูกนัท อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาคดีกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ โดยศาลอนุญาตฝากขังตามคำร้อง ซึ่งวันนี้ผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ตีราคาประกัน 100,000 บาท โดยผู้ต้องหานำเงินสดเป็นหลักประกันตนเอง.-สำนักข่าวไทย

รมว.ต่างประเทศ ย้ำทูตไทยทั่วโลกแจงผลประชุม GBC

7 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ ถกทูตไทยทั่วโลก ชื่นชมผลประชุม GBC กำชับทูตไทยทั่วโลกทำงานเชิงรุก เดินหน้าชี้แจงข้อเท็จจริง บนพื้นฐานของหลักฐานเชิงประจักษ์ ชี้ “ความจริงจะชนะทุกสิ่ง” นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานการประชุมแบบออนไลน์ ร่วมกับ เอกอัครราชทูตไทย ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต และคณะผู้แทนถาวรไทยในต่างประเทศจาก 70 ประเทศทั่วโลก และกรมต่างๆ เพื่อชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป General Border Committee หรือ GBC ที่ประเทศมาเลเซีย พร้อมมอบนโยบายและแนวทางในการดำเนินการของกระทรวงฯ และสำนักงานในต่างประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์ชายแดนดังกล่าวอย่างบูรณาการร่วมกัน นายมาริษ กล่าวถึงผลของการประชุม GBC และข้อตกลงที่เห็นพ้องร่วมกันทั้ง 13 ข้อ ว่าเป็นพัฒนาการและก้าวสำคัญสำหรับการเจรจาการหยุดยิง บรรลุเป้าหมายที่ต้องการในเบื้องต้น ซึ่งต้องขอบคุณมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ณ ที่นี้ด้วย โดยกระทรวงพร้อมให้การสนับสนุนกระทรวงกลาโหมในการดำเนินการเจรจาต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาได้สนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงกลาโหม และทำงานร่วมกันอย่างใกล้ ตั้งแต่การเป็นฝ่ายเลขาฯ การร่างเพื่อเสนอกรอบข้อตกลง โดยหลังจากนี้ไทยพร้อมเปิดรับการเจรจาทวิภาคีผ่านช่องทางทางการทูต เพื่อสนับสนุนภารกิจของกระทรวงกลาโหม ภายใต้เงื่อนไขว่าฝ่ายกัมพูชาเคารพและดำเนินการตามข้อตกลงของการเจรจาหยุดยิงต่อไป […]