‘วาโย’ ฉะงบ ‘สธ.’ มากไปหรือไม่ หลังตัวชี้วัดสวนทางงบประมาณ

รัฐสภา 30 พ.ค.- ‘วาโย’ ฉะงบ ก.สาธารณสุข มากไปหรือไม่ หลังตัวชี้วัดสวนทางงบประมาณ ฝาก กมธ. หาคำตอบ ถาม ‘สมศักดิ์ ทำไมต้องสร้างศูนย์อาคารแพทย์แผนไทย ที่จังหวัดบ้านเกิดตัวเอง


ในการประชุมเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ. 2569 นายวาโย อัศวรุ่งเรือง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อภิปรายว่า งบประมาณแผ่นดินเพิ่มมาจากปีที่แล้วแค่ 0.7% แทบจะไม่ได้เพิ่มเลย แต่สำหรับกระทรวงสาธารณสุข แม้งบประมาณแผ่นดินจะเพิ่มมาแค่นี้ แต่กระทรวงสาธารณสุขเพิ่มมา 3.3% และหักส่วนของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เข้าไปด้วยเพิ่มมาเพิ่มมาเกือบ 20 เท่า

นายวาโย ระบุว่า วันนี้เมื่อปีที่แล้วรัฐมนตรีเข้าไปแถลงนโยบายที่กระทรวงสาธารณสุขกับพี่น้องชาวสาธารณสุขผ่านมาแล้ว 1 ปี โดยนโยบายกระทงของพรรคเพื่อไทยคือเรื่อง 30 บาท รักษาทุกโรค ที่จะยกระดับ 30 บาทรักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว ต้องฝากถามไปถึงพี่น้องประชาชนว่าใช้ได้จริงหรือไม่ ซึ่งในปีนี้ได้ยกเลิก และตัดทิ้ง เป็นเพราะทำสำเร็จแล้ว หรือเพราะทำไม่ได้ ซึ่งพยายามลงทุนทำเชื่อมต่อระบบข้อมูล บริการสุขภาพดิจิทัล Thailand Health Atlas หรือแผนที่สุขภาพประเทศไทย โดยการเชื่อมต่อระบบข้อมูล เพื่อให้สามารถส่งตัวแบบไร้รอยต่อ ซึ่งในปีนี้ได้เพิ่มงบประมาณระยะที่ 2 เข้าไป


การสร้างเสริมคนให้มีสุขภาพที่ดี งบประมาณ 7 หมื่นกว่าล้าน ส่งเสริมการผลิตแพทย์พยาบาลบุคลากรสาธารณสุขไม่น้อยกว่า 42,400 คน โดยมีการของบประมาณในปีนี้ 15,000 ล้านบาท ซึ่งมีการแบ่ง 8,000 ล้านบาทเอาไปสร้างตึก ตนเองไม่ได้บอกว่าไม่ดี แต่อีก 4,000 ล้านบาทคือการซื้อของ และที่เหลือถึงจะได้เริ่มไปลงทุน

นายวาโย ระบุว่า มีการเพิ่มการเข้าถึงบริการสุขภาพ ซึ่งญาติของตนเองที่เข้าไปผ่าตัดตาในครั้งที่ผ่านมา ก็ต้องใช้เวลาตลอดทั้งวัน เพื่อทำเรื่องส่งตัว นี่คือการลงทุนงบประมาณในการทำ Smart Hospital ซึ่งมองว่าไม่ได้ประโยชน์ ทั้งยังไม่มีการลงทุนเพิ่ม นั่นแปลว่าทำเสร็จไปแล้วหรือไม่ การให้เข้าถึงโครงการ 30 บาท รักษาทุกโรค ตั้งเป้าไว้เกือบ 20 ล้านคน โดยปัจจุบันมีการทำไปแล้ว 12 ล้านคน ซึ่งเมื่อดูจากตัวเลข มีการนับรวมยอดรับยาที่ร้านยา โดยแม้จะเป็นแค่ยาพาราเซตามอนก็ตาม และในปี 69 ก็ตั้งเป้าไว้กือบ 18 ล้านคน

ส่วนผู้ที่มีภาวะพึ่งพิงในชุมชนที่ตั้งเป้าไว้เกือบ 600,000 คนโดยในปี 68 ทำได้แค่ 250,000 คน จึงมีการลดจำนวนลงมาในปี 69 เหลือแค่ประมาณ 500,000 กว่าคนเท่านั้น


งบสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เป็นหน่วยงานที่ได้รับงบเพิ่มสูงมาก เพิ่มขึ้น 15.18% เราคาดหวังว่าจะทำอะไรให้มันเกิดการเปลี่ยนแปลง แต่การกำหนดตัวชี้วัดกลับเท่าเดิม และไม่มีรายงานว่าได้ตรงตามเป้าหรือไม่

ส่วนคลินิกชุมชน โรงพยาบาลเอกชน ที่เข้ามาร่วมบริการกับรัฐ ก็ถูกเบี้ยวหนี้ หลายโรงพยาบาลถอนตัวออกไปเพราะ สปสช. ถังแตก โดยเงินสดคงเหลือต้นงวดของ ปี 69 เหลือ 200 ล้านบาท

ส่วนที่บอกว่าจะแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างบูรณาการ พัฒนามินิธัญญารัตน์ Patient journey ทบทวนเชิงกฎหมาย และการที่บอกว่าการบำบัดคือเรื่องปลายน้ำ ตนเองมองว่า การบำบัดไม่ใช่เรื่องปลายน้ำ แต่การระบุตัวตน ว่าไม่ใช่ผู้ค้า และนำไปบำบัด จะเป็นการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ได้ ซึ่งต้องเพิ่ม Health Literacy ฝากทางกรมอนามัยด้วย ส่วนที่มีการจะยึดทรัพย์สำหรับผู้ที่มียาเสพติดนั้น แปลว่ามีการสันนิษฐานว่าเป็นผู้ค้าทั้งหมด เริ่มต้นตั้งแต่ 1 เม็ด แบบนั้นไม่ได้

ส่วนที่บอกว่าจะยกระดับเศรษฐกิจสุขภาพ ต่อยอดภูมิปัญญาไทย ซึ่งมีการออกนโยบายตั้งเงินรางวัลให้เบิกจ่ายยาสมุนไพร ซึ่งตั้งในโรงพยาบาลแพทย์แผนปัจจุบัน ตนเองไม่ได้บอกว่ายาสมุนไพรไม่ดี แต่มันต้องถูกที่ และถูกทาง โดยบอกว่าถึงขนาดให้ตัวชี้วัดเพียงแต่เป็นทางเลือก แต่กลับมีงบอุดหนุนเพิ่มให้กับโรงพยาบาลที่สามารถจ่ายยาสมุนไพรได้เยอะ ซึ่งถือเป็นการบีบให้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน

กรมการแพทย์แผนไทยได้งบเพิ่มขึ้น 30% เพื่อมีเป้าหมายเพิ่มมูลค่าตลาดสมุนไพร ทำให้ตลาดโตขึ้น ตนเองไม่อยากไปตั้งคำถามว่าท่านรัฐมนตรีมีญาติที่นามสกุลเดียวกัน เป็นเจ้าของร้านสมุนไพรหรือไม่ แต่การกระทำเหล่านี้ เขาก็ได้ประโยชน์อยู่ดีซึ่งก็ต้องอธิบายให้ได้ ไม่ใช่มากล่าวหาแบบนี้

ส่วนงบประมาณในการเรื่องซอฟต์พาวเวอร์ไทย มีการนำงบประมาณดังกล่าว ไปจัดอีเวนท์ นึกว่าจะนำไปทำซีรี่ส์ หรือละครให้ดูจับต้องได้ ศูนย์อาคารสาธารณสุขเกี่ยวกับเรื่องการแพทย์แผนไทยและการทางเลือก ตั้งงบประมาณปี 2569 ให้แล้วเสร็จภายในปี 2570 ซึ่งมีการสร้างที่จังหวัดสุโขทัย โดยเป็นจังหวัดบ้านเกิดของท่านรัฐมนตรี จึงอยากให้มีการตอบและชี้แจงในเรื่องนี้

ส่วนการสร้างขวัญและกำลังใจบุคลากร และ อสม. สวัสดิการค่าตอบแทน ลดหนี้สินบุคลากร สื่อสารสร้างสัมพันธ์ โดยมีโครงการนับคาร์บ เพราะมีผู้ป่วยในโรคประเภท NCDs เยอะ เมื่อมีผู้ป่วยลดลง งานแพทย์ก็จะลดลง ซึ่งมีการตั้งงบประมาณปี 69 กว่า 1,200 ล้านบาท และอยากให้มีการมาเล่าให้ฟังว่านำงบประมาณดังกล่าวไปทำอะไรบ้าง

การตั้งเป้ากระจายแพทย์ไปสู่ชนบทไม่น้อยกว่า 1,000 คนต่อปีซึ่งเปรียบเทียบกับคนที่เรียนจบภาคมีเพียงปีละ 3,000 – 3,500 คนตั้งเป้าแบบนี้ไม่จำเป็นก็ได้เพราะมันทำได้อยู่แล้ว และการตั้งเป้าให้หมอลาออกหลังจบไม่เกิน 5%

ส่วน World Expo เป็นการจัดอีเวนท์ที่แพงมาก ตนเองคัดค้านเรื่องนี้มาตลอด ซึ่งในปี 69 มีการตั้งงบ 200 กว่าล้าน ในการรื้อถอนโครงการดังกล่าว จึงตั้งคำถามว่ามากไปหรือไม่.-312 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

นายกฯ รับคลิปเสียงจริง ซัด “ฮุนเซน” ปล่อยหวังรัฐบาล-กองทัพแตกแยก

ทำเนียบ 18 มิ.ย.- นายกฯ รับคลิปเสียงคุย “ฮุนเซน” เป็นของจริง แจงปมบอกแม่ทัพภาคที่ 2 เป็นฝ่ายตรงข้าม เป็นเทคนิคการเจรจาต่อรองสร้างสันติภาพ หลัง “ฮุนเซน” โกรธ ชี้จุดประสงค์หวังสร้างคะแนนนิยมรัฐบาลกัมพูชาที่ไม่สนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ รับไม่ไว้ใจ จากนี้ไม่ขอคุยส่วนตัว ปัดตอบสัมพันธ์ 2 ตระกูล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงด่วนกรณีมีคลิปเสียงสนทนาระหว่างที่พูดคุยกับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เผยแพร่ออกมาผ่านโซเชียลมีเดีย โดยยอมรับว่าเป็นคลิปจริง เป็นการคุยกันเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งตนได้ทราบข้อมูลจากล่ามที่แปลว่า ทางสมเด็จฮุน เซน โกรธแม่ทัพภาคที่ 2 ที่มีการพูดกันก่อนหน้านั้น เมื่อได้คุยกัน ตนจึงบอกว่า แม่ทัพภาคที่ 2 พูดกันแบบนี้ ในเมื่อเราทั้งไทยและกัมพูชาเป็นฝั่งตรงข้ามกันอยู่แล้ว ในตอนนั้นก็ต้องพูดแบบนี้ อย่าไปคิดเลย ซึ่งเป็นสิ่งที่พยายามจะทำความเข้าใจ เพราะทางฝั่งสมเด็จฮุน เซน โกรธเรื่องนี้ และเป็นเทคนิคในการพูดหลังไมค์หลังบ้านแบบส่วนตัว ซึ่งการคุยโทรศัพท์ก็ไม่ควรเอามาเปิดเผย เพราะเป็นเทคนิคในการเจรจาพูดคุยต่อรอง ส่วนตัวคิดว่า ตนทำเพราะมีจุดมุ่งหมายและมีประเด็นที่จะรักษาไว้ซึ่งความสงบสุขของบ้านเมืองและรักษาอธิปไตยของไทยไว้ ให้ผลประโยชน์อยู่กับประเทศชาติและประชาชน ตนก็คุยด้วยความซอฟต์และความนุ่มนวล เพราะบางทีเวลาคุยกันส่วนตัวก็เรียกกันลุงหลาน […]

ทบ.ติดแฮชแท็กเซฟ มทภ.2

กทม. 18 มิ.ย.- ทบ.ติดแฮชแท็กเซฟ มทภ.2 ส่วนหน้าสโมสรกองทัพบก ถ.วิภาวดีรังสิต ขึ้นข้อความให้กำลังใจผ่านจอแอลอีดี ขณะที่เพจโซเชียลกองทัพ แห่โพสต์ข้อความ #ศักดิ์ศรีของทหาร 18 มิ.ย.68 ภายหลังจากที่มีคลิปเสียงการพูดคุยระหว่าง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภาและอดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา หลุดออกมา และมีการพูดถึง พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ว่าอยู่ฝั่งตรงข้าม ล่าสุดเพจเฟซบุ๊กของหน่วยทหารต่างๆ อาทิ กรมกิจการพลเรือนทหารบก ได้โพสต์ข้อความว่า พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เรื่อง #ศักดิ์ศรีของทหาร 1. ทหาร คือ ผู้ที่ได้รับเกียรติอย่างสูงจากประชาชนทั้งชาติ ให้เป็นสุภาพบุรุษ ถืออาวุธเพื่อป้องกันประเทศ 2. ทหาร เป็นผู้เสียสละประโยชน์สุขส่วนตัว เพื่อความผาสุกของประชาชนและความอยู่รอดของชาติ 3. ทหาร คือ ผู้ที่รักและบูชาเกียรติยศมากกว่าเงิน นอกจากนี้ เพจ Smart Soldiers Strong […]

“อนุทิน” บอก “จบแล้วครับนาย” ขออย่าปรามาส จะเป็นฝ่ายค้านให้ดู

กทม. 18 มิ.ย.-“อนุทิน” สั่ง จนท.ขนของออกจากกระทรวง บอก “จบแล้วครับนาย” ไม่ต้องคุยนายกฯ หลัง “หมอมิ้ง” ยื่นไพ่ใบสุดท้าย ขออย่าปรามาส จะเป็นฝ่ายค้านให้ดู เตรียมซ้อมกับ “ไอซ์ รักชนก” เวลา 13.35 น. วันที่ 18 มิ.ย.68 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์หลังนายกฯ ระบุว่ายังไม่แจ้งเงื่อนไขการปรับ ครม. ว่า ตนยังไม่ได้ยิน ซึ่งเมื่อวานนี้ได้คุยกับ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกฯ ซึ่งเราก็บอกท่าทีเราไปแล้ว เมื่อถามว่า การขนของออกจากห้องทำงาน ถือเป็นการปิดประตูเจรจาหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ได้คุยกับ นพ.พรหมินทร์ ชัดเจนแล้วว่า เราคงไม่ได้เปลี่ยนอะไร และ นพ.พรหมินทร์ ได้ย้ำเงื่อนไขของพรรคเพื่อไทยว่าเป็นแบบนี้ เมื่อถามต่อว่า ต้องคุยกับนายกฯ อีกครั้งหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ตนยังไม่ได้คุยกับนายกฯ และเมื่อวาน […]

“ฮุน เซน” ปล่อยแล้ว คลิปเสียงฉบับเต็ม 17 นาที

กัมพูชา 18 มิ.ย. – “ฮุน เซน” ปล่อยแล้ว คลิปเสียงคุย “แพทองธาร” ฉบับเต็ม 17 นาที เผยบันทึกเสียงสนทนาเพื่อความโปร่งใส ส่งต่อให้บุคคลอื่นราว 80 คน เว็บไซต์ขแมร์ ไทม์ส รายงานว่า “นายฮุน เซน” ประธานวุฒิสภากัมพูชาเปิดเผยผ่านสื่อโซเชียล มีเนื้อหาระบุว่า “เมื่อเย็นวันที่ 15 มิถุนายน ผมได้สนทนาทางโทรศัพท์กับนายกรัฐมนตรีของไทยเป็นเวลา 17 นาที 6 วินาที โดยมีนายเคลียง ฮวต รองผู้ว่าราชการกรุงพนมเปญ ทำหน้าที่ล่ามแปลภาษา ซึ่งตามปกติแล้วเพื่อหลีกเลี่ยงการเข้าใจที่คลาดเคลื่อนหรือตีความหมายผิดในเรื่องที่เป็นทางการ จึงจำเป็นต้องทำการบันทึกเสียงสนทนาเพื่อความโปร่งใส รวมถึงเพื่อวัตถุประสงค์ภายในของกัมพูชาด้วย และจากนั้นเป็นต้นมา ตนเอง ก็ได้แชร์เทปเสียงสนทนานี้ให้กับบุคคลอื่นๆ ราว 80 คน ที่รวมถึงสมาชิกคณะกรรมการถาวรของพรรค คณะทำงานวุฒิสภา หน่วยงานเฉพาะกิจด้านการต่างประเทศ หน่วยงานด้านการศึกษาและการเข้าถึงกลุ่มกิจการชายแดน และสมาชิกกองกำลังติดอาวุธ ซึ่งในจำนวนคนเหล่านี้อาจมีความเป็นไปได้ที่จะมีบางคนที่ไม่พอใจนายกรัฐมนตรีของไทย ฮุน เซนโพสต์ต่อว่า “แต่หลังจากการสนทนาผ่านไปเพียงไม่กี่ชั่วโมง ผู้นำไทยกลับออกมากล่าวหาผู้นำกัมพูชาอย่างเปิดเผยว่าทำงานการเมืองอย่างไม่เป็นมืออาชีพ และขับเคลื่อนประเด็นทางการเมืองผ่านทางเฟซบุ๊ก […]

ข่าวแนะนำ

มทภ.4 กำชับเร่งสืบจับมือวางระเบิดงานกาชาดปัตตานี

ปัตตานี 20 มิ.ย. – แม่ทัพภาค 4 ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าเหตุลอบวางระเบิดงานกาชาดปัตตานี กำชับเร่งสืบจับผู้ก่อเหตุ เพิ่มความเข้มงวดรักษาความปลอดภัย ป้องกันเกิดเหตุซ้ำ ขณะที่บรรยากาศภายในงานกาชาดฯ หลายร้านตัดสินใจไม่ขายต่อ พล.ท.ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 พร้อมคณะ เข้าตรวจสอบความเสียหาย รวมถึงติดตามความคืบหน้าเหตุลอบวางระเบิดงานกาชาดปัตตานี พร้อมกำชับตำรวจและฝ่ายปกครอง เพิ่มความเข้มงวดในการรักษาความปลอดภัย ป้องกันเกิดเหตุซ้ำ และปรับแผนให้รัดกุมยิ่งขึ้น ขณะที่บรรยากาศภายในงานกาชาดปัตตานี หลังเกิดเหตุระเบิด 3 ลูก เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (20 มิ.ย.68) พบว่า เจ้าของร้านต่างเร่งซ่อมแซมส่วนที่เสียหายให้กลับมาเปิดขายได้อีกครั้ง และพบว่าหลายร้านตัดสินใจไม่ขายต่อ หนึ่งในนั้นคือ ร้านขายไก่ทอด ไก่ย่าง ซึ่งได้รับบาดเจ็บจากเหตุดังกล่าว ตัดสินใจเดินทางกลับ จ.ตรัง โดยบอกว่า ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ ตั้งแต่ขายมา ไม่ว่าจะที่ จ.ยะลา หรือนราธิวาส จึงรู้สึกกลัว แม้อยากทำมาหาเลี้ยงชีพ แต่รักชีวิตมากกว่า. – สำนักข่าวไทย

เขมรป่วน! นำมวลชน-พระสงฆ์ บุกปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 20 มิ.ย. – กัมพูชาป่วนไม่เลิก ล่าสุดนำมวลชน-พระสงฆ์ บุกปราสาทตาเมือนธม จ.สุรินทร์ ไล่นักท่องเที่ยวชาวไทยกลับ ทหารและฝ่ายปกครองต้องเตือนให้หยุด และให้กลับลงไปทันที นี่เป็นภาพขณะเจ้าหน้าที่ทหารและฝ่ายปกครองของไทย เข้าชี้แจงชาวกัมพูชาและพระสงฆ์กัมพูชา ประมาณ 15 รูป ซึ่งตอนแรกทำทีเป็นนักท่องเที่ยวมาเที่ยวชมปราสาทตาเมือนธม อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ในเวลาประมาณ 10.00 น. วานนี้ (19 มิ.ย.68) แต่ต่อมากลับพากันมายืนที่จุดจีพีเอส ขวางประตูทางเข้าตัวปราสาทตาเมือนธม และพูดกับคนไทยที่มาเที่ยวชมปราสาท ในลักษณะจะไม่ให้เข้า และข้ามหลักจีพีเอสไป ทั้งที่บริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่ของไทยทั้งหมด ขณะนั้นเจ้าหน้าที่ทหารและฝ่ายปกครอง อ.พนมดงรัก ที่ปฏิบัติการที่ปราสาทตาเมือนธม เห็นเข้า จึงรีบเข้าไปแจ้งเตือนและให้หยุดการกระทำดังกล่าวทันที โดยมีทหารฝ่ายกัมพูชาเข้ามาร่วมชี้แจงด้วย ก่อนจะพาชายคนดังกล่าวพร้อมคณะกลับลงไปฝั่งกัมพูชาทันที ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางกัมพูชาใช้ฐานปฏิบัติการทหารที่อยู่ตรงข้ามกับปราสาทตาเมือนธม เป็นจุดรวมผู้คนและพระสงฆ์ที่เกณฑ์มา ให้มารวมตัวกัน โดยทหารกัมพูชาที่มาอำนวยความสะดวกบริเวณปราสาทตาเมือนธม จะเป็นผู้รายงานว่า ฝั่งไทยมีความเคลื่อนไหวอย่างไร นักท่องเที่ยวชาวไทยขึ้นมาเยอะหรือไม่ จากนั้นก็จะแจ้งให้ทางกัมพูชาทราบและจัดคนขึ้นมาที่ตัวปราสาท แล้วก็มาป่วน พยายามสร้างกระแสยั่วยุฝั่งไทยอย่างต่อเนื่อง ทบ.แจงเหตุมวลชนเขมรบุกร้องเพลงบนปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ การยั่วยุลักษณะนี้เกิดขึ้นต่อเนื่อง โดยก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 18 มิถุนายนที่ผ่านมา […]

ไมค์โขกหัวนายกฯ

นายกฯ โพสต์แจง “ไมค์โขกศีรษะ” นักข่าวไม่ได้ตั้งใจ

กรุงเทพฯ 20 มิ.ย.- นายกฯ อิ๊งค์ แจงไมค์โขกศีรษะ นักข่าวไม่ได้ตั้งใจ บอกหน้างานเบียดกันมาก โดนไม่แรง พร้อมขอบคุณทุกกำลังใจ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีโพสต์ข้อความผ่านสตอรี่ไอจี กรณีมีไมค์ของสถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่งโดนศรีษะของนายกรัฐมนตรี ระหว่างลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี และนายกรัฐมนตรีได้อุทาน ซึ่งนายกรัฐมนตรีชี้แจงว่า วันนี้ที่มีข่าวเรื่องไมโครโฟนโขกศีรษะ

รองเลขาธิการนายกฯ แจ้งความดำเนินคดี “ฮุนเซน”

กทม. 20 มิ.ย.-“สมคิด” รองเลขาธิการนายกฯ เข้าแจ้งความตำรวจไซเบอร์ ดำเนินคดี “ฮุนเซน” กรณีคลิปเสียงหลุด ยันไม่ได้แก้เกี้ยวให้ “แพทองธาร” ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือตำรวจไซเบอร์ นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับสมเด็จฮุนเซน กรณีคลิปเสียงพูดคุยกับนายกรัฐมนตรี ความยาว 17.6 วินาที ที่หลุดออกมาจากฝั่งเขา จนสร้างความแตกแยก จึงได้แจ้งดำเนินคดีในข้อหาเกี่ยวกับภัยความมั่นคง ยืนยันไม่ได้เป็นการแก้เกี้ยวให้กับนายกฯ และไม่ได้เรียนให้นายกฯ ทราบว่าจะมาแจ้งความ พลตำรวจโทไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจไซเบอร์ ยืนยันไม่ว่าการกระทำดังกล่าวจะเกิดขึ้นในหรือนอกราชอาณาจักร เป็นคนไทยหรือต่างชาติ หากทำลายความมั่นคง ก็สามารถดำเนินคดีตามกฎหมายไทยได้ โดยตำรวจจะรวบรวมพยานหลักฐาน สืบค้นแหล่งที่มาของต้นโพสต์ หารือกับอัยการสูงสุดและประสานสถานทูตประเทศนั้น เพื่อให้ส่งเอกสารไปยังประเทศปลายทางของผู้ที่ถูกออกหมายจับ ส่วนจะได้ตัวหรือไม่ ไม่อยากให้คาดการณ์.-สำนักข่าวไทย