สำนักข่าวไทย 30 พ.ค.-มส.ประชุมบ่ายวันนี้ตามิวาระปกติ หลังพระผู้ใหญ่ถูกจับและถอดสมณศักดิ์ พร้อมเตรียมชี้แจงประชาชนกรณีดังกล่าวเป็นเรื่องส่วนบุคคล ไม่กระทบศรัทธาภาพรวมศาสนา
นายสิปป์บวร แก้วงาม ผู้อำนวยการสำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม(มส.) ในฐานะรองโฆษกสำนักงานพระพุทธศาสาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวว่า วันนี้(30พ.ค.)เวลา14.00 น.มหาเถรสมาคม(มส.) มีการประชุมตามวาระปกติ รวมทั้งรายงานกรณีตำรวจดำเนินคดีกับอดีตพระผู้ใหญ่ต่อสมเด็จพระอริย วงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก และแจ้งที่ประชุม มส. เพื่อทราบ
ส่วนกรณีที่ชุดสืบสวนกองปราบปรามมีข้อมูลพระผู้ใหญ่ที่ถูกกล่าวหาบางรูปมีพฤติกรรมเสพเมถุน มีสัมพันธ์กับสีกาด้วยนั้น ตนยังไม่ได้รับรายงาน คงต้องรอให้กระบวนการสืบสวนสอบสวนเสร็จสิ้น จนกว่าจะได้ข้อมูลที่ถูกต้องชัดเจน
ส่วนเรื่องที่สมเด็จพระสังฆราช ทรงห่วงใยสถานการณ์พระพุทธศาสนา และทรงกังวลต่อภาพลักษณ์ของพระพุทธศาสนานั้น พศ.จะเร่งชี้แจงทำความเข้าใจต่อประชาชน พุทธศาสนิกชน ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นต่อไป ว่า เป็นเรื่องของตัวบุคคล โดยเรื่องยังอยู่ในการพิจารณาคดีของเจ้าหน้าที่บ้านเมืองและศาล จนกว่าจะมีผลสรุปออกมาชี้ชัดว่ามีความผิดจริงหรือไม่
ส่วนกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตั้งข้อสังเกตวุฒิการศึกษาของพระสงฆ์กับสมณศักดิ์ไม่สอดคล้องกัน โดยพระผู้ใหญ่ที่ตกเป็นผู้ต้องหาในขณะนี้มีสมณศักดิ์ถึงชั้นรองสมเด็จพระราชาคณะ แต่เหตุใดจึงมีวุฒิการศึกษาเพียงนักธรรมเอกนั้น นายสิปป์บวร กล่าวว่า การศึกษาสงฆ์ต้องแยกออกจากสมณศักดิ์ พระที่จบการศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกธรรม ชั้นนักธรรมเอก ถือเป็นการศึกษาชั้นสูงสุดของแผนกธรรม ซึ่งการดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส คณะสงฆ์ได้กำหนดคุณสมบัติไว้ว่า ต้องบวชมาแล้ว5พรรษาขึ้นไป และในแต่ละภาคการปกครองก็จะมีกำหนดวิทยฐานะว่า ต้องเป็นพระที่มีภูมิรู้ทางธรรม โดยบางพื้นที่จะกำหนดว่าการขึ้นเป็นเจ้าอาวาสต้องจบการศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกธรรม ชั้นนักธรรมตรี ขึ้นไป เนื่องจากจะต้องเป็นผู้นำวัด ถือเป็นองค์กรขนาดใหญ่
ส่วนสมณศักดิ์ เป็นยศที่พระมหากษัตริย์ พระราชทานแก่พระภิกษุที่ทำคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนาและบ้านเมือง จึงไม่เกี่ยวกับวิทยฐานะทางการศึกษาแต่อย่างใด .-สำนักข่าวไทย