มติ มส. เคาะแก้ไขเพิ่มเติมกฎมหาเถรสมาคม 2 เรื่อง

21 ก.ค.- ที่ประชุมมหาเถรสมาคม มีมติแก้ไขเพิ่มเติมกฎมหาเถรสมาคม 2 เรื่อง กรณีการลงนิคหกรรม หรือการลงโทษภิกษุที่ผิดพระธรรมวินัย พร้อมกำหนดกรอบเวลาวินิจฉัยรู้ผลภายใน 10 วัน หากมีหลักฐานชัด และขั้นตอนการสละสมณเพศของพระที่กระทำผิด ย้ำการปรับครั้งนี้ เพื่อความรวดเร็วในการจัดการ เพิ่มบทบาทสำนักพุทธฯ แสวงหาข้อมูลและร่วมมือกับหน่วยงานอื่น


รศ.ดร.ชัชพล ไชยพร ผู้เชี่ยวชาญด้านวิชาการพระพุทธศาสนา รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม พร้อมด้วย ศาสตราจารย์พิเศษ ธงทอง จันทรางศุ ที่ปรึกษามหาเถรสมาคม ร่วมแถลงข่าวเปิดเผย ภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมวันนี้

โดย รศ.ดร.ชัชพล ระบุว่าที่ประชุมมหาเถรสมาคม มีมติแก้ไขเพิ่มเติม กฎมหาเถรสมาคม 2 เรื่อง เพื่อใช้ในการเร่งรัดการปฏิบัติต่อพระสงฆ์ที่ประพฤติผิดต่อพระธรรมวินัย หนึ่ง เกี่ยวกับการลงนิคหกรรม หรือการลงโทษภิกษุตามพระธรรมวินัย กฎนี้เดิมตราขึ้นปีตั้งแต่ปี 2521 โดยจะมีการเพิ่มเติมที่ให้อำนาจข้าราชการมีส่วนนำเสนอประเด็นได้โดยไม่ต้องรอคณะสงฆ์อย่างเดียว โดยอำนาจวินิจฉัยยังเป็นคณะสงฆ์ ส่วนเจ้าหน้าที่หน่วยงานอื่นๆ จะมีส่วนในการสนับสนุนข้อมูล พยานหลักฐาน ช่วยเร่งรัดกระชับกระบวนการให้จัดการได้ไวขึ้น


โดยร่างกฎมหาเถรมาคมเรื่องลงนิคหกรรม ที่จะบังคับใช้เพิ่มเติมใหม่ จะมีการเพิ่มเติมหมวด โดยเฉพาะวิธีการปฏิบัติเมื่อปรากฏหลักฐานพระสงฆ์กระทำผิดชัดแจ้ง เช่น แบ่งเป็นในการพิจารณาพระภิกษุที่ถูกกล่าวหาว่าละเมิดพระธรรมวินัย เนื่องจากเสพเมถุน หรือต้องอาบัติปาราชิกอื่นๆ ประพฤติผิดพระธรรมวินัยอย่างร้ายแรงที่มีหลักฐานชัดแจ้ง หรือกรณีที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติได้รับรายงานจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และจากการสอบสวนของสำนักงานพระพุทธศาสนาชาติ ปรากฏหลักฐานว่าพระภิกษุเสพเมถุนหรือต้องอาบัติปาราชิกอื่นๆ หรือประพฤติผิดพระธรรมวินัยอย่างร้ายแรง ให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ นำเสนอ ผู้มีอำนาจลงนิคหกรรม เพื่อมีคำสั่งลงนิคหกรรม ได้ หรือจะแต่งตั้งคณะกรรมการกลางขึ้น ส่วนในต่างจังหวัด เป็นหน้าที่ของสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด และต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภานใน10 วัน นับตั้งแต่วันที่มีการเสนอให้ทราบ และกรณีนั้นปรากฏหลักฐานชัดเจน

กรณี พระที่สังกัดวัดแห่งหนึ่ง ไปปฏิบัติความผิดอีกที่ นอกเขตที่พระภิกษุสังกัด กรณีนี้ให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติมีอำนาจในการให้พื้นที่เขตอำนาจปกครองของคณะสงฆ์ในพื้นที่ที่พบการกระทำความผิดจัดการ หรือพิจารณาเสนอต่อมหาเถรสมาคม มอบให้คณะกรรมการกลางพิจารณา

การเร่งรัดการลงนิคหกรรม ที่ผ่านมา ที่ดำเนินการล่าช้านั้น เดิมไม่ได้กำหนดกรอบระยะเวลา เจ้าคณะปกครองอยู่ใต้อำนาจของมหาเถรสมาคม ดังนั้นจึงกำหนดกรอบภายในระยะเวลา 10 วันหากปรากฏหลักฐานชัดแจ้ง ข้าราชการที่มีอำนาจในการสนองงาน หากไม่สามารถดำเนินการได้ก็จะเป็นความผิดของเจ้าพนักงานนั้น


การเร่งรัดการดำเนินงานนิคหกรรม ให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ มีอำนาจร่วมเร่งรัดติดตามผลดำเนินการและประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อการสืบหาพยานหลักฐานและสนับสนุนการออกคำสั่งลงนิคหกรรม หรือกรณี พศ.ได้รับข้อมูลที่น่าเชื่อถือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สามารถหยิบยกขึ้นมาให้กรรมการกลางที่มหาเถรสมาคมตั้งขึ้นมาวินิจฉัยพิจารณาได้เลย

อีกประเด็น ที่แก้ไขกฎมหาเถรสมาคม คือ เรื่องสละสมณเพศ เดิมตราไว้ตั้งแต่ปี 2538 จนถึงปัจจุบันอาจยังมีความไม่ครอบคลุม จึงต้องเพิ่มรายละเอียด ข้อกำหนดลักษณะเฉพาะของพฤติการณ์ที่เกิดขึ้นของพระที่ละเมิดพระธรรมวินัย กรณีพระภิกษุที่ประพฤติผิดพระธรรมวินัยอยู่บ่อยครั้ง หรือปรากฏข้อเท็จจริงหรือมีพยานหลักฐานชัดแจ้งว่ามีการกระทำเข้าข่ายต้องอาบัติ ประเภทครุกาบัติ หรือพบพฤติการณ์ว่า หากปล่อยให้ดำรงสมณเพศต่อไปจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อคณะสงฆ์

กรณีพระภิกษุรูปใดพบกระทำผิด ให้พศ.เป็นผู้รวบรวมข้อเท็จจริงรายงานต่อเจ้าคณะเจ้าปกครองและให้ดำเนินการสละสมณเพศ โดยกรณีพระสงฆ์ทั่วไปให้เสนอเรื่องต่อเจ้าคณะภาค กรณีเป็นพระสังฆาธิการคือพระภิกษุที่มีตำแหน่งปกครองให้เสนอเรื่องต่อเจ้าคณะใหญ่ เว้นแต่ กรณีผู้ถูกกล่าวหาเป็นเจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะภาค เจ้าคณะใหญ่ หรือเป็นพระราชาคณะ ส่งเรื่องให้มาที่มหาเถรสมาคมวินิจฉัย หากมีการขัดคำสั่งคณะสงฆ์ไม่ยอมสละสมณเพศ ให้ขอความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ความมั่นคงในการดำเนินการสละสมณเพศ

กรณีต้องอาบัติปาราชิก วิธีการสึกให้เปลื้องจีวร โดยจะกล่าวคำลาสิกขาด้วยหรือไม่ก็ได้ เพื่อเป็นพยานหลักฐานให้เจ้าหน้าที่ พศ. ที่เกี่ยวข้องบันทึกลงฐานข้อมูลลงระบบทางออนไลน์ด้วย เป็นต้น

ด้าน ศาสตราจารย์พิเศษ ธงทอง กล่าวเพิ่มเติมว่า กฎเรื่องการลงนิคหกรรม ตราไว้ตั้งแต่ปี 21 จนถึงปัจจุบัน 47 ปีแล้ว ยกตัวอย่างเช่นมีการบัญญัติไว้ว่า เมื่อพบพระก็ทำผิดพระธรรมวินัยในยุคสมัยนั้นมีเพียงพยานบุคคลหรือพยานเอกสารและเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในที่ลับหูลับตาผู้คน กฎกติกาที่เขียนในเวลานั้นก็มีขั้นตอนกว่าจะเป็นที่ยุติใช้เวลานาน ทำให้กว่าจะได้ข้อสรุป และยังมีความคลุมเครืออยู่เสมอ แต่ในยุคปัจจุบันโดยเฉพาะเรื่องที่เกิดขึ้นไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ชัดเจนว่าหลายเคส มีพยานหลักฐาน ทั้งทางเทคโนโลยี และหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ มีคลิป มีแชท จำเป็นจะต้องกำหนดกฎขึ้นมาใหม่เพื่อให้นำหลักฐานเหล่านี้เข้ามาสู่การพิจารณาในกระบวนการได้ แต่ย้ำว่าเรื่องพระธรรมวินัย อำนาจการพิจารณาใครผิดใครถูกยังเป็นของคณะสงฆ์ ส่วนหน่วยงานอื่นๆ ไม่ได้เป็นผู้ชี้ขาด แต่เป็นเพียงผู้สนับสนุนข้อมูล พยานหลักฐานที่ได้มา ก็อาจมาจากหน่วยงานของรัฐ เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่มีผู้มาแจ้งเบาะแส ก็จะนำส่งต่อให้คณะสงฆ์ในชั้นปกครองพิจารณา และสุดท้ายต้องมีกรอบเวลาในการพิจารณาต้องเสร็จภายใน 10 วันเท่านั้น ภายใต้เงื่อนไขว่าต้องมีพยานหลักฐานที่ชัดเจน และการวินิจฉัยถือเป็นการสิ้นสุด

โดยขั้นตอนหลังจากที่ประชุมมีมติมหาเถรสมาคมในวันนี้ จะมีการตามขั้นตอนเพื่อตราเป็นกฎมหาเถรสมาคม และลงประกาศในแถลงการณ์คณะสงฆ์ ให้มีผลตามประกาศต่อไปโดยคาดว่าจะใช้เวลาไม่นาน ภายในเดือนกรกฎาคมนี้

ส่วนบรรยากาศที่วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร ตั้งแต่เวลา 14.00 น. ในการประชุมมหาเถรสมาคม มีกรรมการมหาเถรสมาคมเข้าร่วม โดยมี สมเด็จพระธีรญาณมุนี วัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร พร้อมด้วย สมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร สมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร สมเด็จพระมหาธีราจารย์ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม พระพรหมมุนี วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร พระพรหมวชิรเวที วัดปทุมวนาราม พระพรหมดิลก วัดสามพระยา พระพรหมสิทธิ วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร พระพรหมวชิรรังษี วัดบวรนิเวศวิหาร พระพรหมวชิรวิมล วัดบวรนิเวศวิหาร พระพรหมวชิรมุนี วัดสุทัศนเทพวราราม พระพรหมวชิรากร วัดราชผาติการามวรวิหาร พระพรหมกวี วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร

โดยมี นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ในฐานะเลขาธิการมหาเถรสมาคม และ ศาสตราจารย์พิเศษ ธงทอง จันทรางศุ ที่ปรึกษามหาเถรสมาคม เข้าร่วม -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ทบ.ชี้เหตุกำลังพล ร้อย.ร.111 เหยียบกับระเบิด สะท้อนกัมพูชาเริ่มใช้อาวุธก่อน

กรุงเทพฯ 9 ส.ค. – โฆษก ทบ. ชี้เหตุกำลังพล ร้อย.ร.111 เหยียบกับระเบิดขณะลาดตระเวนเส้นทาง พื้นที่รอยต่อบ้านโดนเอาว์-บ้านกฤษณา จ.ศรีสะเกษ บาดเจ็บ 3 นาย สะท้อนกัมพูชาเริ่มใช้อาวุธก่อน พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า วันที่ 9 สิงหาคม 2568 เวลา 10.00 น. กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 กรณีกำลังพลของหน่วยกองร้อยทหารราบที่ 111 เหยียบกับระเบิด ขณะทำการลาดตระเวนเส้นทาง เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่รอยต่อบ้านโดนเอาว์-บ้านกฤษณา จังหวัดศรีสะเกษ ส่งผลให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ได้แก่ 1. จ่าสิบเอก ธานี พาหา ตำแหน่งผู้บังคับหมู่ป้องกัน บาดเจ็บรุนแรง ข้อเท้าซ้ายท่อนล่างขาด2. พลทหาร ภาคภูมิ ไชยสุระ ตำแหน่งพลปืนเล็ก บาดเจ็บบริเวณแขนและด้านหลัง3. พลทหาร ธนันชัย ไกรวงค์ […]

จับผับรังสิต

สั่งเด้งผู้การปทุมธานี ขาดจากตำแหน่งเดิม เซ่นจับผับดังรังสิต

8 ส.ค. – โดนด้วย! สั่งเด้งผู้การปทุมธานี โดยให้ขาดจากตำแหน่งเดิม พร้อมพวกอีก 5 นาย เซ่นจับผับดังรังสิต พบฉี่ม่วงเพียบเฉียด 200 คน พล.ต.ต.ศิลปคมณ์ เอี่ยมวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ลงนามในคำสั่งตำรวจภูธรภาค 1 ที่ 209/2568 เรื่อง ข้าราชการตำรวจช่วยราชการ ใจความว่า ด้วย ตำรวจภูธรภาค 1 มีคำสั่งที่ 208/2568 ลงวันที่ 8 สิงหาคม 2568 แต่งตั้ง คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ในกรณีเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2568 เวลา 01.00 น. ชุดปฏิบัติการ พิเศษกรมการปกครอง ได้มีการจัดระเบียบสังคม โดยเปิดปฏิบัติการ (Zero Drug) โดยนำกำลังเข้าทำการ ตรวจสอบและจับกุมสถานบริการ ชื่อ ร้าน “Skin […]

ข่าวแนะนำ

ทหารกล้าเล่านาทีระทึก รอดตายจากระเบิดชายแดน

11 ส.ค.- ทหารกล้า เล่าเหตุการณ์ ลูกระเบิดจากฝั่งกัมพูชา ร่วงใส่จุดที่กำลังพลอยู่พอดี จนได้รับบาดเจ็บ ทีมข่าวลงพื้นที่อำเภอลานสัก จ.อุทัยธานี บ้านของ สิบโทปรีชา เสือบัว อายุ 24 ปี หัวหน้าชุดหมู่ปืนเล็กหมวดปืนเล็ก กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 4 ค่ายจิรประวัติ จังหวัดนครสวรรค์ เล่านาทีรอดชีวิตจากเหตุระเบิดที่ภูมะเขือ จังหวัดศรีสะเกษ เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ขณะประจำการอยู่ในบังเกอร์ ได้ยินเสียงปืนครกจากฝั่งกัมพูชา จึงรีบถอยตัวออกครึ่งหนึ่งเพื่อให้ลูกน้องหลบเข้าไปด้านในบังเกอร์  แต่จังหวะนั้นกระสุนระเบิดตกใส่ทันทีจนร่างกระเด็นและหมดสติ เหตุระเบิดทำให้สิบโทปรีชา ได้รับบาดเจ็บที่ดวงตาซ้าย ขณะปฏิบัติหน้าที่พร้อมเพื่อนทหารอีก 3 นาย สิบโทปรีชา ยังบอกอีกว่า “หากต้องบาดเจ็บอวัยวะส่วนไหน ก็ยอม แต่จะไม่ยอมเสียชาติ” พร้อมเผยว่าได้ติดต่อผู้บังคับบัญชาเพื่อขอกลับไปปฏิบัติหน้าที่ต่อ แม้ได้รับคำสั่งให้พักรักษาตัวก่อน แต่หากมีความจำเป็น เขาพร้อมกลับไปสู้เพื่อประเทศชาติทันที ทั้งนี้ ตัว สิบโทปรีชา และครอบครัวเชื่อว่า เป็นบารมี หลวงพ่อเดิม หลวงพ่อยูร และหนังเสือ วัดพนมเศษเหนือ จังหวัดนครสวรรค์ รวมถึงหลวงพ่อเคลือบ วัดหนองกระดี่ […]

กต.เดินหน้าร้องเรียนกัมพูชา ปมทุ่นระเบิดสังหาร

11 ส.ค.- กระทรวงการต่างประเทศ รายงานผลการร้องเรียนกัมพูชาต่อองค์กรระหว่างประเทศ กรณีวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ทำให้ทหารไทยบาดเจ็บ กระทรวงการต่างประเทศ ออกรายงาน “การดำเนินการของไทยต่อกรณีทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ภายใต้อนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล (Anti-Personnel Mine Ban Convention) หรือ อนุสัญญาออตตาวา (Ottawa Convention) สาระสำคัญ คือ ตามที่เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 23 กรกฎาคม และ 9 สิงหาคม 2568 ทหารไทยรวม 11 นาย บาดเจ็บสาหัสจากการเหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลที่วางใหม่โดยกองกำลังทหารกัมพูชา ในบริเวณช่องบก จ.อุบลราชธานี ช่องอานม้า จ.อุบลราชธานี และช่องโดนเอาว์-กฤษณา อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ตามลำดับ นั้น กระทรวงการต่างประเทศได้ดำเนินการภายใต้กรอบอนุสัญญา ออตตาวา เพื่อตอบโต้กัมพูชาโดย เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครเจนีวา มีหนังสือถึงประธานการประชุมรัฐภาคีของอนุสัญญาออตตาวา ครั้งที่ 22 จำนวน 3 ฉบับ เปิดเผยพฤติกรรมการวางทุ่นระเบิด PMN-2 […]

อุตุฯ เตือนไทยมีฝนเพิ่ม-ตกหนักบางแห่ง ระวังน้ำท่วมฉับพลัน

กทม. 11 ส.ค.- กรมอุตุฯ เผย “เหนือ อีสาน ตะวันออก ใต้” ฝนตกหนักบางแห่ง ระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก จับตาพายุไต้ฝุ่น “โพดุล” คาดเคลื่อนผ่านเกาะไต้หวัน ก่อนขึ้นฝั่งจีนช่วง 13-14 ส.ค.นี้ ยันไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย กรมอุตุนิยมวิทยาเผยภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย เนื่องจากมีร่องมรสุมพาดผ่านประเทศลาวตอนบน และประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้น สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้น โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1 – 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น “โพดุล” (PODUL) บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก คาดว่าจะเคลื่อนผ่านเกาะไต้หวัน […]

วิเคราะห์แนวทางดำเนินคดีกัมพูชา

10 ส.ค. – ฟังการวิเคราะห์ปมดำเนินคดีกัมพูชา กับ รศ.ดร. ดุลยภาค ปรีชารัชช อาจารย์ประจำสาขาวิชาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จากหลักฐานที่มีชัดเจน กระสุนกัมพูชายิงตกฝั่งไทย เกิดความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สินพลเรือน และมีกระสุนที่ต้องเก็บกู้มากกว่า 800 นัด ขณะที่หลังการเจรจา GBC ผ่านไป พบกัมพูชายังเสริมกำลังทหารต่อเนื่อง .-สำนักข่าวไทย