ทำเนียบ 18 ส.ค.- “สุชาติ” เตรียมลงพื้นที่วัดพระบาทน้ำพุ พรุ่งนี้ (19 ส.ค.) ตรวจสอบเงินบริจาควัด-มูลนิธิ เผยที่ผ่านมาสำนักพุทธฯ ยังไม่แจ้งความผิดปกติ
นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการลงพื้นที่วัดพระบาทน้ำพุ ในวันพรุ่งนี้ ว่า กรณีที่เกิดขึ้นตนรู้สึกเป็นห่วงประกอบกับ เมื่อมีเวลาว่างหลังจากประชุมคณะรัฐมนตรีแล้ว ก็เดินทางไปวัดพระบาทน้ำพุด้วยตัวเอง เพราะเป็นเรื่องที่สังคมให้ความสนใจ และเป็นเรื่องใหญ่โตพอสมควร โดยเฉพาะสะเทือนไปถึงวงการพระพุทธศาสนา จึงจะไปดูด้วยตัวเองว่าการสอบสวนไปถึงไหนแล้วบ้าง รวมไปถึงการที่วัดตั้งมูลนิธิ 4-5 มูลนิธิ โดยมูลนิธิที่มีปัญหามากที่สุดคือมูลนิธิใจฟ้า ที่หมอบีเข้าไปเกี่ยวข้อง ทั้งที่เป็นอาสาสมัคร แต่ไปเปิดบัญชีของตัวเอง และอ้างเอาเงินเข้าวัด ซึ่งทางตำรวจกองปราบปรามก็ดำเนินคดี แต่ไม่รู้ว่าถึงไหนแล้ว ขณะนี้คงพยายามรวบรวมหลักฐานอยู่ ซึ่งตนจะไปติดตามว่าถึงไหนแล้ว ถ้าไม่ถูกต้อง ไม่สุจริต ก็ต้องรีบดำเนินการ
ส่วนเรื่องของวัด ก็ต้องไปสอบดู ซึ่งสำนักพระพุทธสาสนามีหน้าที่ไปตรวจบัญชีวัด และวัดก็ต้องส่งบัญชี แต่ยังไม่มีการรายงานอะไรขึ้นมาว่ามีอะไรที่ผิดปกติบ้าง ดังนั้นแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ เงินบริจาคเข้าวัด เป็นรายได้ที่วัดต้องรายงานบัญชี แต่ในส่วนของมูลนิธิ จะขึ้นกับกระทรวงมหาดไทย เพราะฉะนั้นก็ต้องดูด้วย
“หลายแห่งอาจจะเลี่ยงด้วยการบริจาคดข้ามูลนิธิ ซึ่งสำนักพุทธฯ ไม่สามารถตรวจสอบได้ เพราะเป็นเรื่องมูลนิธิ ไม่ใช่เรื่องวัด ตรงนี้ก็ใช้เทคนิคแบบนี้กันหลายแห่ง ก็อาจต้องนำเคสนี้มาศึกษา แก้กฎและระเบียบ หากมีการรั่วไหลหรือมีช่องโหว่ของกฎหมายและระเบียบ เอาเงินไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ เพราะฉะนั้นพรุ่งนี้จะไปดูด้วยตัวเอง จะได้ทราบว่าไปถึงไหนแล้ว” นายสุชาติ กล่าว
ส่วนที่ นายนิยม เวชกามา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกมาการันตีว่าหลวงพ่อไม่ผิดนั้น นายสุชาติ กล่าวว่า ไม่ทราบว่าผิดหรือไม่ผิด ก็ต้องไปดู แต่สำนักพุทธฯ มีหน้าที่ตรวจวัด และการดำเนินงานของหลวงพ่อ ก็ยังไม่มีการรายงานว่าผิดปกติหรือไม่ แต่เงินที่บริจาคเข้ามูลนิธิ ที่เราเป็นห่วงเพราะมีจำนวนมาก โดยมูลนิธิใจฟ้า ซึ่งเปิดบัญชีโดยหมอบี อยู่ๆเอาชื่อวัดไปหากิน ก็ต้องไปดูว่าถูกต้องหรือไม่ ส่วนอีก 4-5 มูลนิธิ ที่เอาเงินมาช่วยผู้ป่วยเอดส์ คนยากจน ช่วยเรื่องการศึกษา ก็คงต้องไปดูรายละเอียด
เมื่อถามว่า จะเชิญกระทรวงสาธารณสุขไปด้วยหรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้มีความพยายามการขัดขวางการให้ยาต้าน ซึ่งมีการตรวจสอบมาตั้งแต่ปี 2008 สังคมจึงตั้งคำถามว่าทำไมสำนักพุทธฯ ปล่อยให้ยืดเยื้อนานขนาดนี้ นายสุชาติ ถามกลับว่า ตรงนี้อาจไม่ใช่หน้าที่ของสำนักพุทธฯ แต่อาจเป็นเรื่องของการรักษาพยาบาล กระทรวงสาธารณสุข แต่ตนยังไม่ได้รับรายงานตรงนี้ พรุ่งนี้ไปคงทราบรายละเอียดลึกมากขึ้น ดังนั้นก็ต้องถามก่อน ผู้ว่าฯ มีข้อมูลอะไร สาธารณสุขจังหวัดมีอะไร เพราะตนแจ้งอย่างเป็นทางการแล้วว่าพรุ่งนี้ตนจะไปตรวจ
ส่วนเรื่องมูลนิธิ ที่เกี่ยวกับความรับผิดชอบของกระทรวงมหาดไทย จะไปชี้ช่องให้กระทรวงจัดการใช่หรือไม่ นายสุชาติกล่าวว่า พรุ่งนี้ทางวัดต้องชี้แจงข้อมูลกับตนทั้งหมดทุกเรื่อง ว่าเงินที่ได้มาใน 2 ช่องทาง ตือ บริจาคเข้าวัดโดยตรง และบริจาคเข้ามูลนิธิ ก็ต้องไปดูว่าที่มาของเงินในมูลนิธิเป็นอย่างไร ตรงตามวัตถุประสงค์ และข้อบังคับของการจดมูลนิธิหรือไม่ เพราะการจดเป็นมูลนิธิ มีข้อบังคับเหมือนการตั้งบริษัท ถึงแม้ไม่ใช่หน้าที่โดยตรง แต่ก็จะขอดู ถ้ามีอะไรผิดปกติก็แจ้งตำรวจ หรือกระทรวงมหาดไทยไป -สำนักข่าวไทย