กรุงเทพฯ 19 มิ.ย. – ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทยเชื่อต่างชาติขายหุ้นไทยน้อยลง หากคลายกังวลสงครามการค้าและเฟดขึ้นดอกเบี้ย ชี้ปีนี้ต่างชาติถล่มขายหุ้นไทย 165,000 ล้านบาท
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย โพสเฟสบุ๊คชี้แจงเหตุที่นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยต่อเนื่อง ทั้งที่ภาวะเศรษฐกิจไทยเริ่มดูดีขึ้นและผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนยังมีแนวโน้มเติบโต ว่า มาจากความกังวลแนวโน้มธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ขึ้นดอกเบี้ยและสงครามการค้าสหรัฐ-จีน ทำให้นักลงทุนต่างชาติลดน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นเกิดใหม่ทั้งหมด ไม่ได้เป็นการขายเพราะปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับประเทศไทย
นอกจากนี้ ระยะหลังมีการออกกองทุนประเภท ETF หรือ Index Funds ที่อิงดัชนีการลงทุนในตลาดเกิดใหม่จำนวนมาก ทำให้เวลาลดน้ำหนักการลงทุนจะเกิดแรงเทขายค่อนข้างรุนแรงและรวดเร็ว เพราะกองทุนประเภทนี้สามารถขายปรับพอร์ตได้ทันที โดยไม่ต้องคำนึงถึงราคาหุ้น
ทั้งนี้ นับจากต้นปีต่างชาติขายหุ้นไทยสุทธิไปแล้ว 165,000 ล้านบาท คิดเป็นเกือบร้อยละ 4 ของมูลค่าหุ้นทั้งหมดที่ถือโดยต่างชาติ หากนับจากปี 2556 หลังเกิดวิกฤติเศรษฐกิจโลกมีเงินต่างชาติไหลออกจากหุ้นไทยขายสุทธิสูงถึงกว่า 498,000 ล้านบาทไปแล้ว ซึ่งหมายความว่าเม็ดเงินที่ไหลเข้ามาในไทยตั้งแต่ช่วงก่อนเกิดวิกฤติเศรษฐกิจโลกไหลออกไปหมดแล้ว และบางส่วนยังเป็นหุ้นที่สะสมมาในอดีตอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าหลังจากนี้นักลงทุนต่างชาติจะชะลอการขายหุ้นไทยลง เพราะสัดส่วนการถือครองหุ้นของนักลงทุนสถาบันต่างชาติล่าสุดอยู่ที่ร้อยละ 26.7 ของมาร์เก็ตแคปตลาดหุ้นไทย ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดในรอบ 14 ปี และต่ำกว่าระดับสูงสุดร้อยละ 31.7 เมื่อปี 2555 ค่อนข้างมาก น่าจะพอตอบได้ว่าแรงขายจากต่างชาติไม่น่าจะมีสูงมากนับจากนี้
และจากข้อมูลล่าสุดหุ้น 12 ตัวแรกที่นักลงทุนสถาบันต่างประเทศถือ (KBANK, PTT, CPALL, IVL, ADVANC, BBL, SCB, AOT, SCC, PTTGC, PTTEP, CPN) ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 51 ของมูลค่าหุ้นทั้งหมดที่ต่างชาติถือส่วนใหญ่เป็นหุ้นพื้นฐานดีและราคาหุ้นได้มี correction ไปแล้ว ซึ่งน่าจะพอสรุปได้เช่นกันว่าต่างชาติน่าจะเริ่มชะลอการขายหุ้นออกมา ดังนั้น เชื่อว่าเมื่อนักลงทุนต่างประเทศเริ่มคลายกังวลเรื่องผลกระทบจากการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดและสงครามการค้า และเริ่มแยกแยะประเทศในตลาดเกิดใหม่ที่แข็งแรงออกจากกลุ่มประเทศที่อ่อนแอ เงินต่างชาติน่าจะไหลกลับเข้าตลาดหุ้นไทยด้วยพื้นฐานที่เข้มแข็งของเศรษฐกิจไทย รวมทั้งแนวโน้มตลาดหุ้นที่ยังเป็นขาขึ้น. – สำนักข่าวไทย