“ภูมิธรรม” ยันเป็นอำนาจนายกฯ เลือกคนนั่งเก้าอี้รัฐมนตรี

ตึกชินวัตร3 26 ส.ค.-“ภูมิธรรม” ยันเป็นอำนาจนายกฯ เลือกคนนั่งเก้าอี้รัฐมนตรี ชี้จะเป็นคนนอกหรือคนในได้หมด ย้ำตั้ง ครม.ช้า เพราะต้องตรวจคุณสมบัติเข้ม รับส่งรายชื่อเกินโควตา เหตุหากมีคนไม่ผ่านไม่ต้องเสียเวลาตรวจซ้ำ

เมื่อเวลา 19.00 น. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ภายหลังการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ถึงกรณีที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ทำหนังสือทวงเอกสารกรอกคุณสมบัติรัฐมนตรีของ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ว่า เรื่องนี้ไม่ทราบ ซึ่งตนได้พูดไปแล้วตั้งแต่แรกว่า ให้แต่ละพรรคที่จะร่วมรัฐบาล เสนอชื่อผ่านเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ซึ่งขณะนั้นเลขาธิการนายกฯ พ้นสภาพแล้ว ไม่ได้มีสถานะ ดังนั้น ให้เชื่อมกับเลขาธิการคณะรัฐมนตรี และเลขากฤษฎีกา และขณะนี้กระบวนการกำลังดำเนินการอยู่


ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่ไม่ได้เอกสาร เป็นการไม่ได้เป็นรัฐมนตรีไปโดยปริยายเลยหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวปฏิเสธว่า ตนไม่ทราบ เขาจะส่งหรือไม่ส่ง ต้องไปดูต้นตอ แต่ขณะนี้อยู่ในกระบวนการตรวจสอบ ซึ่งเราไม่ได้ไปก้าวล่วง

เมื่อถามว่า พรรคพลังประชารัฐยืนยันว่าได้ส่งชื่อ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ มาแล้ว นายภูมิธรรม กล่าวว่า หากส่งมาแล้วก็อยู่ในกระบวนการ แต่เราไม่อาจจะทราบได้


ส่วนการที่มีคนเดียวไม่ได้รับเอกสารกรอกคุณสมบัติ ตกหล่นในขั้นตอนไหน นายภูมิธรรม กล่าวว่า คนไหนจะได้รับเอกสาร หรือไม่ได้รับ ถ้าให้เราตอบเราคงไม่รู้ แต่ยืนยันว่าเราได้ทำตามกระบวนการ และมีการพูดคุยกันแล้ว และคิดว่าพรรคไหนที่จะมาร่วมรัฐบาล ก็ให้เสนอชื่อตามกระบวนการ ส่วนกระบวนการเขียนประวัติตรงนั้นตนไม่ทราบ ในฐานะตนได้ประกาศเชิญ แต่ก็ไม่ได้ลงไปเก็บเกี่ยวเรื่องนี้เอง และการดำเนินการหลังจากที่มีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ จึงเป็นสิ่งที่จะต้องทำให้ละเอียดรอบคอบ ซึ่งความจริง 3 วันเสร็จ แต่ตอนนี้ต้องใช้เวลาเป็นอาทิตย์ที่ทำให้ยืดออกไป ซึ่งขณะนี้ฝ่ายคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องกำลังอยู่ระหว่างดำเนินการ และสิ่งที่ว่ากันนี้ สื่อไปเปิดเผยกันเอง จะใช่หรือไม่ เราไม่มีใครรู้ ดังนั้นเราไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าใครเป็นใคร แม้มันจะอยู่ในมือเราแล้ว และยังต้องรอการโปรดเกล้าฯ ซึ่งเป็นเรื่องไม่สมควรที่จะมาพูดว่ามีใคร ไม่มีใคร แม้กระทั่งตนเองก็ยังไม่รู้เลย และนายชูศักดิ์ ศิรินิล ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็ยังไม่รู้

เมื่อถามว่า ในฐานะผู้จัดการรัฐบาล พรรคพลังประชารัฐ มีมติส่งมา 4 ชื่อ แต่ยังมีอีกกลุ่มที่ส่งชื่อแตกต่างเข้ามา เราจะเลือกใช้ชื่อไหนอย่างไร นายภูมิธรรม กล่าวว่า กระบวนการในการคัดเลือก ครม. จนกระทั่ง นำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ เป็นอำนาจของทางนายกรัฐมนตรี เพราะจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบเวลาเกิดปัญหา เหมือนกับที่ผ่านมาบางคนมีปัญหาอย่างที่เคยเกิด ฉะนั้น อันนี้เป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรี เราไม่รู้ว่านายกรัฐมนตรี จะหยิบตรงไหน พรรคที่เสนอชื่อมาแล้ว จะไม่หยิบก็ได้ หรือจะหยิบคนนอกมาก็ได้ที่คิดว่าประกอบกันแล้วเหมาะสม นายกฯ จะเป็นผู้ตัดสินใจ ไม่ว่าจะเอาคนใน คนนอก ทำได้ทั้งนั้น

ส่วนหากเราไม่หยิบชื่อตามที่พรรคเสนอมา นายภูมิธรรม ระบุว่า ถ้าไม่พอใจ ตนก็ไม่ทราบเพราะนี่เป็นเรื่องของนายกฯ ที่จะตั้ง ครม. แบบไหน


เมื่อถามว่า ถึงเวลานี้ในฐานะเป็นผู้จัดการรัฐบาล บอกได้หรือยังว่าพรรคที่มาร่วมรัฐบาลมีกี่พรรค และมีพรรคใหม่มาเพิ่มหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวยืนยันว่า ต้องรอนายกรัฐมนตรีได้รายชื่อที่มาจาก คณะกรรมการกฤษฎีกา และเลขาธิการคณะรัฐมนตรี นำมาพิจารณา และนายกรัฐมนตรีจะตัดสินใจ จึงจะบอกได้ว่าใคร และพรรคไหนบ้างที่ได้เลือก

ส่วนในฐานะเป็นพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล หากพรรคเดิมหรือพรรคใหม่ ที่เข้ามามีปัญหาไม่มีความเป็นเอกภาพ ร่วมรัฐบาลแบบครึ่งๆ เสี้ยว ๆ จะสุ่มเสี่ยงเสถียรภาพของรัฐบาลในวันข้างหน้าหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ขณะนี้ที่มีปัญหา ก็ยังไม่ชัดเจนว่าหมายถึงใครบ้าง แต่คิดว่าหลักการ ก็คือหลักการ นายกรัฐมนตรีสามารถรวมรวบเสียงสนับสนุน และยกมือให้ แต่ไม่ได้หมายความว่าเสียงที่ยกมือสนับสนุนจะต้องมาเป็นรัฐบาล จะต้องมีโควตา อย่างเช่น พรรคไทยสร้างไทย ยกมือโหวตมา 6 คน จะมาบอกว่าจะได้รัฐมนตรีช่วย 1 คน อันนี้ไม่เกี่ยว ฉะนั้น จะยกมือหรือไม่ยกมือ ขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรีเป็นผู้พิจารณา ทั้งนี้ หากนายกรัฐมนตรีเห็นบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ ก็สามารถเชิญมาได้ โดยไม่ต้องมีเสียงในสภาเลว ก็สามารถทำได้ ฉะนั้นต้องเข้าใจกระบวนการตรงนี้ให้ถ่องแท้ ว่านายกรัฐมนตรีหลังได้รับการโปรดเกล้าฯ ท่านมีอำนาจเต็ม ในการพิจารณาว่าจะเลือกใครก็ได้ เสียงที่ยกมือให้จะเลือกหรือไม่เลือกก็ได้

เมื่อถามว่า แต่ละพรรคการเมืองจะเข้าร่วมรัฐบาลหรือส่งชื่อคนที่จะเป็นรัฐมนตรี จะต้องเป็นมติของคณะกรรมการบริหารพรรค นายภูมิธรรม กล่าวว่า เป็นเรื่องของพรรคการเมืองที่จะเสนอใคร หรือไม่เสอนใคร แต่การเลือกคนที่จะมาเป็นรัฐมนตรี เป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรี

เมื่อถามว่า การที่พรรคพลังประชารัฐทำหนังสือทวงเป็นเอกสารดังกล่าว มองอย่างไร ทำไมถึงไม่พูดคุยกันภายใน หรือเป็นเพราะ รัฐบาลไม่ต้องการเอา “วงษ์สุวรรณ” มาร่วมจริงหรือไม่ เพราะมีรายงานว่าอีกสามรายชื่อได้เอกสารหมดมีเพียง ”วงษ์สุวรรณ“ ที่ไม่ได้เอกสาร นายภูมิธรรม กล่าวว่า เป็นการคาดการณ์ ตนยังไม่เห็นรายชื่อเห็นเพียงแต่หน้าสื่อ และไม่ได้ส่งผ่านมือตน ส่งที่เลขาธิการนายกฯ ให้เป็นไปตามกระบวนการ แต่การทำหนังสือดังกล่าว ก็ถือเป็นอำนาจของพรรคการเมืองที่แสดงออกทางการเมือง ถือเป็นสิทธิ ตนไม่ก้าวล่วง

นายภูมิธรรม ยังเปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรี อยากให้กระบวนการการตั้งคณะรัฐมนตรีเสร็จเร็วที่สุด แต่สิ่งที่ช้าที่สุดคือการตรวจสอบคุณสมบัติ เพราะศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยเรื่องจริยธรรมมาถือว่ากว้าง เมื่อก่อน 3 วันก็จบ ซึ่งวันนี้ใช้เวลา 3 วันแบบเดิมไม่ได้แล้ว แต่ตอนนี้ต้องใช้คำว่าเร็วที่สุด ซึ่งคิดว่า 1 – 2 สัปดาห์จะแล้วเสร็จ และคาดว่ากลางเดือนกันยายนนี้จะได้เห็นโฉม ครม. ซึ่งตามกระบวนการควรแล้วเสร็จภายในเดือนกันยายน เพราะตอนนี้นโยบายที่จะแถลงต่อรัฐสภา ก็ได้เริ่มเดินแล้ว

นายภูมิ​ธรรม ยังกล่าวอีกว่า สาเหตุที่ ให้พรรคร่วมรัฐบาลส่งรายชื่อบุคคลที่จะเป็นรัฐมนตรี เกินจำนวนโควตา เพราะไม่อยากเสียเวลา หากบุคคลใดไม่ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติ ก็ไม่ต้องเสียเวลา เสนอชื่อคนใหม่มาตรวจสอบประวัติอีกครั้ง เพราะจะเสียเวลาในการสอบประวัติไปอีก 2 สัปดาห์.-316.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทบ.ยัน ‘มทภ.2’ ไม่ได้กล่าวรุกล้ำอธิปไตยปมปราสาทตาควาย

11 ส.ค.- โฆษกกองทัพบกโต้กัมพูชา ยันแม่ทัพภาค 2 ไม่ได้กล่าวรุกล้ำอธิปไตยปมปราสาทตาควาย ย้ำไทยไม่มีความพยายาม “ยั่วยุ-วางแผน” ใช้กำลังทางทหารตามที่เขมรกล่าวอ้าง พลตรี​ วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้ชี้แจงกรณีกระทรวงกลาโหมกัมพูชาแถลงการณ์ถึงคำสัมภาษณ์ พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เรื่องของปราสาทตาควาย ว่า “ยืนยันว่าเนื้อหาที่แม่ทัพภาคที่ 2 พูด ไม่ได้มีความหมายในแบบที่โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชาได้แถลงไป โดยเฉพาะท่านไม่พูดเรื่องการเคลื่อนย้ายกำลัง เพื่อรุกล้ำอธิปไตยกัมพูชา สิ่งที่ท่านได้กล่าวในวันนั้นคือ ปราสาทตาควายอยู่ภายใต้อธิปไตยของไทย ในช่วงที่มีการปะทะที่ผ่านมาพยายามเข้าไปยึดด้วยการวางกำลัง แต่ยังไม่สำเร็จ จึงได้ทำการวางกำลังบริเวณด้านนอก ห่างจากตัวปราสาท 30 เมตร แต่ในอนาคตจะต้องพยายามนำกลับมาภายใต้การควบคุมของไทยให้ได้ ตามขั้นตอนที่เหมาะสม พร้อมกล่าวว่าเตรียมนำเรื่องต่างๆ ไปพูดคุยเจรจาในวงเจรจาในกรอบการประชุม RBC ที่จะเกิดขึ้นใน 2 สัปดาห์ และย้ำถึงจุดยืนว่าไทยจะไม่ถอยจากแนวการวางกำลังเดิม ขอยืนยันว่า แม่ทัพภาคที่ 2 ไม่ได้พูดถึงเรื่องการใช้กำลังทางทหาร ไปดำเนินการอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นที่กล่าวไปในข้างต้น จึงไม่ใช่ความพยายามที่มีการยั่วยุและมีการวางแผนใช้กำลังทางทหารต่อกรณีปราสาทตาควายอย่างที่กัมพูชากล่าวอ้างแต่อย่างใด” -สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเล็ก​” ยันรับฟังข้อเรียกร้องต่ออายุราชการ “มทภ.2” ยึดรอบคอบ

11 ส.ค.- “พล.อ.ณัฐพล​” ยันรับฟังข้อเรียกร้องต่ออายุราชการ “แม่ทัพภาค 2” แต่ต้องพิจารณารอบคอบ เพื่อไม่ให้กระทบขวัญกำลังใจผู้ปฏิบัติงานระดับรอง ที่จะมีโอกาสเติบโตก้าวหน้า พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกระแสข่าวเรียกร้องให้มีการต่ออายุราชการทหาร ของ พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2  โดยยืนยันว่า รับฟังกระแสเรียกร้องดังกล่าว ที่มีมาจากคนไทยที่รักประเทศ และห่วงใยในสถานการณ์ หลังการสู้รบระหว่างไทย-กัมพูชาเพิ่งผ่านไป ซึ่งในฐานะผู้บังคับบัญชา ยืนยันว่ารับฟังข้อเรียกร้องดังกล่าว อย่างไรก็ตามเรี่องนี้ ยืนยันว่าจะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ สิ่งสำคัญ ต้องพิจารณาภาพรวมขวัญและกำลังใจของผู้ปฏิบัติงานระดับรอง ที่จะมีโอกาสก้าวหน้าเติบโตต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาสถานการร์การสู้รบ ทั้งแม่ทัพภาค 2 เอง และผู้บังคับบัญชาระดับรอง ต่างก็ทำภารกิจอย่างเต็มกำลัง และมีความสามารถทั้งหมด นักวิชาการไม่เห็นด้วยปมต่ออายุราชการ “แม่ทัพภาค 2” ผศ. ดร.วันวิชิต บุญโปร่ง อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต  ได้โพสท์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุถึงประเด็นดังกล่าวว่า เรื่องการขอเสนอการต่ออายุราชการ พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ออกไปนั้น ตนไม่เห็นด้วย ขอให้วางใจวางสติให้ดี ว่าเราต้องไม่ตกหลุมกับดักของคนภายในและภายนอก […]

ทบ.ยันคุมตัว 18 ทหารเขมร ยึดหลักกฎหมายสากล

11 ส.ค.- โฆษกกองทัพบก แถลงโต้กัมพูชาอาจไม่เข้าใจหลักปฏิบัติสากล ยืนยันควบคุมตัวทหารกัมพูชา 18 นาย เป็นไปตามหลักกฎหมายสากล พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ชี้แจงกรณีกัมพูชายื่นข้อเรียกร้องต่อทางการไทย เพื่อให้ส่งตัวทหารที่ถูกควบคุมตัวไว้กลับประเทศ ขอเรียนว่าฝ่ายกัมพูชาอาจไม่เข้าใจหลักปฏิบัติในระบบของสากล ยืนยันการปฏิบัติของฝ่ายไทยเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย ตามหลักกฎหมายและหลักมนุษยธรรมสากล ซึ่งเชื่อว่าประเทศพันธมิตรและองค์กรระหว่างประเทศต่าง ๆ มีความเข้าใจ และไม่ได้มีความกังวลใดๆ อย่างที่กัมพูชากล่าวอ้าง โดยเฉพาะการที่ฝ่ายไทยได้เปิดโอกาสให้องค์กรสากลที่เกี่ยวข้องสามารถประสานขอเข้าเยื่ยมชมได้ตลอดตั้งแต่วันแรกๆ ที่ฝ่ายไทยได้มีการควบคุมตัว   อย่างเช่นเมื่อ 5 ส.ค. ที่ผ่านมา ได้มีคณะผู้แทนจาก ICRC ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ด้านการคุ้มครอง ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ เจ้าหน้าที่โครงการของ ICRC และล่าม รวม 4 คน เพิ่งมาเยื่ยมชมไป จึงขอยืนยันว่าการควบคุมทหารกัมพูชาทั้ง 18 คนนั้น เป็นไปตามหลักกฎหมายสากล ที่อยู่ภายใต้ความคุ้มครองตามกฎหมายระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอนุสัญญาเจนีวา ไม่ใช่การควบคุมตัวอย่างผิดกฎหมายตามที่ กระทรวงกลาโหมกัมพูชาได้กล่าวอ้าง ทั้งนี้การถูกควบคุมตัวดังกล่าว จำเป็นต้องคงไว้ จนกว่าสถานะการณ์การหยุดยิงหรือสถานการณ์การสู้รบ จะมีความสมบูรณ์เป็นรูปธรรมที่ชัดเจนแล้วเป็นหลัก ทั้งนี้เพื่อผู้ที่ถูกควบคุมตัวทั้งหมด จะไม่หวนกลับมาทำการสู้รบกับฝ่ายไทยอีก ซึ่งเป็นไปตามแนวทางหลักสากล และเชื่อว่าด้วยสถานการณ์ในปัจจุบัน ฝ่ายกัมพูชายังมีเรื่องสำคัญอื่น ที่ควรให้ความสำคัญอย่างมากด้วยเช่นกัน […]

ทหารกล้าเล่านาทีระทึก รอดตายจากระเบิดชายแดน

11 ส.ค.- ทหารกล้า เล่าเหตุการณ์ ลูกระเบิดจากฝั่งกัมพูชา ร่วงใส่จุดที่กำลังพลอยู่พอดี จนได้รับบาดเจ็บ ทีมข่าวลงพื้นที่อำเภอลานสัก จ.อุทัยธานี บ้านของ สิบโทปรีชา เสือบัว อายุ 24 ปี หัวหน้าชุดหมู่ปืนเล็กหมวดปืนเล็ก กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 4 ค่ายจิรประวัติ จังหวัดนครสวรรค์ เล่านาทีรอดชีวิตจากเหตุระเบิดที่ภูมะเขือ จังหวัดศรีสะเกษ เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ขณะประจำการอยู่ในบังเกอร์ ได้ยินเสียงปืนครกจากฝั่งกัมพูชา จึงรีบถอยตัวออกครึ่งหนึ่งเพื่อให้ลูกน้องหลบเข้าไปด้านในบังเกอร์  แต่จังหวะนั้นกระสุนระเบิดตกใส่ทันทีจนร่างกระเด็นและหมดสติ เหตุระเบิดทำให้สิบโทปรีชา ได้รับบาดเจ็บที่ดวงตาซ้าย ขณะปฏิบัติหน้าที่พร้อมเพื่อนทหารอีก 3 นาย สิบโทปรีชา ยังบอกอีกว่า “หากต้องบาดเจ็บอวัยวะส่วนไหน ก็ยอม แต่จะไม่ยอมเสียชาติ” พร้อมเผยว่าได้ติดต่อผู้บังคับบัญชาเพื่อขอกลับไปปฏิบัติหน้าที่ต่อ แม้ได้รับคำสั่งให้พักรักษาตัวก่อน แต่หากมีความจำเป็น เขาพร้อมกลับไปสู้เพื่อประเทศชาติทันที ทั้งนี้ ตัว สิบโทปรีชา และครอบครัวเชื่อว่า เป็นบารมี หลวงพ่อเดิม หลวงพ่อยูร และหนังเสือ วัดพนมเศษเหนือ จังหวัดนครสวรรค์ รวมถึงหลวงพ่อเคลือบ วัดหนองกระดี่ […]