นนทบุรี 11 มิ.ย. – พาณิชย์นำข้าวเสื่อม 2 ล้านตันออกมาประมูลหมดสตอก เอกชนสนใจยื่นซองตรวจคุณสมบัติ 41 ราย
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกรมการค้าต่างประเทศ หลังจากกรมการค้าต่างประเทศได้เปิดชี้แจงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการออกประกาศประมูล (TOR) การจำหน่ายข้าวสารในสตอกของรัฐเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคน ครั้งที่ 1 ของกลุ่ม 2 และกลุ่ม 3 ของปี 2561 แยกเป็นในปริมาณ 1.49 ล้านตัน และการจำหน่ายข้าวสารในสตอกของรัฐเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคนและสัตว์ ครั้งที่ 1 ของปี 2561 ปริมาณ 540,000 ตัน ให้แก่ภาคเอกชนที่สนใจเมื่อวันที่ 5 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยเฉพาะด้านคุณสมบัติส่วนใหญ่ยังคงเดิมต้องเป็นนิติบุคคล ที่ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานอุตสาหกรรมตามกฎหมายว่าด้วยโรงงานที่ไม่ใช่เพื่อการบริโภคของคน และต้องแจ้งวัตถุประสงค์ และประเภทของอุตสาหกรรมที่จะนำข้าวสารไปใช้ให้ชัดเจน เพราะต้องรับรองว่าจะไม่นำข้าวสารเข้าสู่ระบบการตลาดและการค้าข้าวปกติในทุกรูปแบบ
อย่างไรก็ตาม ในช่วงเช้าวันนี้ (11 มิ.ย.) กรมการค้าต่างประเทศเปิดให้ยื่นซองเอกสารเพื่อตรวจสอบคุณสมบัติเข้าร่วมประมูลข้าวทั้ง 2 กลุ่ม ตั้งแต่เวลา. 09.00-12.00 น จะเปิดให้ผู้สนใจยื่นก่อนในข้าวกลุ่ม 2 ซึ่งมีเอกชนสนใจยื่นซองตรวจสอบคุณสมบัติในกลุ่มนี้ 26 ราย และในช่วงบ่ายวันเดียวกันจะให้ผู้ที่สนใจยื่นซองตรวจสอบคุณสมบัติข้าวในกลุ่ม 3 อีก 15 ราย รวมทั้งสิ้น 41 ราย พร้อมกันนี้กรมฯ จะประกาศรายชื่อผู้ผ่านคุณสมบัติกลุ่มข้าวเพื่อเข้าอุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคน และให้ยื่นซองเสนอราคาวันที่ 14 มิถุนายน และจะทำเปิดซองทันทีวันเดียวกัน ส่วนข้าวเพื่อเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคน และสัตว์จะให้ยื่นซองเสนอราคาวันที่ 15 มิถุนายน และเปิดซองวันเดียวกันเช่นกัน
ทั้งนี้ นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เชื่อว่า การประมูลข้าวทั้ง 2 กลุ่มนี้จะได้รับความสนใจจากภาคเอกชน เพราะจะนำไปใช้เป็นพืชพลังงานและพืชอาหารสัตว์ ราคาในตลาดสูงขึ้น แต่จะให้หน่วยงานที่ส่งมอบข้าวทั้งองค์การคลังสินค้า (อคส.) และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.)กำกับดูแลให้ผู้ซื้อ ใช้ข้าวตามวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้อย่างเคร่งครัด เพื่อไม่ให้รั่วไหลกลับสู่ระบบปกติ ดังนั้น หากสามารถระบายข้าวในสตอกได้ทั้งหมดของการประมูลครั้งนี้จะไม่มีข้าวเก่าในสตอกอีกต่อไป น่าจะส่งผลดีต่อกลไกการค้าข้าวและภาครัฐไม่ต้องแบกรับภาระการจัดเก็บอีกต่อไป.-สำนักข่าวไทย