ตึกชินวัตร3 26 ส.ค.-“ภูมิธรรม” ยันเป็นอำนาจนายกฯ เลือกคนนั่งเก้าอี้รัฐมนตรี ชี้จะเป็นคนนอกหรือคนในได้หมด ย้ำตั้ง ครม.ช้า เพราะต้องตรวจคุณสมบัติเข้ม รับส่งรายชื่อเกินโควตา เหตุหากมีคนไม่ผ่านไม่ต้องเสียเวลาตรวจซ้ำ
เมื่อเวลา 19.00 น. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ภายหลังการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ถึงกรณีที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ทำหนังสือทวงเอกสารกรอกคุณสมบัติรัฐมนตรีของ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ว่า เรื่องนี้ไม่ทราบ ซึ่งตนได้พูดไปแล้วตั้งแต่แรกว่า ให้แต่ละพรรคที่จะร่วมรัฐบาล เสนอชื่อผ่านเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ซึ่งขณะนั้นเลขาธิการนายกฯ พ้นสภาพแล้ว ไม่ได้มีสถานะ ดังนั้น ให้เชื่อมกับเลขาธิการคณะรัฐมนตรี และเลขากฤษฎีกา และขณะนี้กระบวนการกำลังดำเนินการอยู่
ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่ไม่ได้เอกสาร เป็นการไม่ได้เป็นรัฐมนตรีไปโดยปริยายเลยหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวปฏิเสธว่า ตนไม่ทราบ เขาจะส่งหรือไม่ส่ง ต้องไปดูต้นตอ แต่ขณะนี้อยู่ในกระบวนการตรวจสอบ ซึ่งเราไม่ได้ไปก้าวล่วง
เมื่อถามว่า พรรคพลังประชารัฐยืนยันว่าได้ส่งชื่อ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ มาแล้ว นายภูมิธรรม กล่าวว่า หากส่งมาแล้วก็อยู่ในกระบวนการ แต่เราไม่อาจจะทราบได้
ส่วนการที่มีคนเดียวไม่ได้รับเอกสารกรอกคุณสมบัติ ตกหล่นในขั้นตอนไหน นายภูมิธรรม กล่าวว่า คนไหนจะได้รับเอกสาร หรือไม่ได้รับ ถ้าให้เราตอบเราคงไม่รู้ แต่ยืนยันว่าเราได้ทำตามกระบวนการ และมีการพูดคุยกันแล้ว และคิดว่าพรรคไหนที่จะมาร่วมรัฐบาล ก็ให้เสนอชื่อตามกระบวนการ ส่วนกระบวนการเขียนประวัติตรงนั้นตนไม่ทราบ ในฐานะตนได้ประกาศเชิญ แต่ก็ไม่ได้ลงไปเก็บเกี่ยวเรื่องนี้เอง และการดำเนินการหลังจากที่มีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ จึงเป็นสิ่งที่จะต้องทำให้ละเอียดรอบคอบ ซึ่งความจริง 3 วันเสร็จ แต่ตอนนี้ต้องใช้เวลาเป็นอาทิตย์ที่ทำให้ยืดออกไป ซึ่งขณะนี้ฝ่ายคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องกำลังอยู่ระหว่างดำเนินการ และสิ่งที่ว่ากันนี้ สื่อไปเปิดเผยกันเอง จะใช่หรือไม่ เราไม่มีใครรู้ ดังนั้นเราไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าใครเป็นใคร แม้มันจะอยู่ในมือเราแล้ว และยังต้องรอการโปรดเกล้าฯ ซึ่งเป็นเรื่องไม่สมควรที่จะมาพูดว่ามีใคร ไม่มีใคร แม้กระทั่งตนเองก็ยังไม่รู้เลย และนายชูศักดิ์ ศิรินิล ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็ยังไม่รู้
เมื่อถามว่า ในฐานะผู้จัดการรัฐบาล พรรคพลังประชารัฐ มีมติส่งมา 4 ชื่อ แต่ยังมีอีกกลุ่มที่ส่งชื่อแตกต่างเข้ามา เราจะเลือกใช้ชื่อไหนอย่างไร นายภูมิธรรม กล่าวว่า กระบวนการในการคัดเลือก ครม. จนกระทั่ง นำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ เป็นอำนาจของทางนายกรัฐมนตรี เพราะจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบเวลาเกิดปัญหา เหมือนกับที่ผ่านมาบางคนมีปัญหาอย่างที่เคยเกิด ฉะนั้น อันนี้เป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรี เราไม่รู้ว่านายกรัฐมนตรี จะหยิบตรงไหน พรรคที่เสนอชื่อมาแล้ว จะไม่หยิบก็ได้ หรือจะหยิบคนนอกมาก็ได้ที่คิดว่าประกอบกันแล้วเหมาะสม นายกฯ จะเป็นผู้ตัดสินใจ ไม่ว่าจะเอาคนใน คนนอก ทำได้ทั้งนั้น
ส่วนหากเราไม่หยิบชื่อตามที่พรรคเสนอมา นายภูมิธรรม ระบุว่า ถ้าไม่พอใจ ตนก็ไม่ทราบเพราะนี่เป็นเรื่องของนายกฯ ที่จะตั้ง ครม. แบบไหน
เมื่อถามว่า ถึงเวลานี้ในฐานะเป็นผู้จัดการรัฐบาล บอกได้หรือยังว่าพรรคที่มาร่วมรัฐบาลมีกี่พรรค และมีพรรคใหม่มาเพิ่มหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวยืนยันว่า ต้องรอนายกรัฐมนตรีได้รายชื่อที่มาจาก คณะกรรมการกฤษฎีกา และเลขาธิการคณะรัฐมนตรี นำมาพิจารณา และนายกรัฐมนตรีจะตัดสินใจ จึงจะบอกได้ว่าใคร และพรรคไหนบ้างที่ได้เลือก
ส่วนในฐานะเป็นพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล หากพรรคเดิมหรือพรรคใหม่ ที่เข้ามามีปัญหาไม่มีความเป็นเอกภาพ ร่วมรัฐบาลแบบครึ่งๆ เสี้ยว ๆ จะสุ่มเสี่ยงเสถียรภาพของรัฐบาลในวันข้างหน้าหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ขณะนี้ที่มีปัญหา ก็ยังไม่ชัดเจนว่าหมายถึงใครบ้าง แต่คิดว่าหลักการ ก็คือหลักการ นายกรัฐมนตรีสามารถรวมรวบเสียงสนับสนุน และยกมือให้ แต่ไม่ได้หมายความว่าเสียงที่ยกมือสนับสนุนจะต้องมาเป็นรัฐบาล จะต้องมีโควตา อย่างเช่น พรรคไทยสร้างไทย ยกมือโหวตมา 6 คน จะมาบอกว่าจะได้รัฐมนตรีช่วย 1 คน อันนี้ไม่เกี่ยว ฉะนั้น จะยกมือหรือไม่ยกมือ ขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรีเป็นผู้พิจารณา ทั้งนี้ หากนายกรัฐมนตรีเห็นบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ ก็สามารถเชิญมาได้ โดยไม่ต้องมีเสียงในสภาเลว ก็สามารถทำได้ ฉะนั้นต้องเข้าใจกระบวนการตรงนี้ให้ถ่องแท้ ว่านายกรัฐมนตรีหลังได้รับการโปรดเกล้าฯ ท่านมีอำนาจเต็ม ในการพิจารณาว่าจะเลือกใครก็ได้ เสียงที่ยกมือให้จะเลือกหรือไม่เลือกก็ได้
เมื่อถามว่า แต่ละพรรคการเมืองจะเข้าร่วมรัฐบาลหรือส่งชื่อคนที่จะเป็นรัฐมนตรี จะต้องเป็นมติของคณะกรรมการบริหารพรรค นายภูมิธรรม กล่าวว่า เป็นเรื่องของพรรคการเมืองที่จะเสนอใคร หรือไม่เสอนใคร แต่การเลือกคนที่จะมาเป็นรัฐมนตรี เป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรี
เมื่อถามว่า การที่พรรคพลังประชารัฐทำหนังสือทวงเป็นเอกสารดังกล่าว มองอย่างไร ทำไมถึงไม่พูดคุยกันภายใน หรือเป็นเพราะ รัฐบาลไม่ต้องการเอา “วงษ์สุวรรณ” มาร่วมจริงหรือไม่ เพราะมีรายงานว่าอีกสามรายชื่อได้เอกสารหมดมีเพียง ”วงษ์สุวรรณ“ ที่ไม่ได้เอกสาร นายภูมิธรรม กล่าวว่า เป็นการคาดการณ์ ตนยังไม่เห็นรายชื่อเห็นเพียงแต่หน้าสื่อ และไม่ได้ส่งผ่านมือตน ส่งที่เลขาธิการนายกฯ ให้เป็นไปตามกระบวนการ แต่การทำหนังสือดังกล่าว ก็ถือเป็นอำนาจของพรรคการเมืองที่แสดงออกทางการเมือง ถือเป็นสิทธิ ตนไม่ก้าวล่วง
นายภูมิธรรม ยังเปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรี อยากให้กระบวนการการตั้งคณะรัฐมนตรีเสร็จเร็วที่สุด แต่สิ่งที่ช้าที่สุดคือการตรวจสอบคุณสมบัติ เพราะศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยเรื่องจริยธรรมมาถือว่ากว้าง เมื่อก่อน 3 วันก็จบ ซึ่งวันนี้ใช้เวลา 3 วันแบบเดิมไม่ได้แล้ว แต่ตอนนี้ต้องใช้คำว่าเร็วที่สุด ซึ่งคิดว่า 1 – 2 สัปดาห์จะแล้วเสร็จ และคาดว่ากลางเดือนกันยายนนี้จะได้เห็นโฉม ครม. ซึ่งตามกระบวนการควรแล้วเสร็จภายในเดือนกันยายน เพราะตอนนี้นโยบายที่จะแถลงต่อรัฐสภา ก็ได้เริ่มเดินแล้ว
นายภูมิธรรม ยังกล่าวอีกว่า สาเหตุที่ ให้พรรคร่วมรัฐบาลส่งรายชื่อบุคคลที่จะเป็นรัฐมนตรี เกินจำนวนโควตา เพราะไม่อยากเสียเวลา หากบุคคลใดไม่ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติ ก็ไม่ต้องเสียเวลา เสนอชื่อคนใหม่มาตรวจสอบประวัติอีกครั้ง เพราะจะเสียเวลาในการสอบประวัติไปอีก 2 สัปดาห์.-316.-สำนักข่าวไทย